ครั้งแรก! สวนสนุกของคนรักสุขภาพ ในงาน Life Expo 2025 มหกรรมสุขภาพที่ล้ำสมัยที่สุดแห่งปี ชวนปลดล็อกศักยภาพด้านสุขภาพของตัวเองในทุกมิติ ยกระดับคนไทยให้มีสุขภาพดีที่สุดในอาเซียน มุ่งสู่เดสติเนชันท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก

  • มิติใหม่แห่งการดูแลสุขภาพ Life Expo 2025 มหกรรมสุขภาพสุดยิ่งใหญ่แห่งปี เนรมิตพื้นที่กว่า 7,000 ตารางเมตร ให้กลายเป็น “สวนสนุกของคนรักสุขภาพ”
  • ฟรี! ตรวจเช็กสุขภาพเชิงลึกด้วยนวัตกรรมระดับโลก พร้อมการตรวจวิเคราะห์องค์ประกอบของร่างกายแบบครบวงจร
  • Speakers of The Year ที่รวมตัวท็อป Influencer และดารานักแสดงสาย Wellness และ Longevity แถวหน้าของเมืองไทยกว่า 100 ชีวิต ตบเท้าขึ้นเวทีทอล์คเจาะลึกศาสตร์แห่งการดูแลชีวิตอย่างยั่งยืน ที่จะช่วยเปลี่ยนมุมมองให้เข้าใจตัวเอง และคนรอบข้างมากยิ่งขึ้น
  • ครั้งแรกของการทำ ICE Bath บนเวทีที่มีจำนวนคนเยอะที่สุดในประเทศไทย
  • ลุ้นรับรางวัลรวมมูลค่าถึง 2 ล้านบาทภายในงาน

ครั้งแรกของไทยกับปรากฏการณ์ “สวนสนุกของคนรักสุขภาพ” ในงาน Life Expo 2025 มหกรรมสุขภาพแบบองค์รวมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จัดขึ้นโดย บริษัท วู้ดดี้ เวิลด์ จำกัด ผู้นำด้านการสร้างสรรค์คอนเทนต์ และอีเวนต์ระดับโลก ทุ่มงบกว่า 20 ล้านบาท พร้อมผนึกกำลังภาครัฐ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) รวมไปถึงพันธมิตรชั้นนำด้าน Wellness & Longevity ทั้งในและต่างประเทศ ที่จะชวนคนไทยมาปลดล็อกศักยภาพด้านสุขภาพของตัวเองในทุกมิติ ภายใต้คอนเซปต์
Come Explore The Better You ค้นพบตัวเองในเวอร์ชันที่ดีกว่า
ชูไฮไลต์การตรวจเช็กสุขภาพฟรี! ด้วยนวัตกรรมระดับโลก, การใช้เทคโนโลยี AI สแกนร่างกายเพื่อฉายภาพเวอร์ชันที่ดีที่สุดของคุณทั้งทางด้านกายภาพและจิตใจ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตอย่างสมดุล และพบกับสุดยอดไอคอนนิกด้านสุขภาพของเมืองไทยกว่า 100 ชีวิตที่จะมาเจาะลึกศาสตร์ของการดูแลชีวิตอย่างยั่งยืน เพื่อยกระดับคนไทยให้มีสุขภาพดีที่สุดในอาเซียน พร้อมขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวสู่การเป็น  World Class Destination ด้านสุขภาพ และสุขภาวะระดับโลกอย่างแท้จริง และเป็นครั้งแรกของการทำ ICE Bath บนเวทีที่มีจำนวนคนเยอะที่สุดในประเทศไทย พร้อมทั้งยังได้ลุ้นรับรางวัลรวมมูลค่าถึง 2 ล้านบาทภายในงาน ทั้งนี้ งาน Life Expo 2025 จะจัดขึ้น 2 วันเต็ม ในวันที่ 15-16 พฤศจิกายนนี้ ณ UOB LIVE เอ็มสเฟียร์ ซึ่งคาดการณ์ผู้เข้าร่วมงานหมุนเวียนกว่า 20,000 คน โดยงานนี้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท วู้ดดี้ เวิลด์ จำกัด กล่าวว่า “จากความสำเร็จของ
“Life Dot” ที่เป็นรายการทอล์คและแพลตฟอร์มสร้างแรงบันดาลใจด้านสุขภาพในเครือ วู้ดดี้ เวิลด์ ซึ่งมีฐานแฟนคลับเติบโตจนเป็นคอมมูนิตี้สุขภาพที่แข็งแกร่ง จึงได้ต่อยอดความสำเร็จจากแพลตฟอร์มออนไลน์สู่ออฟไลน์ ด้วยการจัดงาน Life Expo 2025 เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มาสัมผัสประสบการณ์สุขภาพแบบองค์รวมอย่างเป็นรูปธรรม
ซึ่งงานนี้จะเป็นครั้งแรกที่คุณจะได้ดูแลร่างกายอย่างลึกซึ้งด้วยนวัตกรรมระดับโลก ผ่านการตรวจเช็กสุขภาพเชิงลึกฟรี พร้อมการตรวจวิเคราะห์องค์ประกอบของร่างกายแบบครบวงจร และพบกับเวทีทอล์คแห่งปีจาก Speakers of The Year สายสุขภาพแถวหน้าของเมืองไทย ที่จะมาจุดประกายไอเดียครอบคลุมตั้งแต่เรื่องสุขภาพกาย, สุขภาพใจ,
จิตวิญญาณ, โภชนาการ, การนอนหลับ, การจัดการกับความเครียด ตลอดจนการเยียวยาและการดูแลสุขภาพจิต เพื่อให้ผู้คนได้รับความรู้และแนวทางการดูแลจิตใจอย่างถูกวิธี โดยเชื่อมั่นว่า Life Expo 2025 จะสามารถส่งต่อพลังงานเชิงบวกให้ผู้เข้าร่วมงานได้รับแนวทางที่ช่วยให้สุขภาพดีขึ้นอย่างน้อย 10% ถึง 50% พร้อมตั้งเป้าสู่การสร้างการเปลี่ยนแปลงระดับประเทศ ด้วยการผลักดันให้คนไทยเป็นสังคมผู้สูงวัยที่มีอายุยืนและมีสุขภาพดีที่สุดในภูมิภาค ซึ่งความแข็งแกร่งด้าน Wellness นี้เอง จะเป็นแม่เหล็กสำคัญที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงจากทั่วโลก และสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับประเทศไทยต่อไป โดยคาดการณ์เม็ดเงินสะพัดภายในงาน 50 ล้านบาท”

ภายในงาน Life Expo 2025 จะได้พบกับ 6 โซนหลัก ประกอบด้วย Life Code: การเข้าใจตัวเองอย่างลึกซึ้งด้วยเทคโนโลยีสุขภาพ, Life Wellness: ค้นพบชีวิตที่ดีผ่านไลฟ์สไตล์ที่สนุก, Life Skills: เรียนรู้ทักษะชีวิตจากเวิร์กชอปและกิจกรรม, Life Market อัพเกรดชีวิตด้วยสินค้าสุขภาพจากแบรนด์ดัง, Life Stage: อัพเดทมุมมองชีวิตจากผู้นำความคิดหลากหลายวงการ และ Life Partners: เปิดโลกนวัตกรรมสุขภาพจากพันธมิตรชั้นนำ

“สำหรับ Speakers of The Year ที่รวมตัวท็อปของอินฟลูเอนเซอร์ ครีเอเตอร์จากหลากหลายวงการ รวมไปถึงดารานักแสดงสายสุขภาพแถวหน้าของเมืองไทย ที่จะมาขึ้นเวทีปลุกพลัง และแชร์ไอเดียใหม่ ๆ เพื่อเติมเต็มแรงบันดาลใจในการสร้างสังคมสุขภาพดีอย่างใกล้ชิด นำทัพโดย คุณชมพู่ อารยา อัลเบอร์ต้า ฮาร์เก็ต, คุณตั๊ก มยุรา เศวตศิลา, คุณเกรซ กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า, คุณปันปัน สุทัตตา อุดมศิลป์, คุณแอน ทองประสม, คุณซีเค เจิง ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ ฟาสต์เวิร์ก, ดร.ธนีย์ ธนียวัน อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคปอด วิกฤตบำบัด และการปลูกถ่ายปอด, หมอฟรัง-นรีกุล เกตุประภากร, หมอฟ้า-พ.ญ.วรรณวิพุธ สรรพสิทธิ์วงศ์, คุณเอ๋-สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ หรือที่รู้จักในนามปากกา ‘นิ้วกลม’,หนุ่ย-พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ และคุณท๊อป-จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา เป็นต้น” วู้ดดี้ กล่าวเสริม

ศาสตราจารย์ (วิจัย) ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ประธานกรรมการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) กล่าวว่า “การขับเคลื่อนสุขภาวะของชาติในยุคปัจจุบัน ได้ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมเป็นแกนหลัก เพื่อรับมือกับความท้าทายเชิงโครงสร้างของสังคมและเทคโนโลยี รวมไปถึง
เมกะเทรนด์ด้าน  Wellness & Longevity ที่กำลังเติบโต บพข. เล็งเห็นถึงความสำคัญของการใช้เทคโนโลยีแห่งอนาคต ในการดูแลสุขภาพมาใช้ในการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้น ทั้งนี้ บพข. พร้อมสนับสนุนองค์ความรู้ของนักวิจัยในการสร้างสรรค์นวัตกรรมสุขภาพที่มีศักยภาพ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นผู้นำด้าน Health Innovation ในภูมิภาคเอเชีย”

สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ภายในงาน Life Expo 2025 ยังมีแพคเกจตรวจสุขภาพแบบพรีเมียมที่เป็นทางเลือกให้กับคนที่ต้องการตรวจเช็กร่างกายอย่างล้ำลึก ด้วยสุดยอดเทคโนโลยีสุขภาพจากทั่วโลกทั้งร่างกาย จิตใจ ความงาม และสมอง อาทิ การสแกนคลื่นสมอง, วิเคราะห์ท่าทางและโครงสร้างร่างกายแบบ 3 มิติ ประเมินผลด้วยระบบ AI, การทดสอบวัดระดับความเครียดและสุขภาพหลอดเลือด, ฟื้นฟูกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน, การบำบัดกล้ามเนื้อขาด้วยแรงดันอากาศขั้นสูง, ยกกระชับกล้ามเนื้อใบหน้า, การตรวจวิเคราะห์อายุผิวและริ้วรอยบนใบหน้า และการตรวจม่านตาด้วย AI Doc เทคโนโลยีอัจฉริยะ เป็นต้น จำนวนจำกัด! พิเศษเพียง 3,500 บาท จากราคาปกติ 65,590 บาท

ทั้งนี้ Life Expo 2025 เกิดขึ้นภายใต้การสนับสนุนของพันธมิตรทั้งภาครัฐ และเอกชน ได้แก่ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) , การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, STAYGOLD, Allergan Aestheics, an AbbVie Company, Novo Nordisk, Health link international clinic, Interpharma, EBH โรงพยาบาลตากรุงเทพ, GENESENN, AP, Oh! Juice , BioActive+, LANCÔME , World , TEMPsoft สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ติดตามรายละเอียด Life Expo เพิ่มเติมได้ที่ Facebook : LIFE EXPO , Instagram : @lifeexpothailand , TikTok : Lifeexpothailand , X : LifeExpoTH และLine@ : @lifeexpo

#LifeExpo #WellnessExpo  #WoodyWorld  #วู้ดดี้เวิลด์  #ComeExploreTheBetterYou

MALEE โชว์ผลงาน Q3/68 ทำรายได้ 2,028.6 ล้านบาทดันธุรกิจรับจ้างผลิตโตต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าลุยตลาดพรีเมียมโค้งสุดท้ายรับไฮซีซัน

‘บมจ. มาลี กรุ๊ป’ หรือ MALEE โชว์ผลงานไตรมาส 3/2568 สะท้อนถึงการปรับโครงสร้างตามแผนซึ่งบริษัทฯ ยังรักษาโมเมนตัมได้ดี รายได้จากการขายและการให้บริการ2,028.6 ล้านบาท เติบโต 1.2% จากไตรมาสก่อน (QoQ) ถึงแม้ว่าจะเผชิญความท้าทายจากปัญหาชายแดนกับเพื่อนบ้าน กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ21.9 ล้านบาท แรงหนุนจากธุรกิจรับจ้างผลิตทั้งในและต่างประเทศ ยอดคำสั่งผลิตภัณฑ์นม ชา และกาแฟกระป๋องพุ่ง ส่วนน้ำผลไม้มาลี (Malee) และน้ำมะพร้าว Malee COCO เติบโตโดดเด่น ขณะที่ตลาดเกาหลีใต้ กระแสตอบรับดีโตแรง เดินหน้ารุกธุรกิจโค้งสุดท้ายสร้างการรับรู้แบรนด์ พร้อมจัดกิจกรรมการตลาดและส่งเสริมการขายรับไฮซีซัน รับปัจจัยบวกหนุนตลาดน้ำผลไม้คึกคัก มั่นใจก้าวสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านที่มั่นคงสร้างเติบโต 10-15% ตามแผน 3 ปี (2569-2571)

นายเอกรินทร์ พินิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาลี กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE ผู้ผลิตและ
จัดจำหน่ายธุรกิจเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
เปิดเผยว่า จากแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้ ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างก้าวสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ โดยรุกขยายธุรกิจตราสินค้า (Brand Business) ธุรกิจรับจ้างผลิต (Contract Manufacturing) ให้สอดรับกับแนวโน้มด้านการดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ของทุกคน และมุ่งบริหารพอร์ตโฟลิโอโดยเน้นสินค้าที่มีกำไรสูง โดยจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ 2-3 รายการต่อปี ที่จะเป็นสินค้าใหม่ในกลุ่มอื่นๆ ที่นอกเหนือกลุ่มน้ำผักผลไม้ เพื่อก้าวสู่เป้าหมายการเติบโต 10-15% ปีตามแผน 3 ปี (ปี 2569-2571) ส่งผลให้ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 (กรกฎาคม-กันยายน) สะท้อนถึงการปรับโครงสร้างตามแผนซึ่งบริษัทฯ ยังรักษาโมเมนตัมได้ดี ทำรายได้จากการขายและการให้บริการ 2,028.6 ล้านบาท เติบโต 1.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 21.9 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน (QoQ) เนื่องจากการตั้งค่าเผื่อสินค้าเสื่อมสภาพ ซึ่งถือเป็นค่าใช้จ่ายครั้งเดียว (One-off) ส่งผลให้ต้นทุนขายเพิ่มขึ้นในระยะสั้น อย่างไรก็ตามหากไม่รวมรายการดังกล่าว จะมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯที่ปรับปรุง 61.9 ล้านบาท เติบโต 2.1% จากปีก่อน (YoY)

ทั้งนี้ปัจจัยหลักขับเคลื่อนการเติบโตมาจากรายได้ทั้งในและต่างประเทศที่เติบโตอย่างโดดเด่น ขณะที่ธุรกิจการรับจ้างผลิต (CMG) มีรายได้ 1,373.1 ล้านบาทเติบโต 7.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) ซึ่งสอดรับกับความต้องการที่แข็งแกร่งจากกลุ่มลูกค้าผลิตภัณฑ์นม กลุ่มผลิตภัณฑ์ชาและกาแฟกระป๋อง และกลุ่มน้ำมะพร้าว ที่มียอดสั่งผลิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ สะท้อนถึงความแข็งแกร่งด้านคุณภาพการผลิต ที่สามารถตอบสนองความต้องการของแบรนด์ระดับโลกทั้งในระดับภูมิภาค และกลุ่มธุรกิจสินค้าของบริษัทฯ (Branded Business) ในประเทศเติบโตที่ยังเติบโตต่อเนื่อง  โดยมีผลิตภัณฑ์เรือธงน้ำผลไม้มาลี (Malee) ครองผู้นำตลาดน้ำผลไม้ พรีเมียมพร้อมดื่มด้วยส่วนแบ่งการตลาดเป็น 25% (มกราคม-กันยายน 2568)  นอกจากนี้ยังประสบความสำเร็จอย่างมากจากการนำน้ำมะพร้าว Malee COCO รุกขยายตลาดส่งออกประเทศเกาหลีใต้ โดยมียอดขายเติบโต 127.1%

ขณะที่ผลการดำเนินงาน 9 เดือนของปี 2568 (มกราคม-กันยายน) จากการเผชิญปัจจัยภายนอกทั้งจากความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อกำลังการซื้อของผู้บริโภคที่เปราะบาง รวมถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลให้รายได้จากการขายและการให้บริการ 5,852.8 ล้านบาท ลดลง 9.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) และทำกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ 173.8 ล้านบาท ลดลง 38.8% จากปีก่อน (YoY) อย่างไรก็ตามกลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิต (CMG) ยังเติบโตแข็งแกร่ง นำโดยผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวที่กำลังเติบโตดีในต่างประเทศ รวมทั้งในกลุ่มกาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม และในกลุ่มผลิตภัณฑ์นม จากพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลาย ช่วยหนุนการรักษาโมเมนตัมผลการดำเนินงานของบริษัทฯ

          ขณะที่กำไรขั้นต้นในไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 322.6 ล้านบาท ลดลง 18.7% จากปีก่อน (YoY) เนื่องจากรายการค่าเผื่อสินค้าเสื่อมสภาพ อย่างไรก็ตามหากไม่รวมรายการดังกล่าว จะมีกำไรขั้นต้นที่ปรับปรุง 362.6 ล้านบาท โดยมีปัจจัยจากราคาวัตถุดิบหลักในช่วงครึ่งปีหลังที่มีแนวโน้มลดลง ประกอบกับความสำเร็จในการดำเนินกลยุทธ์การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการสั่งซื้อวัตถุดิบล่วงหน้าเพื่อบริหารต้นทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม บริหารจัดการซัพพลายเชนผ่านการจัดหาวัตถุดิบจากซัพพลายเออร์หลายราย เพื่อเปรียบเทียบทั้งในด้านคุณภาพและราคาที่ดีที่สุด นอกจากนี้ยังนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในระบบ ปรับปรุงไลน์การผลิตให้มีประสิทธิภาพ นำเทคโนโลยี IOT เข้ามาใช้จัดการเครื่องจักรแบบ Real Time และการใช้พลังงานจาก SOLAR CELL ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายเอกรินทร์ กล่าวว่า แผนธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2568 บริษัทฯ นำผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าว Malee COCO ขยายตลาดในประเทศจีน เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย ตะวันออกกลาง ผ่านการขยายช่องทางจำหน่ายใหม่ รวมทั้งนำผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพเข้าทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่ Global Wellbeing Company ส่วนภายในประเทศมุ่งสร้างการรับรู้กลุ่มผลิตภัณฑ์มาลีอย่างต่อเนื่อง อาทิ Malee Power Plants ที่มีนวัตกรรม INNOGUTZ รวมทั้งดำเนินกิจกรรมการตลาดและส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นการทดลองสินค้า เพื่อรับกับทิศทางตลาดน้ำผักและผลไม้พร้อมดื่มในไตรมาส 4 ที่คาดการณ์จะขยายตัวจากการเข้าสู่ไฮซีซันการท่องเที่ยว ซึ่งจะกระตุ้นการบริโภคในช่องทางโรงแรม ร้านอาหาร และเทศกาลเฉลิมฉลองและการมอบกระเช้าของขวัญปีใหม่โดยน้ำผลไม้ถือเป็นหนึ่งในสินค้ายอดนิยมสำหรับกลุ่มสุขภาพ ส่วนตลาดน้ำมะพร้าว มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากเทรนด์ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น อีกทั้งโครงการคนละครึ่ง พลัส สนับสนุนการใช้จ่ายโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้มาลี (Malee) น้ำมะพร้าว Malee COCO และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในช่องทางร้านค้าปลีกดั้งเดิม บริษัทฯ จึงมั่นใจว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตในช่วงโค้งสุดท้ายของปี

เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ร่วมกับ STICKY MONSTER LABเปิดตัว “FUNNY LITTLE MESS: SEASON OF GIVING” ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้! ชวนเดินทางสู่โลกศิลปะกับเหล่ามอนสเตอร์ Redmon และ Elfmon สุดคิวต์ พร้อมส่งต่อพลังแห่งการให้ ตั้งแต่วันนี้ – 4 ม.ค. 69

กรุงเทพ, 13 พฤศจิกายน 2568: เมื่อศิลปะ ความสุข และ “การให้”มาบรรจบกันในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่  และเป็นประจำทุกๆ ปี ที่ทางเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ร่วมมือกับศิลปินชั้นนำจากทั่วโลกสร้างสรรค์ผลงานศิลปะสุดโดดเด่น เพื่อต้อนรับฤดูกาลแห่งความอบอุ่นใจ ณ จุดหมายปลายทางของศิลปะและลักชัวรี่ไลฟ์สไตล์ใจกลางกรุงเทพฯ จึงได้จัดงาน “FUNNY LITTLE MESS: SEASON OF GIVING” ที่มอบประสบการณ์ศิลปะสุดพิเศษครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านอาร์ตอินสตอลเลชันสุดสร้างสรรค์จาก STICKY MONSTER LAB (SML) สตูดิโอครีเอทีฟระดับโลกจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเลือกประเทศไทยและเซ็นทรัล เอ็มบาสซี เป็นสถานที่แรกในการถ่ายทอดโลกแห่งความสุขและความหมายของ “การให้”ผ่านมุมมองศิลปะร่วมสมัย

การจัดงานครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมด้วยพันธมิตรหลักอย่าง บัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน และ บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เพื่อร่วมส่องประกายความสุข พร้อมยกระดับภาพลักษณ์ของกรุงเทพฯ ในฐานะศูนย์กลางศิลปะและวัฒนธรรมระดับนานาชาติ ที่มุ่งผลักดันประเทศไทยสู่จุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวและการจัดอีเว้นท์ระดับโลก

การมาเยือนของ Redmon และ Elfmon — คู่หูเพื่อนร่วมเทศกาลสุดน่ารักที่ไม่เคยปรากฏที่กรุงเทพฯ
มาก่อน! โดยสองครีเอทีฟไดเรกเตอร์แห่ง SML อย่าง Fla และ Boo ได้แรงบันดาลใจจากคาแรกเตอร์ทั้งสอง ถ่ายทอดความหมายของ “การให้”ผ่านมุมมองศิลปะร่วมสมัย ที่ชวนให้ทุกคนค้นพบความสุขจาก “ความวุ่นวายเล็ก ๆ ที่อบอุ่นใจ” อันเปี่ยมด้วยรอยยิ้มและชีวิตชีวา พร้อมเปลี่ยนทุกมุมของศูนย์การค้าฯ ให้กลายเป็นดินแดนแห่งความสุขที่ชวนให้ทุกคนมาสัมผัสความหมายของการให้และการเริ่มต้นใหม่ได้อย่างสนุก อบอุ่น และเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง ตั้งแต่วันนี้ – 4 ม.ค. 69

            จากเรื่องราวของRedmon ที่แขวนถุงเท้าไว้ด้วยหัวใจเปี่ยมความหวัง รอของขวัญจากซานต้า แต่แล้ว Elfmon ตัวน้อยกลับหยิบถุงเท้านั้นไปด้วยความซุกซน กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยสุดอบอุ่นที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายเล็ก ๆ แต่แสนมีชีวิตชีวา ซึ่งทำให้ทั้งคู่ได้เรียนรู้ว่า ของขวัญที่แท้จริงไม่ได้อยู่ในถุงเท้า หากแต่อยู่ใน
“มิตรภาพ” และ “การแบ่งปัน” ที่งดงามในแบบของตน เรื่องราวอบอุ่นนี้จึงถูกถ่ายทอดสู่ประสบการณ์ FUNNY LITTLE MESS เพื่อส่งต่อพลังแห่งความรู้สึกดีๆ ให้ทุกคนได้สัมผัสตลอดเทศกาล ทั่วทั้งศูนย์การค้าฯ ตั้งแต่ชั้น G ถึง Open House ชั้น 6 ถูกเนรมิตเป็นอาณาจักรแห่งความสุข โดย STICKY MONSTER LAB นำเสนอผลงานอาร์ตอินสตอลเลชันสีสันสดใสและคาแรกเตอร์ขี้เล่นมาสร้างบรรยากาศชวนให้ทุกคนได้หยุดพัก ยิ้ม และค้นพบความหมายของการให้ที่เปี่ยมด้วยมิตรภาพและความอบอุ่นใจ

การเดินทางแห่งความสุขเริ่มต้นที่THE WISHING TREE ณ FRONT YARD ชั้น G จุดถ่ายภาพ
สุดประทับใจกับ Redmon คู่ต้นคริสต์มาสสูงกว่า 13 เมตร ที่ส่องประกายระยิบระยับ โดยมีเหล่า Elfmon แอบซ่อนอยู่ภายในกล่องของขวัญ ราวกับกำลังรวมตัวกันอย่างครึกครื้นอยู่ภายใน ต่อด้วย STICK-EY TOGETHER

FOUNTAIN ที่มาพร้อมขบวนนัทแครกเกอร์สูงกว่า 3 เมตร รอต้อนรับผู้มาเยือน ณ ทางเข้าหลัก และหากสังเกต
ให้ดี คุณอาจพบ Elfmon จอมซนที่ซ่อนตัวอยู่ในถุงเท้าคริสต์มาส หนึ่งเดียวในขบวน ลูกเล่นเล็ก ๆ ที่รอให้ทุกคนค้นหาและเก็บภาพความทรงจำแสนอบอุ่นนี้ไว้ ก่อนก้าวเข้าสู่ THE MONSTER GATEWAY บริเวณทางเชื่อม BTS เพลินจิต ชั้น 1 ประตูสู่อาณาจักรมอนสเตอร์ที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งความสุข และ THE WISHFUL ELF TUNNEL อุโมงค์แห่งแสงไฟบริเวณทางเชื่อมชั้น 2 ไปยังเซ็นทรัลชิดลม ที่อบอวลด้วยพลังแห่งความปรารถนาดีจากเหล่า Elfmon ที่อยากให้ทุกคำขอของคุณกลายเป็นจริง

            ความสนุกยังต่อเนื่องที่ชั้น 5 กับ CHRISTMAS VILLAGE หมู่บ้านแห่งความอิ่มเอมใจ “บ้านเกิดของเหล่า Elfmon”ที่รวบรวมร้านขนมและของหวานกว่า 30 ร้าน ให้ผู้มาเยือนได้แวะพัก พร้อมบริการ GIFT WRAPPING STATION ห่อของขวัญฟรี! ด้วยกระดาษดีไซน์พิเศษจาก STICKY MONSTER LAB ออกแบบเฉพาะสำหรับเซ็นทรัล เอ็มบาสซี จากนั้นมุ่งหน้าสู่ THE SPYING TOWER ณ Open House ชั้น 6พื้นที่รวมตัวของเหล่า Elfmon จำนวนนับสิบที่กระจายตัวอยู่รอบข้างคุณ โดยมี Redmon ขนาดยักษ์ แอบสอดส่องอยู่บน
Art Tower
เสมือนฉากหนึ่งในเรื่องราวของการตามหาความสุขระหว่างคู่หูมอนสเตอร์สุดน่ารัก ที่รอให้ทุกคนร่วมออกค้นหา “ความสุขเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ในความวุ่นวาย”ด้วยตัวเอง

และอีกไม่นานเกินรอ เตรียมพบกับอีกหนึ่งไฮไลต์แห่งฤดูกาลกับ FUNNY LITTLE PLAYGROUND ระหว่างวันที่ 4 ธ.ค. 68 – 4 ม.ค. 69 ณ ชั้น G สนามเด็กเล่นศิลปะขนาดใหญ่ครั้งแรกในภูมิภาคจากSTICKY MONSTER LABที่จะปลุกความเป็นเด็กในตัวคุณ สนุกไปกับ Elfmon ขนาดยักษ์ ถุงเท้าคริสต์มาสและสโนว์โกลบไซส์ใหญ่พร้อมด้วย STICKY MONSTER LAB POP-UP STORE แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่รวบรวมสินค้าคอลเลกชันสุดน่ารักให้เลือกสะสม อาทิ มินิฟิกเกอร์ (กล่องสุ่ม), ฟิกเกอร์, พวงกุญแจเข็มทิศ, คลิปปากกา, เข็มกลัด, สติกเกอร์เซ็ต, สมุดโน้ตพร้อมสติ๊กเกอร์ และโปสเตอร์ซีรีส์ลายเส้นสุดคาแรกเตอร์ (สำหรับผู้ถือบัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน สามารถเข้าชม POP-UP และซื้อสินค้าได้ก่อนใคร ตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค.68 เป็นต้นไป ลูกค้าทั่วไปเริ่มซื้อสินค้าได้ตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค. 68 เป็นต้นไป)  และเติมความสดชื่นด้วยซอฟต์เสิร์ฟจากPop-up Café by SUPER MATCHA ให้คุณได้จิบ เพลิน และเก็บโมเมนต์แห่งความสุขในช่วงเทศกาลนี้

ไม่เพียงแค่นั้น ระหว่างวันที่ 13 พ.ย. 68 – 4 ม.ค. 69 เพลิดเพลินกับการพบปะเหล่า MONSTER MASCOTS สุดน่ารัก ที่จะเดินทักทายทั่วศูนย์การค้าฯ ให้คุณเก็บภาพแห่งรอยยิ้มตลอดเทศกาล ปิดท้ายด้วย NEW YEAR ACTIVITY: HAPPY MONSTER HUNT วันที่ 27 ธ.ค. – 4 ม.ค. 69การผจญภัยสุดสนุกรับปีใหม่ ที่ชวนค้นหามอนสเตอร์ตามจุดต่างๆ ของศูนย์การค้าฯ พร้อมสะสม “แสตมป์แห่งความสุข” ในช่วงเวลาแห่งการให้

และเพื่อเติมเต็มทุกโมเมนต์แห่ง “การให้” เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ยังได้จัดกิจกรรมต่อเนื่องภายใต้ SEASON OF GIVING MOMENTS เริ่มจาก THE TRAIL OF LIGHTS เส้นทางแสงไฟวอร์มไลต์นับล้านดวงที่ส่องประกายทั่วทั้งศูนย์การค้าฯ ตลอดแนวจากสี่แยกเพลินจิตถึงชิดลม ต่อเนื่องด้วWEEKEND WORKSHOPS
ระหว่างวันที่ 15 พ.ย. 68 – 4 ม.ค. 69 ณ Open House ชั้น 6 อาทิ Frame it, Hang it, Velvet Charm Keychain,
Velvet Wire Christmas Tree, และ Snow Globe Design รวมถึงเวิร์กช็อปพิเศษช่วงวันคริสต์มาสอย่าง CHRISTMAS PAPERCRAFT WORKSHOPS และการแสดง CHRISTMAS CAROL จาก Yamaha Orchestra ในบรรยากาศเปี่ยมความอบอุ่นใจ

สำหรับสายแฮงเอาต์ ร่วมสัมผัสลมหนาวบนรูฟท็อปใจกลางเมือง กับ SIWILAI CITY CLUB ชั้น 5 สนุกกับดนตรี อาหาร เครื่องดื่ม และกิจกรรมสุดชิลล์มากมาย เติมสีสันให้ค่ำคืนของคุณใต้แสงดาว ส่วนสายชิม สามารถอิ่มเอมกับเมนูเครื่องดื่มสมุนไพรในราคาพิเศษ ที่ EATHAI ชั้น LG เพื่อต้อนรับปีใหม่ด้วยบรรยากาศเปี่ยมความสุข

พร้อมสัมผัสประสบการณ์ช้อปปิ้งสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากแบรนด์ลักชัวรี, High-Street ไปจนถึง Bridge-Line กว่า 100 ร้านค้า รวมถึงเมนูพิเศษจากร้านอาหารและคาเฟ่ชั้นนำ และสำหรับนักช้อปตัวจริง
ต้องไม่พลาด! สิทธิพิเศษแห่งฤดูกาลส่งท้ายปี

พิเศษ! งานเปิดเทศกาลแห่งความสุขจัดขึ้นในวันที่ 13 พ.ย. 68 เวลา 19.00 น. ณ บริเวณหน้าศูนย์การค้าฯ ชั้น G พร้อมสองนักแสดงวัยรุ่นชื่อดัง “สกาย – วงศ์รวี นทีธร” และ “นานิ – หิรัญกฤษฎิ์ ช่างคำ” ร่วมสร้างสีสันในค่ำคืนพิเศษ และมินิคอนเสิร์ตจาก “PURE The Voice” ในค่ำคืนสุดพิเศษ

ร่วมสัมผัส Season of Giving ในแบบของคุณ ด้วยพลังแห่งการให้ ไปกับ “FUNNY LITTLE MESS: SEASON OF GIVINGตั้งแต่วันนี้ – 4 ม.ค. 69 ที่เซ็นทรัล เอ็มบาสซี

ติดตามรายละเอียดกิจกรรมและสิทธิพิเศษเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/centralembassy หรือ

www.centralembassy.com สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2119-7777#2001

#FUNNYLITTLEMESS #SEASONOFGIVING

#StickyMonsterLab #CentralEmbassy

พลิกโฉมอสังหาฯ ย่านพระราม 9 “นิว ดิสทริค อาร์ 9” คอนโดติดห้าง สร้างเสร็จพร้อมอยู่ความสำเร็จบทใหม่จาก “พราว” และ “โนเบิล” ปิดยอดขายกว่า 98%ราคาโต 30% สะท้อนดีมานด์ New CBD โตต่อเนื่อง

ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดคอนโดมิเนียม ทำเล “พระราม 9” ยังคงตอกย้ำบทบาทความเป็น New CBD ของกรุงเทพฯ ได้อย่างแข็งแกร่ง และโครงการ นิว ดิสทริค อาร์ 9 (NUE DISTRICT R9) คือหนึ่งในบทพิสูจน์
ความสำเร็จที่ชัดเจนที่สุดในรอบ 3 ปี ด้วยทำเลติดห้างฯ เซ็นทรัล พระราม 9 และห่างจาก MRT เพียง 180 เมตร ส่งผลให้
โครงการนี้กลายเป็น Top Performer ที่สามารถปิดยอดขายได้กว่า 98% พร้อมการเติบโตของราคาที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 30% นับตั้งแต่วันเปิดพรีเซลในปี 2565

ล่าสุด บริษัท พระราม 9 อัลไลแอนซ์ จำกัด โดย บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) เจ้าของโครงการ และ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารโครงการ ประกาศความสำเร็จของโครงการ นิว ดิสทริค อาร์ 9 (NUE DISTRICT R9) คอนโดติดห้างใจกลางพระราม 9 สร้างเสร็จพร้อมอยู่ มูลค่าโครงการกว่า 6,663 ล้านบาท พร้อมส่งมอบที่อยู่อาศัยตอบโจทย์การใช้ชีวิตคนเมือง

นายพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ “PROUD” กล่าวว่า “นิว ดิสทริค อาร์ 9 ถือเป็นบทพิสูจน์ของศักยภาพแบรนด์ NUE และการเติบโตของย่านพระราม 9 ในฐานะ NEW CBD ที่มีความพร้อมทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน สิ่งอำนวยความสะดวก และความต้องการจากทั้งผู้ซื้อชาวไทยและต่างชาติ เปิดตัวด้วยคอนเซปต์คอนโดติดห้างใจกลางพระราม 9 ที่เป็นมากกว่าที่อยู่อาศัยแต่เป็นการพัฒนาที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตเป็นศูนย์กลางของไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ และผลลัพธ์ด้านยอดขายรวมถึงการเพิ่มขึ้นของมูลค่าโครงการ สะท้อนถึงความแม่นยำในการวางกลยุทธ์ตั้งแต่การเลือกทำเล การออกแบบพื้นที่ ไปจนถึงการพัฒนาส่วนกลางให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนเมือง ความสำเร็จของโครงการนี้ สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ PROUD ที่มองเห็นศักยภาพของทำเลพระราม 9 และความต้องการของตลาดได้อย่างเฉียบคม เรามั่นใจว่าโครงการนี้จะเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ของการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ และเป็นภาพสะท้อนของแนวคิด ‘ALL IS WELL เพื่อชีวิตดีที่ยั่งยืน’ ที่ PROUD ยึดมั่น ในการพัฒนาโครงการระดับ Luxury – Ultra Luxury ที่มอบคุณภาพชีวิตที่ครบถ้วนให้กับผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง”

ด้าน นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE เสริมว่า “ทำเลพระราม 9 – รัชดา ถือเป็นหนึ่งในทำเลสำคัญของโนเบิล ที่เราได้สั่งสมความเชี่ยวชาญมาอย่างยาวนาน ความสำเร็จของ 5 โครงการล่าสุดที่เราพัฒนาขึ้น ได้แก่ โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา, โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา 2, นิว ดิสทริค อาร์ 9, นิว โนเบิล รัชดา-ลาดพร้าว รวมถึงโครงการพรีเซลล์ล่าสุดอย่าง นิว เอปิค อโศก พระราม 9 เป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าโครงการของเราได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั้งด้านยอดขายและการเติบโตของมูลค่าจากการถือครองที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการ นิว ดิสทริค อาร์ 9 ที่เปิดขายรอบพรีเซลในปี 2565 ด้วยราคาเริ่มต้นเฉลี่ยเพียง 130,000 บาทต่อตารางเมตร และในปัจจุบันราคาปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 170,000 บาทต่อตารางเมตร หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 30% โดยปัจจุบันมียอดขายกว่า 6,496 ล้านบาท หรือกว่า 98% ความสำเร็จนี้ไม่ได้เป็นเพียงการตอกย้ำสถานะความเป็นผู้นำตลาดของเราเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นว่าโนเบิลสามารถเข้าถึงและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าย่านนี้ได้อย่างชัดเจน”

นิว ดิสทริค อาร์ 9 (NUE DISTRICT R9) เป็นคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมอยู่ บนตึก High-Rise จำนวน 1 ตึก 2 ทาวเวอร์ สูง 33 ชั้น และ 41 ชั้น รวม 1,442 ยูนิต บนที่ดินกว่า 6 ไร่ โครงการห่างจาก MRT พระราม 9 เพียง 180 เมตร และติดกับเซ็นทรัล พระราม 9 พร้อมพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ 8 ไร่ หรือกว่า 12,800 ตารางเมตร ภายใต้คอนเซปต์ DYNAMIC URBAN FACILITIES ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานจริง มีกิจกรรมครบครัน เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์และทุกเจเนอเรชั่น รองรับทุกรูปแบบการใช้ชีวิตในเมือง พร้อมมอบประสบการณ์เหนือระดับด้วยพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ 8 ไร่ 8 โซน รวมกว่า 50 ฟังก์ชัน ไม่ว่าจะเป็น Rising Pool, Twilight Pool, Surf Studio, Sky Fitness, Photography Studio, Private Spa, Co-Kitchen, Art Hub และอีกมากมาย รวมถึงพื้นที่ Open space ขนาดใหญ่กว่า 5,700 ตารางเมตร

ไฮไลต์ของโครงการคือแปลนห้องแบบหน้ากว้างทุกยูนิตซึ่งเป็นรูปแบบห้องที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการ NUE ที่เน้นการออกแบบพื้นที่และฟังก์ชันให้เป็นสัดส่วนสามารถอยู่อาศัยได้จริง รองรับทั้งการอยู่อาศัยคนเดียว หรือคู่รัก ไปจนถึงครอบครัว โดยทุกยูนิตตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ครบชุดพร้อมเข้าอยู่ เริ่มตั้งแต่ห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 26 และ 30.20 ตารางเมตร ที่จัดสรรฟังก์ชันครบทั้งมุมพักผ่อน มุมทานอาหาร และครัวแยกเป็นสัดส่วน เหมาะกับคนเมืองที่ต้องการความเป็นส่วนตัว และยังมีห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 34.80 ตารางเมตร ที่เพิ่ม
พื้นที่มากขึ้นเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นห้องทำงาน มุมอ่านหนังสือ หรือเปลี่ยนเป็นห้องนอนเล็กสำหรับแขก ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังมีห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 40.50 ตารางเมตร ที่ถูกออกแบบให้เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยร่วมกันของคู่รักหรือครอบครัวเริ่มต้น ด้วยการแยกสัดส่วนห้องนอนชัดเจนและพื้นที่ใช้สอยที่ลงตัว ปิดท้ายด้วยห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 46 ตารางเมตร ที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูงสุด เหมาะกับเพื่อนร่วมห้องหรือผู้ที่ต้องการการใช้ชีวิตอิสระในพื้นที่เดียวกัน

ทำเลพระราม 9 กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดในฐานะ New CBD ของกรุงเทพฯ นับเป็น International Hub ทั้งในภาคธุรกิจและการท่องเที่ยว สิ่งอำนวยความสะดวกรายล้อม รวมทั้งการพัฒนาในอนาคตโดยมีโครงการแลนด์มาร์กสำคัญอย่างอาณาจักรใหม่ของเซ็นทรัล พระราม 9 ที่เตรียมขยายพื้นที่ครั้งใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2570 ยิ่งตอกย้ำศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ อีกทั้งยังได้เปรียบด้านโครงข่ายคมนาคมที่ครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น MRT สายสีน้ำเงินและรถไฟฟ้าสายสีส้มที่จะเป็นสถานี interchange แห่งใหม่ เชื่อมต่อการเดินทางได้ครบทุกรูปแบบ ทำให้พระราม 9 เป็น ทำเลที่มีดีมานด์การอยู่อาศัยสูง จากทั้งคนทำงานชาวไทยและชาวต่างชาติที่ต้องการที่พักอาศัยใกล้แหล่งที่ทำงานใจกลางเมือง อีกทั้งโอกาสในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนระยะยาวอย่างยั่งยืน ด้วยศักยภาพการเติบโตทั้งด้านมูลค่าทรัพย์สินและรายได้ จากการปล่อยเช่า โดยค่าเช่าเฉลี่ยในย่านพระราม 9 อยู่ที่ 700 บาทต่อตารางเมตร ขณะที่อัตราผลตอบแทนของโครงการเฉลี่ย 6-7% ต่อปี เหมาะสำหรับทั้งนักลงทุนและผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยที่มองหาความคุ้มค่า

สำหรับลูกบ้าน นิว ดิสทริค อาร์ 9 จะได้รับสิทธิพิเศษจากการเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว Noble และสิทธิประโยชน์ จาก Proud Privilege ผ่าน Proud Living Platform ที่มอบประสบการณ์การอยู่อาศัยเฉพาะผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง โดยมีไฮไลต์อยู่ที่ บริการด้านสุขภาพและกิจกรรม ที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการใช้ชีวิตอย่างสมดุลและครบครันในทุกมิติของความเป็นอยู่ ขณะเดียวกันลูกบ้าน Noble จะได้รับการดูแลแบบครบวงจร ตั้งแต่ Living Solution บริการ Home Service, Repair, Sell & Rent ไปจนถึงการฝากขายและปล่อยเช่า พร้อมสิทธิพิเศษในแบบ Urbanist และกิจกรรม
สำหรับชาว Nobler ที่ช่วยเติมเต็มทุกขั้นตอนของการใช้ชีวิตในเมืองให้กลายเป็นประสบการณ์สุดพิเศษ

นิว ดิสทริค อาร์ 9 (NUE DISTRICT R9) ราคาเริ่มต้น 3.89 ล้าน* พิเศษโปรโมชัน จอง 999 บาท พร้อมเข้าอยู่ สามารถเข้าชมและลงทะเบียนวันนี้ที่สำนักงานขายโครงการ รายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02-251 9955 หรือ ADD LINE: @NobleDev หรือ www.noblehome.com

“โฮมโปร x เมกาโฮม เชียงราย” ปักหมุดไฮบริดสโตร์ สาขาที่ 14 ภาคเหนือ “ถนนเชียงราย–เทิง” ขยายเครือข่ายรีเทลเรื่องบ้าน รับดีมานด์อยู่อาศัย-การค้า-ท่องเที่ยว เมืองชายแดนเชียงราย

โฮมโปร เดินเกมรุกภาคเหนือ ขยายอาณาจักรรีเทลเรื่องบ้าน เสริมแกร่งพอร์ตธุรกิจด้วยการผสาน “เมกาโฮม ติด โฮมโปร” เปิดโมเดลไฮบริดสโตร์ “โฮมโปร x เมกาโฮม เชียงราย” บนถนนเศรษฐกิจสายสำคัญ เชียงราย–เทิง ศูนย์รวมสินค้า–บริการเรื่องบ้านและงานช่าง บนทำเลศักยภาพที่เชื่อมตัวเมืองเชียงราย-เทิง–เชียงของ
สู่พรมแดนประเทศลาวและจีนตอนใต้ ด้วยงบลงทุนกว่า 200 ล้านบาท บนพื้นที่รวม 10,147.76 ตารางเมตร วางบทบาทจุดหมายใหม่ของคนทำบ้าน–ผู้รับเหมา–เจ้าของธุรกิจ ตอบโจทย์ทุกโซลูชันเรื่องบ้าน พร้อมข้อเสนอทุกพิเศษครบวงจรในที่เดียว ตั้งเป้ายอดขายเดือนแรก 68 ล้านบาท

นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” (HMPRO) กล่าวว่า การตัดสินใจปักหมุดสาขาใหม่บนถนนเชียงราย–เทิง มาจากศักยภาพในการเป็นเมืองชายแดนยุทธศาสตร์ของจังหวัดเชียงราย ที่เชื่อมต่อเศรษฐกิจการพักอาศัย การค้า การท่องเที่ยว และการเดินทางในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงเข้าด้วยกัน การใช้งบลงทุน 200 ล้านบาท เพื่อเปิดสาขา “โฮมโปร x เมกาโฮม เชียงราย” จึงไม่ใช่การทับซ้อนสาขาที่มีอยู่แล้วในโซนท่าสาย บ้านดู่ หรือไฮบริดสโตร์แม่สายที่ชายแดนเหนือ แต่เป็นการต่อยอดดีมานด์การให้บริการ ไปสู่โซนฝั่งตะวันออกของจังหวัด ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วทั้งด้านที่อยู่อาศัยและธุรกิจการค้าชายแดน เชื่อมต่อเส้นทางเศรษฐกิจสำคัญสู่ประเทศลาวและจีนตอนใต้

“โฮมโปรมองว่าทำเลโดยรอบถนนเชียงราย–เทิง รวมถึงแนวรัศมีรอบๆ ตัวเมืองเชียงราย มีศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งการขยายตัวของโครงการที่อยู่อาศัย ทั้งในกลุ่มบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมของครอบครัวรุ่นใหม่ ขณะเดียวกันภาคการท่องเที่ยวก็มีการฟื้นตัวจากทั้งคนไทยและต่างชาติ หนุนการเปิดโรงแรมขนาดกลาง รีสอร์ต โฮมสเตย์ คาเฟ่ ร้านอาหาร หลากดีไซน์ในหลายทำเล มีการลงทุนทั้งงานระบบ วัสดุก่อสร้าง ตกแต่งภายใน และการปรับปรุงที่พักอาศัย–ธุรกิจ จนทำให้จังหวัดเชียงรายในรอบแนวแกนเมือง มีดีมานด์ของ ‘คนทำบ้านและธุรกิจ’ ที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ”

โฮมโปร x เมกาโฮม เชียงราย ถ.เชียงราย–เทิง ถูกออกแบบเป็นไฮบริดสโตร์ภายใต้คอนเซปต์ One Stop Shopping ที่ดูแลครบทั้งบ้านเดี่ยว บ้านจัดสรร ทาวน์โฮม อพาร์ทเมนต์ หอพัก คอนโดมิเนียม ไปจนถึงธุรกิจโรงแรม คาเฟ่ และกลุ่มช่าง–ผู้รับเหมา ผ่านการจัดโซนสินค้าอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ห้องตัวอย่างที่จำลองไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยร่วมสมัยของคนเชียงรายและที่พักนักท่องเที่ยว โซนครัว ห้องน้ำ ระบบน้ำ–ไฟ และเฟอร์นิเจอร์ใช้พื้นที่คุ้มค่า ต่อเนื่องถึงโซนเมกาโฮมที่จัดเต็มวัสดุก่อสร้าง เหล็ก ปูน สี เครื่องมือช่าง อุปกรณ์งานโครงสร้าง พร้อมบริการจัดส่งถึงหน้างาน เสริมด้วยทีมที่ปรึกษาด้านการออกแบบ–ตกแต่ง และ “ทีมช่างโฮมโปร” ที่ดูแลงานติดตั้ง–ซ่อมแซมตามมาตรฐานเดียวกัน ภายใต้ดีไซน์ร้านโถงสูงโปร่ง ทางเดินกว้าง และที่จอดรถรองรับทั้งครอบครัวหรือกลุ่มช่างและผู้รับเหมาได้สะดวกในจุดเดียว

ฉลองเปิดใหม่ โฮมโปร x เมกาโฮม เชียงราย (ถ.เชียงราย–เทิง) 14 พฤศจิกายน 2568 นี้ จัดเต็มแคมเปญและโปรโมชันพิเศษสำหรับคนรักบ้านและทีมช่างเชียงราย มอบความสุขตลอดสัปดาห์

  • ถึงก่อนมีสิทธิ์ก่อน (สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกช่าง) 3 วันเท่านั้น 11–13 พฤศจิกายน 68 เข้าคิวซื้อสินค้าราคาพิเศษ! จำกัดจำนวน 100 ท่านแรก/วัน
  • ถึงก่อนมีสิทธิ์ก่อน (สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกโฮมการ์ด) 14 พฤศจิกายน 68 วันเดียวเท่านั้น! ร่วมสนุกตอบคำถามเพื่อจับคูปองซื้อสินค้าราคาพิเศษ จำกัดจำนวน 200 ท่านแรก…หมดแล้วหมดเลย!
  • 3 วันเท่านั้น! 14–16 พฤศจิกายน 68 ช้อปสินค้าคุณภาพในราคาเดียว 9,990 บาท อาทิ แอร์ผนัง, เครื่องซักผ้า , ตู้เย็น 2 ประตู, แอลอีดีทีวี และอื่น ๆ หมดแล้วหมดเลย!
  • 3 วันเท่านั้น! 14–16 พฤศจิกายน 68 พลาดไม่ได้! กิจกรรมซ่อมฟรี! เครื่องใช้ไฟฟ้า โดยช่างโฮมโปร #มือโปรประจำบ้านคุณ ที่จะช่วยลดภาระค่าครองชีพ และช่วยยืดอายุการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ยาวนานขึ้น

พร้อมดีลพิเศษจัดหนัก คืนกำไรก่อนเปิดจากสถาบันการเงินและบัตรเครดิตชั้นนำ มอบทั้งส่วนลดเพิ่ม เครดิตเงินคืน และสิทธิผ่อนชำระ 0% กับสินค้าที่ร่วมรายการ ตอบโจทย์ทุกโจทย์การช้อป ทำเรื่องบ้านให้เป็นเรื่องง่าย เพื่อชีวิตที่ดีกว่าแบบ Better Living!

  • สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกโฮมการ์ดสมัครสมาชิกใหม่ รับคูปองส่วนลด 200 บาท พร้อมสมัครสมาชิกช่างใหม่ รับเพิ่มคูปองส่วนลด 250 บาท พร้อมรับเสื้อช่างและอุปกรณ์ช่างจำนวนจำกัด!
  • พลาดไม่ได้! สมาชิกใหม่รับช้อปวันงาน รับทันทีคะแนนโฮมการ์ด X3 (เฉพาะใบเสร็จแรก) และเมื่อซื้อสินค้าครบตามเงื่อนไข รับเพิ่มคูปองส่วนลดท้ายใบเสร็จ รวมมูลค่า 800 บาท
  • โหลดแอปรับฟรี! โหลด HomePro Application รับฟรีคูปองส่วนลดรวมสูงสุด 1,800 บาท (ใช้เป็นส่วนลดเมื่อซื้อค้าครบตามเงื่อนไข) จำกัด 1 สิทธิ์/สมาชิก ตลอดรายการ
  • สมาชิกโฮมการ์ดช้อปครบ…รับคืน! รับเงินคืนเข้าโฮมโปรวอลเล็ต ผ่าน โฮมการ์ด แอปพลิเคชัน รวมสูงสุด 100,000 บาท!
  • สมาชิกบัตรเครดิตโฮมโปร วีซ่า แพลทินัม รับ 3 ต่อ ต่อที่ 1 ลดทันที 3% ตั้งแต่บาทแรก ต่อที่ 2 รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 4% และต่อที่ 3 รับส่วนลดเพิ่มสูงสุดอีก 13% เมื่อแลกพอยต์เท่ายอดชำระ
  • สมาชิกบัตรเครดิตกรุงศรี รับส่วนลดเพิ่ม 10% เมื่อแลกพอยต์เท่ายอดชำระ และรับเครดิตเงินคืนเพิ่มอีกสูงสุด 12,000 บาทเมื่อชำระเต็มจำนวน
  • พิเศษ! สำหรับผู้ถือบัตรเครดิตจากสถาบันการเงินชั้นนำที่ร่วมรายการ จ่ายน้อยกว่า…สิทธิ์ Super Zero ผ่อนนาน ผ่อนน้อย! ผ่อนชำระ 0% ได้นานสูงสุดถึง 24 เดือน

สัมผัสประสบการณ์เปลี่ยนบ้านเป็นเรื่องง่าย ให้ชีวิตดีกว่าที่เชียงราย พบกัน โฮมโปร x เมกาโฮม ถนนเชียงราย–เทิง เปิดให้บริการเต็มรูปแบบ 14 พฤศจิกายน 2568 นี้ เปิดบริการทุกวัน เวลา 7.30–21.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 052-024100

#โฮมโปรเมกาโฮมเชียงราย #โมเดลไฮบริด #ไฮบริดสโตร์ #โฮมโปร #HomePro #BetterLivingเพื่อชีวิตที่ดีกว่า #เมกาโฮม #MegaHome #ศูนย์รวมวัสดุก่อสร้างและงานช่าง #Homepropr

โก โฮลเซลล์ ผนึกกำลัง YEC จังหวัดระยอง จับคู่เจรจาธุรกิจ สร้างโอกาสเกษตรกร เอสเอ็มอี ต่อยอดสินค้าท้องถิ่นคุณภาพสู่ช่องทางโมเดิร์นเทรด

โก โฮลเซลล์ (GO WHOLESALE) ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหารที่มีความสดใหม่ตลอดเวลา เพื่อผู้ประกอบการ ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ร่วมกับ กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ หอการค้าจังหวัดระยอง หรือ YEC Rayong จัด กิจกรรมเจรจาธุรกิจ Business Matching “เชื่อมเอสเอ็มอีไทย เปิดโอกาสใหม่ สู่โมเดิร์นเทรด” ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายทินกร ลาวัณย์เสถียร ประธานหอการค้าจังหวัดระยอง เป็นประธานเปิดงาน โดยมี นายจิระศักดิ์ จิราธิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานการตลาด บริษัท เซ้นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ จำกัด พร้อมด้วย ผู้บริหาร ตลอดจนฝ่ายจัดซื้อของ โก โฮลเซลล์ ท่ามกลางความสนใจของ เกษตรกร ผู้ประกอบการขนาดกลางขนาดเล็ก หรือเอสเอ็มอี ในจังหวัดระยองและใกล้เคียง เป็นจำนวนมากเข้าร่วมงาน  

นางสาวณัฐณิชา สุวิมล ประธานกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ หอการค้าจังหวัดระยอง หรือ YEC Rayong กล่าวว่า จังหวัดระยอง เป็นจังหวัด   ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง เนื่องจากมีผลผลิตเกษตรที่โดดเด่น เป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดัง และเป็นพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก หรือเอสเอ็มอี และเกษตรกรรายย่อยอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งต่างก็มีความต้องการค้นหาช่องทางการตลาดใหม่ๆ ที่จะช่วยสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับครอบครัว โดย โก โฮลเซลล์ ถือเป็นช่องทางจัดจำหน่ายที่น่าสนใจ และน่าจะเป็นอีกเป้าหมายสำคัญในการกระจายผลผลิตของผู้ประกอบการในพื้นที่ที่ต้องการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อเข้าสู่ตลาดโมเดิร์นเทรด

สำหรับความร่วมมือกับ กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ หอการค้าจังหวัดระยอง หรือ YEC Rayong ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งสำคัญของ โก โฮลเซลล์ ในการผลักดันเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยมีความมุ่งมั่นที่จะร่วมกันสร้างเครือข่าย สนับสนุนสินค้าจากเกษตรกร และผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กในทุกพื้นที่ให้มีรายได้มั่นคง มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งในครั้งนี้มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรม จำนวนไม่น้อย ครอบคลุมสินค้าทั้ง ผัก ผลไม้ สินค้าแปรรูปต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดระยองและใกล้เคียง ซึ่งผู้ผลิตจะได้พูดคุยกับฝ่ายจัดซื้อของ โก โฮลเซลล์ โดยตรง ทำให้มองเห็นโอกาสทางการตลาดเพิ่มมากขึ้น  

ภายในงานยังเปิดเวทีสัมมนาในหัวข้อ “เจรจาธุรกิจพิชิตตลาดค้าส่ง สำหรับ SMEs และเกษตรกร” โดยมีผู้เชี่ยวชาญและตัวจริงในด้านต่างๆ มาร่วมให้ความรู้ ทั้งผู้แทนจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) ผู้ประกอบการตัวจริงที่มาแชร์ประสบการณ์ส่งสินค้าในตลาดค้าส่งทั้ง เกษตรกร และเอสเอ็มอี  รวมถึงการเปิดเผยเทคนิคที่ผู้ผลิตต้องรู้โดยผู้เชี่ยวชาญจากฝ่ายจัดซื้อของ  โก โฮลเซลล์

งานนี้เกษตรกร ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี นำความรู้และเทคนิคการเข้าสู่ธุรกิจค้าส่งกลับบ้านไปเต็มกระเป๋าพร้อมกับลายแทงในการพัฒนาสินค้าให้ได้มาตรฐาน ตรงกับความต้องการของตลาดค้าส่ง ที่สำคัญได้เรียนรู้กลยุทธ์การทำธุรกิจที่ใช้ “ตลาดนำการผลิต” ที่จะช่วยบรรเทาปัญหาสินค้าล้นตลาด ราคาตกต่ำได้  

“MOSHI” โตสวนกระแสเศรษฐกิจ โชว์ผลงาน Q3/68 กวาดรายได้ 845 ล้านบาท ดัน SSSG แกร่ง กำไรทะยาน 27% ย้ำชัดโตตามเป้า 15-20% เดินหน้าขยายสาขา-พัฒนาสินค้าใหม่

‘บมจ. โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น’ หรือ MOSHI ตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์รายใหญ่ของประเทศไทย เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/68 เติบโตแข็งแกร่ง ทำรายได้จากการดำเนินงาน 844.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.8% และมีกำไรสุทธิ 137.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.9% ดัน SSSG เติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 6% แม้เข้าสู่ช่วง Low Season และท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว หนุนส่งผลงาน 9 เดือนแรกของปี 68 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (New High) ทำรายได้รวม 2,512.71 ล้านบาท และทำกำไรสุทธิ 427.64 ล้านบาท สะท้อนศักยภาพการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ มั่นใจไตรมาส 4/68 เติบโตต่อเนื่อง เดินหน้าขยายสาขา-พัฒนาสินค้าใหม่ หนุนผลงานปี 68 เติบโต 15-20% ตามเป้าหมาย

นางสาวศุภรดา โรจน์วัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) หรือ MOSHIผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์รายใหญ่ของประเทศไทยเปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 (กรกฎาคม-กันยายน) บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงาน 844.65ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่มีรายได้จากการดำเนินงาน 735.77 ล้านบาท นับเป็นผลการดำเนินงานที่เติบโตแข็งแกร่งแม้อยู่ในภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและอยู่ในช่วง Low Season ของธุรกิจ โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจาก การขยายสาขาใหม่ 30 สาขา ในทำเลที่มีศักยภาพ เพิ่มขึ้นจาก 153 สาขาในปีก่อน ทั้งนี้ ในไตรมาสนี้ บริษัทฯ ได้เปิดสาขาใหม่ 7 สาขา ได้แก่ สาขา Esplanade งามวงศ์วาน-แคราย, Lotus’s จ.นครศรีธรรมราช, Robinson จ.สมุทรปราการ, Lotus’s บ่อวิน, Big C จ.ลำพูน และ สาขา Standalone มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ อ.หลังสวน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเดินหน้าพัฒนาสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยทยอยออกสินค้าใหม่กว่า 3,000 รายการ พร้อมเพิ่มสินค้าลิขสิทธิ์ใหม่ๆ อาทิ Hello Kitty, Cinnamoroll, My Melody, LITTLE RIIZE and Penanuts Snoopy & Friends ซึ่งช่วยหนุนให้ยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) เติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 6% ด้านกำไรสุทธิทำได้ 137.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 108.14 ล้านบาท โดยอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ขยายตัวจาก 14.6% เป็น 16.2% ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการที่ในไตรมาสนี้บริษัทฯ ไม่มีการรับรู้ผลขาดทุนจากกิจการร่วมค้าเหมือนในช่วงเดียวกันของปีก่อน อีกทั้งยังได้รับแรงหนุนจากการขยายสาขาค้าปลีกอย่างต่อเนื่อง การเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง และการบริหารจัดการต้นทุนผ่านการประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale) สะท้อนถึงศักยภาพการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ

ขณะที่ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม-กันยายน) บริษัทฯ สามารถทำผลงานทั้งรายได้และกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (New High) ทำรายได้รวม 2,512.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 2,076.47 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มค้าปลีก 85% กลุ่มค้าส่ง 13% และช่องทางการจัดจำหน่ายอื่น 2% และสามารถทำกำไรสุทธิได้ 427.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 314.74 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ และเพิ่ม Engagement บน Social Media ถือเป็นการสร้างความผูกพันกับแบรนด์ ด้วยการเชื่อมโยงกับศิลปินผ่านอีเวนต์ยอดนิยมในหลายรูปแบบ

นายสง่า บุญสงเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MOSHI กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับทิศทางผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2568 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง แม้จะมีฐานที่สูงในปีก่อนก็ตาม ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานทั้งปี 2568 ให้เติบโต 15-20% ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยอาศัยกลยุทธ์หลักที่พิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จ ได้แก่ การขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในทำเลที่มีศักยภาพสูง การออกสินค้าใหม่กว่า 1,000 รายการต่อเดือน และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นในราคาที่เข้าถึงได้ ควบคู่กับปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการ “4 เดือน Big Quick Win” ที่มุ่งเพิ่มกำลังซื้อของประชาชน รวมถึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่มีแนวโน้มเชิงบวกจากค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างกำลังซื้อโดยรวมและช่วยเอื้อต่อการเติบโตของบริษัทฯ ได้อย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2568 บริษัทฯ เตรียมสร้างประสบการณ์และความสนุกสุดพิเศษกับกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อมอบความสุขให้กับกลุ่มลูกค้า ผ่านกิจกรรม ‘Moshi Moshi ฉลองครบรอบ 9 ปี แจกทอง 9 บาท’ ร่วมฉลองความสำเร็จ 9 ปีของ Moshi Moshi กับกิจกรรมแจกทอง 9 บาท เพื่อตอบแทนลูกค้าที่อยู่ร่วมกับแบรนด์มายาวนาน, กิจกรรม ‘ช็อปออนไลน์ ลุ้นรับ iPhone 17 Pro’ เพียงช็อปสินค้าออนไลน์ก็มีสิทธิ์ลุ้น! กับ iPhone 17 Pro เพื่อกระตุ้นยอดขายออนไลน์และเพิ่ม UGC (User-Generated Content) ผ่านมุมมองผู้บริโภค พร้อมเปิดตัว Collection ลิขสิทธิ์ Care Bears เพื่อดึงดูดแฟนลิขสิทธิ์ และขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ กิจกรรมทั้งหมดนี้ สะท้อนถึงความตั้งใจของ MOSHI ในการสร้างประสบการณ์สนุก ๆ มีส่วนร่วม และเป็นแรงบันดาลใจให้ลูกค้าทุกคนได้สัมผัสความสดใสในทุกช่องทาง

ทั้งนี้ โดยข้อมูล ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 บริษัทฯ มีสาขาค้าปลีกและค้าส่งที่เปิดดำเนินการแล้วทั้งสิ้น 194 สาขา แบ่งเป็น ร้านค้าปลีกแบรนด์ Moshi Moshi จำนวน 187 สาขา โดยเป็น รูปแบบ Standalone จำนวน 11 สาขา, ร้านค้าส่งแบรนด์ Moshi Moshi จำนวน 2 สาขา, ร้าน Garlic 3 สาขา, ร้านค้าส่ง Giant 1 สาขา และร้านค้าส่ง The OK Station 1 สาขา

แม็คโคร-โลตัส ชวน ‘อิ่มคุ้ม กินดี มีคืน’ รับสิทธิ์คืนภาษีได้ทุกมื้อ กับร้านอาหารแบรนด์ดังที่ร่วมโครงการ “เที่ยวดีมีคืน”

กรุงเทพฯ 14 พฤศจิกายน 2568 – บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก “แม็คโคร–โลตัส” เชิญชวนลูกค้าทั่วประเทศร่วมอิ่มอร่อยกับหลากหลายร้านอาหารแบรนด์ดัง ภายใต้แคมเปญ “อิ่มคุ้ม กินดี มีคืน ที่แม็คโครโลตัส” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการภาครัฐ “เที่ยวดีมีคืน” ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการรับประทานอาหารมาหักลดหย่อนภาษีได้

โดยลูกค้าสามารถอิ่มอร่อยกับมื้อโปรดได้อย่างคุ้มค่า พร้อมรับสิทธิ์คืนภาษีจากโครงการ “เที่ยวดีมีคืน” ได้ทันที เพียงรับประทานอาหารภายในร้านค้าที่ร่วมรายการ ภานในโซนมอลล์ของแม็คโครและโลตัสทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม  – 15 ธันวาคม 2568 โดยรวบรวมร้านอาหารชื่อดังและร้านยอดนิยมให้ลูกค้าเลือกอร่อยได้ทุกมื้อ ทั้งอาหารไทย ญี่ปุ่น เกาหลี ของหวาน และคาเฟ่หลากหลายแบรนด์ รับสิทธิ์หักลดหย่อนภาษีตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : makro – แม็คโคร และ Facebook : Lotus’s – โลตัส

#CPAXTRA #อิ่มคุ้มกินดีมีคืนที่แม็คโครโลตัส #เที่ยวดีมีคืน2568 #MakroLotus

SAPPE รายงานผลประกอบการ Q3/68 รายได้ 1,349 ล้านบาท กำไรสุทธิ 183 ล้านบาท ธุรกิจต่างประเทศทยอยฟื้นตัว มั่นใจกลับสู่การเติบโตปีหน้า

บมจ. เซ็ปเป้ (SAPPE) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/68 มีรายได้จากการขาย 1,349 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 183 ล้านบาท โดยรายได้ชะลอตัว 13.9% YoY และกำไรลดลง 39.0% YoY ทั้งนี้ หลายตลาดเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน โดยเฉพาะยุโรปที่ทยอยกลับมาเติบโตตามแผน ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบสำคัญมีแนวโน้มลดลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนผลการดำเนินงานในปี 2569
นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAPPE กล่าวว่า ยอดขายต่างประเทศมีสัญญาณดีขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่าปีนี้จะเผชิญความท้าทายจากเศรษฐกิจโลกผันผวนและสถานการณ์ในหลายภูมิภาค อย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจว่าในปีหน้า รายได้มีแนวโน้มกลับสู่การเติบโตในทุกภูมิภาค รวมถึงตลาดสำคัญอย่างยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชีย ในส่วนของตลาดในประเทศ บริษัททำรายได้ 380 ล้านบาท เติบโต 2% YoY โดยครึ่งปีแรกเติบโต 28.9% YoY และภาพรวม 9 เดือนยังเติบโตได้แข็งแรงที่ 19.1% YoY

SAPPE ยังคงมุ่งขับเคลื่อนกลยุทธ์ Global Marketing ของ Mogu Mogu อย่างต่อเนื่อง ผ่านแคมเปญและความร่วมมือกับศิลปินระดับโลกในเกาหลีใต้ เช่น BTS, SEVENTEEN และ TXT เพื่อเข้าถึงกลุ่ม Gen Z และ Gen Alpha พร้อมขยายฐานผู้บริโภคในฝรั่งเศส ฟิลิปปินส์ สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร โดยแคมเปญ #MyFirstMoguMogu Mobile Sampling Tour ในสหรัฐฯ ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา ได้ผลตอบรับดีและช่วยสร้างฐานผู้บริโภคใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าขยายพอร์ตสินค้าใหม่ เช่น สูตรน้ำตาล 0% และ Mogu Mogu Pretzel รวมถึงความร่วมมือกับแบรนด์ต่าง ๆ เพื่อสร้างความสดใหม่และตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มเคี้ยวได้ระดับโลก

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAPPE กล่าวเพิ่มเติมว่า “แม้ปีนี้จะเป็นปีท้าทาย แต่ทิศทางไตรมาสที่ผ่านมาเริ่มชัดเจนว่าเรากำลังฟื้นตัว รายได้ต่างประเทศติดลบน้อยลงต่อเนื่อง และเราคาดว่าจะกลับมาเติบโตได้ในปีหน้า โดยมีแรงหนุนจากคำสั่งซื้อที่เริ่มกลับมาเป็นปกติ และต้นทุนวัตถุดิบอย่างเรซินและน้ำตาลที่ปรับลดลง ซึ่งจะช่วยให้ผลประกอบการปี 2569 แข็งแรงขึ้น”

ซูเลียน” ปลุกพลังนักธุรกิจ เปิดเวที OPP จุดประกายวิสัยทัศน์ CMO สู่เส้นทางความสำเร็จปลายปี

บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการทั่วประเทศ จัดงาน OPP (Opportunity Presentation Program) รวมพลังนักธุรกิจทั่วไทย ร่วมฟังเคล็ดลับความสำเร็จจากผู้นำมืออาชีพ ตอกย้ำความเชื่อมั่นในแบรนด์ซูเลียนก่อนก้าวสู่ปีใหม่ เพื่อแนะนำโอกาสทางธุรกิจและเปิดวิสัยทัศน์ความสำเร็จครั้งใหญ่ โดยมีนักธุรกิจจากทั่วประเทศและประเทศเพื่อนบ้านเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง สะท้อนกระแสความเชื่อมั่นในแบรนด์ซูเลียนที่ยังคงแข็งแกร่งและเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ภายในงานเต็มไปด้วยพลังแห่งความรู้และแรงบันดาลใจจาก วิทยากรมากประสบการณ์ อาทิ RCD  วิลินรัตน์ ยานยา, RCD ไพบูลย์ เมืองอุดม และ CDM ยงเกียรติ พฤฒิวรกุลชัย ที่ร่วมถ่ายทอดเคล็ดลับแห่งความสำเร็จและกลยุทธ์การสร้างรายได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในยุคดิจิทัล พร้อมชี้แนะแนวทางให้ผู้ร่วมงานมองเห็นภาพรวมของธุรกิจซูเลียนในมิติใหม่ ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนเติบโตไปด้วยกัน

นายณัชชานนท์ จุลล์จักรวงศา Chief Marketing Officer (CMO) ประกาศวิสัยทัศน์ถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจและแผนการเติบโตขององค์กรในปีหน้า โดยกล่าวว่า“ซูเลียนเชื่อมั่นในพลังของผู้คน และเราไม่เพียงมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีเท่านั้น แต่เรายังสร้าง ‘โอกาส’ ให้ทุกคนสามารถเติบโต มีอิสระทางการเงิน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เราเดินหน้าพร้อมทุกคน เพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จอย่างมั่นคงและยั่งยืน”

บรรยากาศในงานอบอวลไปด้วยความสุข ความอบอุ่น และความตื่นเต้น คำกล่าวของผู้บริหารได้เรียกเสียงปรบมือกึกก้องจากผู้เข้าร่วมงาน พร้อมตอกย้ำภาพลักษณ์ของซูเลียนในฐานะองค์กรที่มั่นคง เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น และมีเป้าหมายชัดเจนในการขับเคลื่อนความสำเร็จร่วมกับนักธุรกิจทั่วประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีการจับรางวัล อั่งเปาเงินสด และ ของที่ระลึกสุดพิเศษ มอบให้ผู้ร่วมงานทุกท่าน เป็นการส่งต่อความโชคดีและแทนคำขอบคุณจากใจซูเลียน ที่ไม่เพียงสร้างธุรกิจ แต่ยังสร้าง “สายสัมพันธ์แห่งโอกาส” ให้ทุกคนได้ร่วมก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน

กิจกรรม OPP ครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งหลักไมล์สำคัญของซูเลียนในการตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจเครือข่ายที่มุ่งมั่นพัฒนา เติบโต และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนอย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าสู่ปีใหม่ด้วยพลังแห่งความเชื่อมั่นและความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม