อิเกีย ยกเลิกการจำหน่ายแบตเตอรีอัลคาไลน์แบบชาร์จไฟไม่ได้ ภายในเดือนตุลาคม ปี 2564 สร้างแรงบันดาลใจและส่งเสริมให้ผู้คนใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนได้ในทุกๆ วันที่บ้าน

อิเกีย ก้าวต่อไปอีกขั้นในการมุ่งมั่นสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนเพื่อใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและยั่งยืนยิ่งขึ้นในทุกๆ วันที่บ้าน ด้วยการยกเลิกการจำหน่ายแบตเตอรีอัลคาไลน์แบบชาร์จไฟไม่ได้ในสโตร์อิเกียทั่วโลกภายในเดือนตุลาคม ปี 2564 มุ่งหวังให้ลูกค้าที่ใช้ แบตเตอรีอัลคาไลน์แบบชาร์จไฟไม่ได้อยู่เป็นประจำ หันมาใช้แบตเตอรีแบบชาร์จไฟได้ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวและยังช่วยลดปริมาณขยะให้กับโลกอีกด้วย

“เรายินดีเป็นอย่างยิ่งกับการยกเลิกการจำหน่ายแบตเตอรีอัลคาไลน์แบบชาร์จไฟไม่ได้ รุ่น ALKALISK/อัลกาลิสค์ ที่จะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในสโตร์อิเกียทั่วโลก พร้อมๆ กับการหันมาส่งเสริมการใช้แบตเตอรีแบบชาร์จไฟได้ให้มากขึ้น” ลาร์ช สเวนสัน ผู้อำนวยการฝ่ายความยั่งยืน อิเกีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเม็กซิโก กล่าว “เราหวังว่า นี่จะเป็นก้าวที่ช่วยส่งเสริมให้ผู้คนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เปลี่ยนมาเลือกใช้แบตเตอรีแบบชาร์จไฟได้ ซึ่งมีราคาสบายกระเป๋า ใช้งานง่าย สามารถยืดอายุการใช้งานทั้งผลิตภัณฑ์และวัสดุ และยังช่วยลดปริมาณขยะ รวมถึงประหยัดกว่าแทน”

แบตเตอรีแบบชาร์จไฟได้ รุ่น LADDA/ลัดด้า ของอิเกีย สามารถชาร์จไฟได้สูงสุดถึง 500 ครั้ง และเป็นแบตเตอรี NiMH จากการวิจัยเชิงเปรียบเทียบเพื่อประเมินวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ แสดงให้เห็นว่าแบตเตอรี NiMH แบบชาร์จไฟได้ ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าเทียบกับแบตเตอรี อัลคาไลน์ เมื่อใช้กับอุปกรณ์ที่ใช้ในครัวเรือนทั่วไปซึ่งใช้พลังงานสูงและต้องชาร์จไฟอย่างสม่ำเสมอ เช่น ของเล่น ไฟฉาย ลำโพงหรือกล้องถ่ายรูปแบบพกพา เป็นต้น1 

แบตเตอรี NiHM แบบชาร์จไฟได้ อย่างรุ่น LADDA/ลัดด้า ที่จำหน่ายในสโตร์อิเกียนั้น พบว่าเมื่อชาร์จไฟไปแล้ว 10 ครั้ง จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาน้อยกว่าแบตเตอรีอัลคาไลน์เมื่อใช้พลังงานเท่ากัน และหลังจากที่ชาร์จไป 50 ครั้ง จึงได้ข้อสรุปว่า ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวม2  ของแบตเตอรีชนิด NiMH มีน้อยกว่าหรือเท่ากับผลกระทบที่เกิดจากการใช้แบตเตอรีอัลคาไลน์3 

“นี่จะเป็นทางเลือกที่ประหยัดและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าในระยะยาว เมื่อเราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคและหันมาใช้แบตเตอรีแบบชาร์จไฟได้อย่างเต็มประสิทธิภาพด้วยความคุ้มค่าสูงสุด” ลาร์ช สเวนสัน กล่าว ก่อนเสริมต่อว่า “ทั้งยังช่วยลดการสร้างขยะด้วย”

ปีที่แล้ว อิเกีย จำหน่ายแบตเตอรีอัลคาไลน์ไปทั้งหมด 300 ล้านชิ้นทั่วโลก เฉพาะสโตร์อิเกียทั้ง 9 แห่งที่เปิดให้บริการในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย ลูกค้าซื้อแบตเตอรีแบบชาร์จไฟไม่ได้ รุ่น ALKALISK/อัลกาลิสค์ ไปกว่า 3.4 ล้านห่อ หากลูกค้าอิเกียทุกคนเปลี่ยนจากแบตเตอรีแบบชาร์จไฟไม่ได้ รุ่น ALKALISK/อัลกาลิสค์ มาใช้แบตเตอรีชาร์จไฟได้ รุ่น LADDA/ลัดด้า สำหรับอุปกรณ์กินไฟสูง (และชาร์จไฟใช้ประมาณ 50 ครั้ง) การร่วมด้วยช่วยกันเปลี่ยนคนละเล็กน้อยเพียงแค่นี้ จะสามารถลดขยะโลกไปได้กว่า 5,000 ตันต่อปี4 

ในที่สุด ผู้คนจะค่อยๆ ลด ละ และเลิกใช้แบตเตอรี รุ่น ALKALISK/อัลกาลิสค์ ซึ่งจะส่งผลให้ แบตเตอรีรุ่นดังกล่าวค่อยๆ หายไปจากสโตร์เช่นกัน ซัพพลายเออร์จะอาศัยช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านนี้ปรับตัวรับพฤติกรรมการใช้งานที่เปลี่ยนแปลงไป ขณะเดียวกัน สโตร์อิเกียแต่ละแห่งก็จะมีเวลาเพียงพอให้จำหน่ายสินค้าคงคลังที่มีอยู่ กระบวนการยกเลิกการจำหน่ายแบตเตอรี รุ่น ALKALISK/อัลกาลิสค์ จะจบสมบูรณ์พร้อมกันทั่วโลกภายในเดือนตุลาคม ปี 2564 ส่วนแบตเตอรีลิเธียมไอออน รุ่น PLATTBOJ/พลัทบอย จะยังคงอยู่ในรายการสินค้าของอิเกียต่อไป เนื่องจากผลิตภัณฑ์บางชิ้นยังต้องใช้แบตเตอรีชนิดนี้เพื่อการใช้งาน

——————————————————————————————————————–

1 Comparative Life cycle analysis of alkaline batteries against rechargeable NiMH batteries. Dolci et al., 2016; Mahmud, 2019; Parsons, 2007, and Menet and Gruescu, 2013.

2 Climate change, acidification, eutrophication (terrestrial, freshwater, and marine), freshwater ecotoxicity, human toxicity (cancer effects and noncancer effects), particulate matter, water resource depletion, and mineral and fossil resource depletion).

3 Comparative Life cycle analysis of alkaline batteries against rechargeable NiMH batteries. Dolci et al., 2016; Mahmud, 2019; Parsons, 2007, and and Gruescu, 2013.

4 Calculations are based on the comparative LCA studies listed in footnote 1, extrapolated to LADDA and ALKALISK batteries, based on FY19 sales figures of LADDA and assuming all LADDA batteries are charged 50 times according to IEC 61951-2 Ed.3 (2011) standards and in high-drain devices. 

“นิติบุคคลดี” รู้ก่อน-ตรวจสอบได้ ไม่ต้องวัดดวง ซื้ออยู่เอง หรือ ปล่อยเช่าก็อุ่นใจ

การเลือกซื้อที่อยู่อาศัยไม่ว่าจะซื้ออยู่เองหรือซื้อปล่อยเช่านอกจากผู้บริโภคจะต้องเลือกพิจารณาความเหมาะสมด้านราคา ฟังก์ชั่นการใช้สอย ความสะดวกในการเดินทาง และสภาพแวดล้อมโดยรวมของที่อยู่อาศัยแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ทุกคนคาดหวังนอกจากการมีบ้าน/คอนโดฯ ในฝันที่สงบสุข ก็คือมีสังคมแวดล้อมที่น่าอยู่ทั้งจากสภาพแวดล้อม สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และเพื่อนบ้านที่ดี นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยที่เติมเต็มประสบการณ์ให้การอยู่อาศัยดียิ่งขึ้นก็คือ “นิติบุคคล” เพราะโครงการไหนที่มีนิติบุคคลที่บริหารจัดการเรื่องต่าง ๆ ได้ดี นอกจากผู้อาศัยจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีแล้ว โครงการนั้น ๆ มีแนวโน้มที่จะปล่อยเช่าหรือขายต่อได้ดีกว่าโครงการที่มีนิติบุคคลที่บริหารจัดการได้ไม่ดีอีกด้วย วันนี้ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย ขอนำเสนอแนวทางเลือกที่อยู่อาศัยอย่างไรให้เจอนิติบุคคลในฝัน เพื่อเพิ่มความอุ่นใจให้ผู้ที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัย เรามารู้จักกับ “นิติบุคคล” ในเบื้องต้นกันก่อน

“นิติบุคคล” คือใคร?

“นิติบุคคล” ในที่นี้คือนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลอาคารชุด หรือที่เราได้ยินกันคุ้นหูว่า “นิติฯ” มีหน้าที่หลักในการบริหารจัดการและดูแลทรัพย์สินส่วนกลางภายในโครงการที่อยู่อาศัย รวมทั้งการอำนวยความสะดวกในหลาย ๆ ด้านให้กับลูกบ้านทุกคน ปกติแล้วการจะจัดตั้งนิติบุคคลขึ้นอยู่กับรูปแบบของที่อยู่อาศัย สำหรับนิติบุคคลอาคารชุดหรือนิติบุคคลคอนโดฯ ในช่วงแรกเจ้าของโครงการจะรับผิดชอบจัดหาบริษัทเพื่อทำหน้าที่ในการบริหารอาคารชุด และจากนั้นจะเปิดสรรหาคณะกรรมการนิติบุคคลอาคารชุดต่อไปซึ่งคัดเลือกจากตัวแทนของเจ้าของร่วมหรือลูกบ้านในอาคารชุด

ในขณะที่นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรจะจัดตั้งขึ้นจากมติของเจ้าของบ้านในโครงการไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของเจ้าของบ้านในโครงการนั้น ๆ  โดยจะเป็นการแต่งตั้งตัวแทนคณะกรรมการยื่นคำขอจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด เพื่อให้คณะกรรมการนิติบุคคลรับโอนทรัพย์สินส่วนกลาง ทรัพย์สินสาธารณูปโภคจาก “ผู้จัดสรร” หรือเจ้าของโครงการมาบริหารจัดการได้ แต่ก็ต้องอยู่ภายในการบริหารงานของคณะกรรมการนิติบุคคลเช่นเดียวกันกับนิติบุคคลอาคารชุด โดยนิติบุคคลคอนโดฯ และหมู่บ้านจัดสรรนั้นได้รับยกเว้นภาษี เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้เป็นองค์กรไม่แสวงกำไร การจัดเก็บค่าส่วนกลางส่วนใหญ่จึงคำนวณให้รายรับพอดีกับรายจ่ายที่เกิดขึ้น

อยากอยู่ร่วมกับเพื่อนบ้านอย่างสงบสุข แล้ว นิติบุคคลช่วยคุณได้อย่างไรบ้าง?

นอกจากการเรียกเก็บค่าส่วนกลางที่ดูเหมือนเป็นภาพจำที่ลูกบ้านมีต่อหน้าที่ของนิติบุคคลแล้ว รู้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้วนิติบุคคลมีขอบเขตความรับผิดชอบและบทบาทสำคัญที่จำเป็นต่อการสร้างสังคมที่อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขได้มากกว่าที่หลายคนคิด ดังนี้

  • จัดประชุมตามวาระต่าง ๆ เพื่อทำความเข้าใจและสร้างข้อตกลงร่วมกันในประเด็นต่าง ๆ ดำเนินงานตามวาระของที่ประชุมเพื่อให้เกิดประโยชน์ให้แก่ผู้อาศัย รวมถึงติดตามความคืบหน้าโครงการต่าง ๆ มาอัปเดตให้ลูกบ้าน/เจ้าของร่วมได้ทราบพร้อมกัน
  • รักษาและใช้กฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อเป็นการรักษาความสงบเรียบร้อยในการใช้งานทรัพย์สินส่วนกลางของสมาชิก โดยกฎระเบียบนั้นต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการนิติบุคคล พิจารณาโดยคำนึงบนพื้นฐานความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการใช้งานของลูกบ้านเป็นหลัก นอกจากนี้นิติบุคคลยังพร้อมเป็นตัวกลางที่คอยประสานไกล่เกลี่ยเพื่อลดการกระทบกระทั่งหากเกิดปัญหาในการอยู่ร่วมกันระหว่างลูกบ้านในโครงการนั้น ๆ
  • จัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกและจัดสรรบริการหรือกิจกรรมที่มีประโยชน์ เพื่อช่วยให้ลูกบ้านได้รับความสะดวกสบายในการดำรงชีวิต เช่น จัดซื้อเครื่องซักผ้าแบบหยอดเหรียญ/เครื่องอบผ้าในพื้นที่ส่วนกลาง จัดซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติมในฟิตเนส จัดอบรมเกี่ยวกับความปลอดภัยเมื่อมีเหตุุฉุกเฉินที่ไม่คาดคิด เป็นต้น
  • ดูแลรักษาทรัพย์สินส่วนกลางของโครงการให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ พร้อมควบคุมการใช้งานของลูกบ้านให้เป็นไปตามกฎที่ตั้งไว้ นิติบุคคลจะต้องมีการประเมินอายุการใช้งานของอุปกรณ์ต่าง ๆ และจัดหาช่างผู้ชำนาญมาตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ตามระยะเวลาที่กำหนด เช่น เครื่องออกกำลังกายในฟิตเนส ความสะอาดของสระว่ายน้ำ เป็นต้น เพื่อยืดอายุการใช้งานทรัพย์สินต่าง ๆ ให้ยาวนานขึ้น ในขณะเดียวกันก็เป็นการสร้างมั่นใจในความปลอดภัยให้กับลูกบ้านที่ใช้บริการ
  • นิติบุคคลเป็นตัวแทนของผู้อาศัยในการยื่นคำร้องทุกข์หรือเป็นโจทก์ฟ้องแทนลูกบ้านเกี่ยวกับกรณีที่กระทบสิทธิหรือผลประโยชน์ของสมาชิกจำนวนมาก เช่น มีความเดือดร้อนจากสภาพแวดล้อมโดยรอบ จนเกิดความไม่สบายใจในการอยู่อาศัย หรือการก่อสร้างต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมของโครงการ เป็นต้น

“นิติบุคคลในฝัน” ต้องเสี่ยงดวง หรือคุณเลือกได้?

จากผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภค DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study สองรอบล่าสุดพบว่า สิ่งอำนวยความสะดวก เป็น 1 ใน 3 ปัจจัยหลักที่ผู้บริโภคไทยใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัย โดย 53% ของคนวัยใกล้เกษียณ (ช่วงอายุ 50-59 ปี) และ 53% ของกลุ่มผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) รวมถึง 46% ของคนวัยทำงาน (ช่วงอายุ 30-49 ปี) ให้ความสำคัญกับส่วนกลาง ดังนั้น จึงไม่แปลกที่โครงการที่มีผู้ดูแลรักษาส่วนกลางที่มีประสิทธิภาพจะได้รับความสนใจจากผู้ซื้อ/ผู้เช่ามากกว่าโครงการที่ไม่ค่อยให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว

และถึงแม้ว่า “นิติบุคคล” จะไม่ได้เป็นปัจจัยสำคัญอันดับหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อหรือเช่าที่อยู่อาศัยแต่ก็มีผลที่ให้ความเชื่อมั่นแก่ผู้ที่กำลังมองหาบ้านมากพอสมควร เพราะผู้ซื้อย่อมกังวลว่าเมื่อย้ายที่อยู่ใหม่นอกจากต้องพบกับประสบการณ์ใหม่ ๆ ทั้งจากสภาพแวดล้อมโดยรอบ หรือเพื่อนบ้านที่มีความหลากหลาย แน่นอนว่าการมีนิติบุคคลที่มีประสิทธิภาพช่วยบริหารจัดการความเรียบร้อยในหมู่บ้านจัดสรรหรือคอนโดฯ จึงเป็นเหมือนแสงสว่างให้ทุกคนอุ่นใจ ดังนั้น การสละเวลาค้นหาข้อมูลว่าโครงการที่เราสนใจนั้นมีการทำงานของนิติบุคคลเป็นอย่างไรบ้าง ก็จะช่วยคลายกังวล และทำให้ตัดสินใจเลือกซื้อ/เช่าอสังหาฯ ได้ง่ายขึ้น

  • เสริมความมั่นใจด้วยการเลือกโครงการที่ได้รับการยอมรับด้านความเป็นมืออาชีพของนิติบุคคล ปัจจุบันผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่หลายแห่งได้จัดตั้งบริษัทย่อยมาดำเนินธุรกิจบริหารงานนิติบุคคลในเครือโดยเฉพาะ เพื่อดึงดูดกำลังซื้อและสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัย ซึ่งการันตีคุณภาพการบริหารงานด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์มากมายและมีผลงานเป็นที่ยอมรับ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเปิดรับบริหารงานนิติบุคคลให้กับโครงการอสังหาฯ ต่าง ๆ ที่ต้องการทีมงานมืออาชีพอีกด้วย

นอกจากบริษัทย่อยที่รับบริหารงานนิติบุคคลของผู้ประกอบการอสังหาฯ จะเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ด้านนี้โดยตรงแล้ว ยังมีจุดเด่นตรงที่มีบริษัทแม่ที่เชี่ยวชาญในตลาดอสังหาฯ จึงมีการพัฒนาและนำนวัตกรรม/เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้เพื่อยกระดับการบริหารโครงการให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่มากขึ้น โดยคำนึงถึงความต้องการของผู้อยู่อาศัยเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) เช่น การเพิ่มช่องทางชำระค่าใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์ พัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับผู้อยู่อาศัยโครงการนั้นโดยเฉพาะเพื่อแจ้งข่าวสารต่าง ๆ และปรับฟังก์ชั่นให้ตอบโจทย์การใช้จริงอย่างระบบแจ้งเตือนเมื่อมีพัสดุ หรือระบบแจ้งเตือนการชำระเงินค่าส่วนกลาง นอกจากนี้ บริษัทรับบริหารนิติบุคคลยังมีการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้กับระบบหลังบ้านเพื่อบริหารจัดการข้อมูลและขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมนำข้อมูลผู้อยู่อาศัยที่มีมาวิเคราะห์เพื่อจัดสรรบริการ/สาธารณูปโภคที่เหมาะสมต่อไป

  • จัดตั้งนิติบุคคลกันเอง ต้องลุ้นการบริหารจัดการเมื่อเกิดปัญหา หากเป็นโครงการอสังหาฯ จากผู้ประกอบการรายกลางหรือรายเล็กบางแห่งนั้น จะมีการคัดเลือกทีมนิติบุคคลจากผู้อยู่อาศัยขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนในการดูแลบริหารจัดการเรื่องต่าง ๆ แทนลูกบ้าน แม้จะมีความเข้าใจความต้องการและแชร์ประสบการณ์ตรงจากการเป็นผู้อยู่อาศัยจริงได้เป็นอย่างดี แต่ในอีกมุมหนึ่งก็ต้องยอมรับว่าทีมนิติบุคคลอาจจะไม่มีประสบการณ์ในการบริการจัดการปัญหาในที่อยู่อาศัยอย่างเป็นระบบได้เทียบเท่าบริษัทรับบริหารนิติบุคคลมืออาชีพ หากโครงการหรือหมู่บ้านไหนได้กลุ่มคนที่มีความสามารถมาเป็นคณะกรรมการในทีมนิติบุคคลก็ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ถ้าทีมที่ได้ไม่มีความสามารถเพียงพอหรือขาดประสบการณ์ ก็จะกลายเป็นปัญหาที่ลูกบ้านต้องรับสภาพจนกว่าจะมีการเลือกคณะกรรมการใหม่ ตัวอย่างปัญหาการใช้พื้นที่ส่วนกลาง เช่น การจอดรถในที่ห้ามจอด การใช้สระว่ายน้ำ การดูแลรักษาความสะอาด หรือการจัดการกับลูกบ้านที่ไม่จ่ายค่าส่วนกลาง ดังนั้นแล้วหากนิติบุคคลไม่มีมาตรการจัดการที่ดีเพียงพอ ก็จะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยทั้งในทางตรงและทางอ้อมแน่นอน

ทั้งนี้เพื่อรักษาสิทธิและประโยชน์ของตนเองในฐานะสมาชิกในชุมชนนิติบุคคลหนึ่ง ๆ ลูกบ้านควรเข้าร่วมประชุมอย่างสม่ำเสมอเพื่อรับฟังข้อมูล ปัญหา หรือสนับสนุนให้การทำงานของทีมนิติบุคคลเป็นไปอย่างราบรื่น พร้อมสอดส่องการทำงานของนิติบุคคลและเสนอข้อแนะนำต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ทีมนิติบุคคลพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น หรือหากมองว่าการทำงานของทีมนิติบุคคลนั้นยังไม่ตอบโจทย์เพียงพอ อาจเสนอให้ลูกบ้านร่วมประชุมพิจารณาเปรียบเทียบข้อดีของการมีนิติบุคคลมืออาชีพกับค่าใช้จ่ายส่วนนี้ที่เพิ่มขึ้น เพื่อเลือกจ้างบริษัทรับบริหารนิติบุคคลมาช่วยในการดูแลความเรียบร้อยและบริหารงานต่าง ๆ อย่างเป็นระบบมากขึ้น

หลายคนอาจหมดข้อสงสัยแล้วว่าหน้าที่ของนิติบุคคลมีความจำเป็นแค่ไหนกับหมู่บ้านจัดสรรและคอนโดฯ เพราะการดูแลความเรียบร้อยและบริหารจัดการทรัพย์สินส่วนกลางนั้นถือเป็นงานที่ต้องมีความรับผิดชอบและจำเป็นต้องมีคนกลางที่เป็นตัวแทนลูกบ้านทุกคนมาดูแลอย่างจริงจัง เพื่อให้ทุกอย่างดำเนินงานไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น นอกจากนี้ นิติบุคคลยังอาจช่วยเหลือคุณในเหตุการณ์หรือกรณีฉุกเฉิน เช่น ประสานกับเจ้าของห้องชั้นบนหากเกิดน้ำรั่วจากห้องด้านบน หรือประสานเรียกรถพยาบาลในกรณีมีผู้ป่วยฉุกเฉินที่บ้านเมื่อคุณไม่อยู่บ้าน

ในขณะเดียวกันลูกบ้านก็ต้องไม่ลืมหน้าที่ที่ควรปฏิบัติตามกฎระเบียบของชุมชนที่อยู่อาศัยอย่างเคร่งครัด และให้ความร่วมมือกับทางนิติบุคคลเพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของตัวเองและส่วนรวม การตัดสินใจซื้อคอนโดฯ หรือบ้านไม่ใช่เรื่องเล็ก ดังนั้นเพื่อให้มีข้อมูลครบครันเกี่ยวกับโครงการที่สนใจ คุณสามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมจากแหล่งต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บไซต์ที่เป็นสื่อกลางอย่างดีดีพร็อพเพอร์ตี้ที่มีข้อมูลหลากหลาย ตั้งแต่ราคา ทำเล รายละเอียดสิ่งอำนวยความสะดวก ชื่อเสียงของผู้พัฒนาหรือเจ้าของโครงการ