โฮมโปร จับมือ “โตชิบา” เปิดตัวเครื่องซักผ้ารักษ์โลกจากวัสดุหมุนเวียน

นางสาวสมใจ มธุรพร  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดซื้อสินค้า Home Electric บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ โฮมโปร พร้อมด้วย มร.อเล็กซ์ มา รองประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด  เปิดตัว “เครื่องซักผ้ารักษ์โลก จากวัสดุหมุนเวียน” ด้วยเครื่องซักผ้าฝาบน รุ่น “AW-DUM1600LT(SG) PCR” ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมการผสานวัสดุรีไซเคิลรักษ์โลกและเทคโนโลยีจากญี่ปุ่นไว้ในหนึ่งเดียว มอบประสิทธิภาพการทำงานที่สะดวกสบาย ทนทานตามเอกลักษณ์แบบญี่ปุ่น ประหยัดน้ำและพลังงาน สู่มิติใหม่ “เปลี่ยนทุกการซัก ให้รักษ์โลก” ตอบโจทย์ผู้บริโภค ใส่ใจสิ่งแวดล้อม พร้อมช่วยลดการเกิดขยะอย่างยั่งยืน

REMY เปิดตัว 2 นวัตกรรมใหม่! พร้อมดึง “ณฐ ณฐสิชณ์” นั่งแท่นแอมบาสเดอร์คนแรก เอาใจสายรักสัตว์รุ่นใหม่

นางสาวสุดาทิพ เกียรติศรีชาติ กรรมการ กลุ่มบริษัท พัทยาฟู้ด เปิดตัว REMY (เรมี่) แบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงระดับพรีเมียมจากความร่วมมือระหว่าง กลุ่มบริษัท พัทยาฟู้ด (PFG – Pataya Food Group) และโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ พร้อมเปิดตัวแอมบาสเดอร์คนแรกของแบรนด์ “ณฐ ณฐสิชณ์ เอื้อเอกสิชฌ์” นักแสดงและอินฟลูเอนเซอร์สายสุขภาพ ขวัญใจคนรักสัตว์ และเปิดตัว 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด ตอบโจทย์ผู้เลี้ยงสัตว์ยุคใหม่ที่ใส่ใจทั้งสุขภาพและคุณภาพชีวิตของเพื่อนรักสี่ขา โดยมี น.สพ.กรธัช สมบุญธรรม,จนนี่ ปาหนัน ร่วมงานด้วย ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันก่อน

Acer เดินหน้าขับเคลื่อนการศึกษาภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วย AI และระบบนิเวศการเรียนรู้ยุคใหม่ ในงาน Edu Summit 2025

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – การประชุมสุดยอด Acer Edu Summit Asia Pacific 2025 ธีมของงานคือ “Shape Tomorrow: AI และเทคโนโลยีดิจิทัลในการศึกษา” ได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา และผู้นำด้านเทคโนโลยีจากทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มาร่วมกันเรียนรู้และพูดคุยเกี่ยวกับผลกระทบของปัญญา ประดิษฐ์ (AI) และการดิจิทัลที่กำลังเปลี่ยนแปลงวงการการศึกษา การประชุมจัดขึ้นในวันที่ 7-8 พฤษภาคม ที่กรุงเทพฯ โดยมีผู้เข้าร่วมจากประเทศออสเตรเลีย, ฮ่องกง, อินเดีย, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, เกาหลีใต้, ไต้หวัน, ไทย และเวียดนาม ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการที่เทคโนโลยีใหม่ ๆและเตรียมนักเรียนให้พร้อมสำหรับอนาคตที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล

“การประชุมสุดยอด Acer Edu Summit Asia Pacific 2025 ยืนยันความตั้งใจของ Acer ที่จะช่วยให้ผู้สอนและผู้เรียนมีเครื่องมือที่จำเป็นในการประสบความสำเร็จในโลกดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน” แอนดรูว์ โฮประธานฝ่ายปฏิบัติการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของบริษัท เอเซอร์ อิงค์ (Acer Inc.) (Andrew Hou, President of Pan Asia Pacific Regional Operations  Acer) กล่าวว่า “เราต้องการส่งเสริมความร่วมมือและนวัตกรรมกับพันธมิตรที่มีแนวคิดเดียวกัน เพื่อช่วยสร้างอนาคตที่เทคโนโลยีจะทำให้การเรียนรู้ดีขึ้นและเข้าถึงได้มากขึ้น”

เนื่องจาก AI กำลังเปลี่ยนแปลงวงการการศึกษา การประชุมครั้งนี้จึงเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแนวทางที่ดีที่สุดในการส่งเสริมความรู้ด้านดิจิทัลและนวัตกรรมในห้องเรียนผ่านการใช้เครื่องมือ EdTech. Acer ได้นำเสนอนวัตกรรมและโซลูชันการศึกษาที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่ช่วยปรับปรุงวิธีการสอน, ลดภาระงานบริหาร, และเพิ่มความมีส่วนร่วมของผู้เรียน

Altos Computing บริษัทในเครือ Acer เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ AI รุ่นใหม่พร้อมแพลตฟอร์ม Altos aiWorks ฟีเจอร์เด่นของ Altos aiWorks คือการจัดสรรทรัพยากร ด้วย GPU ที่ยืดหยุ่น ช่วยให้ผู้ใช้หลายคนสามารถแชร์ข้อมูลกันได้ ซึ่งเหมาะกับการศึกษา ช่วยให้สถาบันและนักเรียนหลายคนทำงานและเรียนรู้พร้อมกัน เพิ่มการร่วมมือและการโต้ตอบในสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบดิจิทัล

ในงานนี้ Altos Computing ได้เน้นโชว์แพลตฟอร์มประสิทธิภาพสูง อย่าง Altos BrainSphere™️ R680 F7 Server ซึ่งเป็นระบบที่ทรงพลังและหลากหลาย รองรับ GPU ถึงแปดตัว เช่น NVIDIA H200 Tensor Core หรือ RTX Pro™️ 6000 Blackwell Server Edition สำหรับงานที่ต้องการการคำนวณสูง, กราฟิกที่ซับซ้อน และงาน AI  ในอนาคต Altos Computing เตรียมขยายไลน์เซิร์ฟเวอร์ AI ระดับสูงในช่วงต้นไตรมาสที่ 3 ด้วยการเปิดตัวสองระบบใหม่ ได้แก่ Altos BrainSphere™️ R880 F6 เซิร์ฟเวอร์ AI แบบ HGX ที่ใช้ NVIDIA B200 และ Altos BrainSphere™️ R780 F7 เซิร์ฟเวอร์ AI แบบ MGX 4U/8GPU ทั้งสองระบบนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Altos ในการขับเคลื่อนนวัตกรรม AI ในด้านการศึกษา, ธุรกิจ และการวิจัย

ในการประชุมครั้งนี้ยังมีบูธอินเทอร์แอคทีฟจากพันธมิตรทางเทคโนโลยี เช่น Intel, Microsoft และ Google ขณะที่ AOPEN บริษัทในเครือของ Acer พร้อมโซลูชันจากสายผลิตภัณฑ์ SpatialLabs และแบรนด์เกมมิ่ง Predator แสดงให้เห็นว่าอีสปอร์ตและการเรียนรู้ในรูปแบบเสมือนจริงสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในห้องเรียนได้อย่างไร

เอเซอร์ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยศรีปทุมยกระดับการศึกษาอีสปอร์ตในไทย

ในงาน Acer Edu Summit Asia Pacific 2025, คณะดิจิทัลมีเดีย มหาวิทยาลัยศรีปทุม (SPU) ประกาศความร่วมมือกับ เอเซอร์ เพื่อพัฒนาหลักสูตรการศึกษาด้านอีสปอร์ตและโปรแกรมฝึกงานที่พร้อมรับโลกดิจิทัลในอนาคต โดยนักศึกษาจะได้ใช้ อุปกรณ์ระดับมืออาชีพ เช่น Acer Predator และเรียนรู้ใน ห้องปฏิบัติการที่ทันสมัย เพื่อฝึกฝนทักษะในหลายด้าน เช่น การจัดการแข่งขัน, การสตรีมมิ่ง, การบริหารจัดการอีเวนต์ และการพัฒนาด้านเกม

ผศ.ดร.กมล จิราพงษ์ คณบดีคณะดิจิทัลมีเดีย มหาวิทยาลัยศรีปทุม  กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า “การบูรณาการเทคโนโลยีในการเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญที่มหาวิทยาลัยศรีปทุมให้ความสำคัญ และการร่วมมือกับเอเซอร์จะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมอีสปอร์ตในประเทศไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน ความร่วมมือระหว่างทั้งสององค์กรถือเป็นการเปิดโอกาสใหม่ให้กับนักศึกษาในการพัฒนาอาชีพในอุตสาหกรรมดิจิทัลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในไทย ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองฝ่ายในการสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับเยาวชนไทย”

พลังแห่งความมุ่งมั่น Zhulian Day of Honour 2025 ปรากฏการณ์เฉลิมฉลองสุดยิ่งใหญ่

ปังไม่ไหวแล้วแม่!! บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย ดร.ปิยะวัฒน์ จุลล์จักรวงศา ประธานกรรมการผู้ทรงพลังแห่งบริษัท พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับแถวหน้า จัดงานเฉลิมฉลองแห่งปี “Zhulian Day of Honour 2025” อย่างยิ่งใหญ่ อลังการงานสร้าง แบบที่ใครพลาดต้องเสียดายหนักมาก งานนี้จัดขึ้นเพื่อแสดงความยินดีกับเหล่าผู้พิชิตตำแหน่งแห่งเกียรติยศ ผู้ที่เดินบนเส้นทางแห่งความตั้งใจ ความพยายาม และความมุ่งมั่นสุดหัวใจ จนก้าวขึ้นมาเป็นดาวเด่นขององค์กร

สำหรับบรรยากาศภายในงานก็ร้อนแรงทะลุปรอท! เต็มไปด้วยพลังแห่งความสุขและความภาคภูมิใจที่เปล่งประกายไปทั่วฮอลล์ และช่วงที่เรียกเสียงฮือฮาดังกระหึ่มที่สุด ต้องยกให้กับการประกาศรางวัล “ผู้จัดจำหน่ายยอดเยี่ยมแห่งปี 2024” ที่ทุกคนตั้งตารอ ได้แก่

  • RCM San Naing
  • CDM Yong Sophon
  • RCM ธนกร แสงฟ้า
  • RCM ศลินดา หนูคาบแก้ว
  • RCM Naly Phongsavath

ทั้งห้าท่านขึ้นรับรางวัลอย่างสง่างาม ท่ามกลางสายตาชื่นชมและปรบมือดังกึกก้องและช่วงที่ทำเอาหลายคนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ คือการกล่าวย้ำถึงหัวใจของความสำเร็จ ที่ทุกถ้อยคำสะท้อนพลังใจของผู้ร่วมงานทุกคนว่า
“รางวัลแห่งความสำเร็จ รางวัลแห่งความเพียรพยายาม วันนี้แสดงให้เห็นแล้วว่า ความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร เพียงแค่เราตั้งใจให้มากพอ มุ่งมั่น และลงมือทำอย่างเต็มที่”

แน่นอนว่างานของซูเลียน ไม่มีคำว่าเงียบเหงา! ปิดท้ายงานแบบสุดเหวี่ยงด้วยคอนเสิร์ตจาก ราชินีเพลงแดนซ์ตลอดกาล คริสติน่า อากีล่าร์ ที่ขนเพลงฮิตติดลมบนระดับตำนานมาระเบิดความมันส์แบบจัดเต็ม! เรียกเสียงกรี๊ดจากทุกทิศ ลุกขึ้นเต้นกันยับแบบไม่กลัวรองเท้าพัง บอกเลยว่า… สนุก มันส์ ซาบซึ้ง และทรงพลัง ครบรสในงานเดียว

ดร.ปิยะวัฒน์ จุลล์จักรวงศา ประธานกรรมการ บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวปิดท้ายอย่างภาคภูมิใจว่า“ซูเลียนขอแสดงความยินดีอย่างที่สุดกับผู้พิชิตตำแหน่งอันทรงคุณค่าทุกท่าน โดยเฉพาะกับผู้ที่คว้ารางวัลผู้จัดจำหน่ายยอดเยี่ยมแห่งปี 2024 ทุกความพยายามของคุณคือแสงสว่างของทีมงานซูเลียนทุกคน บริษัทฯ ภูมิใจในทุกก้าวของคุณ และเชื่อมั่นว่าพวกคุณจะยังคงเป็นพลังสำคัญที่นำพาซูเลียนก้าวต่อไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว”

รีเฟรชทุกประสบการณ์เรื่องบ้าน กับ “โฮมโปร” ช้อปเรื่องบ้านของลูกค้า..ไม่ยุ่งยากอีกต่อไป ด้วยบริการครบจบ “ชีวิตง่าย ได้ที่โฮมโปร” ผ่าน Omni-channel และ โซลูชันทันสมัย ตอบทุกไลฟ์สไตล์

ในยุคใหม่ที่ผู้บริโภคต่างให้ความสำคัญกับความสะดวก รวดเร็ว และเข้าถึงบริการที่หลากหลายได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว โฮมโปร ผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการเรื่องบ้านครบวงจร เดินหน้าพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด Better Living เพื่อชีวิตที่ดีกว่า” เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปรอบด้าน ด้วยช่องทางการให้บริการที่ครบครัน สะดวกสบาย และเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา

นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” กล่าวว่า จากเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองหาความยืดหยุ่น ความคุ้มค่า ความมั่นใจในบริการ และความสะดวกสบายในการเข้าถึง โฮมโปรจึงปรับตัวอยู่เสมอ ทั้งในแง่ของเทคโนโลยี การบริการ และการพัฒนาทักษะบุคลากร เพื่อให้รองรับทุกความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะช้อปที่หน้าร้าน หรือโฮมโปรออนไลน์ ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่า จะได้รับบริการด้วยคุณภาพมาตรฐานเดียวกัน ที่สำคัญเรายังใส่ใจทุกๆ ขั้นตอนตลอดเส้นทางการใช้สินค้าและบริการของลูกค้า เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด

หนึ่งในจุดแข็งของโฮมโปร คือความสามารถในการเชื่อมโยงทุกๆ การช้อปของลูกค้า ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ (Omni-channel Experience) ได้อย่างไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะเป็นหน้าร้านกว่า 90 สาขาทั่วประเทศ และช่องทางดิจิทัลที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ อาทิ

Click & Collect – ช้อปออนไลน์ รับได้ที่สาขา อีกหนึ่งบริการที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ที่ช่วยให้ทุกการช้อปปิ้งสะดวก รวดเร็ว เพียงสั่งซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน แล้วเลือกรับสินค้าสาขาใกล้บ้านได้ภายใน 1 ชั่วโมง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ต้องการความรวดเร็ว โดยไม่ต้องรอจัดส่งถึงบ้าน

Chat Shop 4 You – ทักมา เราช้อปให้! คือ บริการ “ผู้ช่วยช้อปส่วนตัว” ผ่านช่องทางแชท ไม่ว่าจะเป็น LINE Official : @homepro หรือ Facebook Page : HomePro Thailand ให้ลูกค้าสามารถพูดคุย สอบถาม ขอคำแนะนำ รวมถึงสั่งซื้อสินค้าและบริการได้แบบเรียลไทม์ โดยมีทีมเจ้าหน้าที่โฮมโปรให้บริการอย่างมืออาชีพ พร้อมดูแลเสมือนมีผู้ช่วยช้อปที่รู้ใจอยู่ใกล้ตัวเสมอ

Sameday Delivery – ซื้อวันนี้ ส่งวันนี้ พร้อมติดตั้งภายในวัน อีกหนึ่งจุดเด่นที่สะท้อนถึงความพร้อมของระบบหลังบ้านและทีมช่างโฮมโปร ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ หรือทีวี เพียงสั่งซื้อและชำระเงิน ก่อนเวลา 16.00 น. ลูกค้าจะได้รับสินค้าและบริการติดตั้งภายในวันเดียวกัน ซึ่งนับเป็นการยกระดับมาตรฐานบริการด้าน Home Solutions ในประเทศไทย

HomePro Online – ช้อปสินค้าหลากหลาย ส่งได้ทุกที่ทั่วไทย ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ก็ช้อปสินค้าและบริการเรื่องบ้านได้ครบจบในที่เดียว ผ่านเว็บไซต์ www.homepro.co.th และแอปพลิเคชัน HomePro Online ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ให้เป็นศูนย์รวมสินค้าและบริการเรื่องบ้านครบวงจร ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ วัสดุก่อสร้าง และบริการหลังการขายต่างๆ พร้อมระบบค้นหาและสั่งซื้อที่ง่ายดาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว ไม่เสียเวลาเดินทาง

Free Delivery – ส่งฟรีได้ทุกที่ทั่วไทย เมื่อช้อปครบตามเงื่อนไข เติมเต็มประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์ให้สมบูรณ์แบบ ด้วยบริการจัดส่งฟรี เมื่อช้อปครบ 500 บาทขึ้นไป (ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด) หรือเลือกรับบริการจัดส่งฟรี ในระยะทาง 40 กม. เมื่อช้อปครบ 6,000 บาทขึ้นไป ที่สาขาใกล้บ้าน* ครอบคลุมทั่วประเทศ สะท้อนถึงศักยภาพของระบบโลจิสติกส์และคลังสินค้าที่แข็งแกร่งในทุกภูมิภาค

HomePro Call Center – ช้อปง่าย โทร.1284 บริการ ครบ จบ ทุกเรื่องบ้าน ตลอด 24 ชม. ให้การดูแลบ้านเป็นเรื่องง่ายแค่โทรหาเรา ลูกค้าสามารถช้อปสินค้า ติดตามสถานะจัดส่ง นัดหมายช่าง หรือติดต่อรับบริการฉุกเฉินได้ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยทีมเจ้าหน้าที่มืออาชีพที่พร้อมดูแลและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

นายวีรพันธ์ กล่าวอีกว่า โฮมโปรไม่ได้หยุดอยู่แค่การเป็นร้านค้าจำหน่ายสินค้า แต่เรายังเดินหน้าพัฒนา “ระบบนิเวศของบริการด้านบ้าน” (Home Service Ecosystem) อย่างครบวงจร โดยเน้นการออกแบบประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การเลือกสินค้า บริการติดตั้ง บริการซ่อมแซม ไปจนถึงการดูแลหลังการขาย

โดยมุ่งเน้นให้ทุกการบริการเป็นเรื่อง “ง่าย” สำหรับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ในบ้าน โฮมโปรพร้อมเป็นคำตอบในทุกช่วงเวลาของชีวิต

“โฮมโปร พร้อมเคียงข้างทุกเรื่องบ้าน ด้วยความเชื่อมั่นในแนวคิด Better Living เพื่อชีวิตที่ดีกว่า” โฮมโปรพร้อมเดินหน้าสร้างสรรค์บริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคดิจิทัล พร้อมยกระดับมาตรฐานของธุรกิจค้าปลีกและบริการด้านบ้านในประเทศไทยให้ก้าวไกลอย่างยั่งยืนเพราะไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน หรือบ้านจะมีความต้องการแบบใด โฮมโปรพร้อมอยู่เคียงข้างคุณ…ทุกวัน” นายวีรพันธ์ กล่าวสรุปในตอนท้าย

#ชีวิตง่ายได้ที่โฮมโปร #HomeProOmnichannel #SeamlessExperiences

#โฮมโปร #HomePro #BetterLivingเพื่อชีวิตที่ดีกว่า #Homepropr

#ChatShop4You #HomeProOnline #FreeDelivery #HomeProCallCenter #ClickAndCollect #SamedayDelivery

Acer x Intel เปิดเกมรุกตลาดอีสปอร์ตนักศึกษา! “U-Challenger 2025” ศึกมันส์ทะลุจอ ปั้นสตาร์เกมเมอร์ระดับมหาลัย ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 2 แสนบาท

  • เอเซอร์ จับมืออินเทล ดันวงการอีสปอร์ตระดับมหาวิทยาลัย จัดแข่งขันรายการ “Acer Gaming  U-Challenger 2025” ชิงรางวัลรวมกว่า 220,000 บาท และสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันระดับประเทศ
  • 3 มหาวิทยาลัยชั้นนำ ม.ศรีปทุม, ม.หอการค้าไทย และ ม.กรุงเทพ ตอบรับสนับสนุนนักศึกษาเข้าร่วมแข่งขัน พร้อมส่งเสริมกิจกรรมอีสปอร์ตในมหาวิทยาลัยอย่างจริงจัง

นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า อุตสาหกรรมอีสปอร์ตไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งคาดว่าภายในปี 2027 ประเทศไทยจะมีจำนวนผู้เล่นอีสปอร์ตกว่า 18.7 ล้านคน โดยมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่เพียง 21 ปี

เอเซอร์จึงต้องการส่งเสริมวงการอีสปอร์ตระดับมหาวิทยาลัย ด้วยการร่วมมือกับ “อินเทล” สนับสนุนให้นักศึกษาที่สนใจในกีฬาอีสปอร์ตได้มีพื้นที่ในการพัฒนาทักษะการเล่นเกม การทำงานเป็นทีม และเปิดโอกาสสู่การแข่งขันในระดับมืออาชีพ ด้วยการจัดแข่งขันรายการ “Acer Gaming U-Challenger” ที่จะจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ปี โดยให้แต่ละมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วม ได้หมุนเวียนกันรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพในรอบ Final Round

สำหรับรายการ Acer Gaming U-Challenger 2025” ครั้งนี้ เป็นการแข่งขันอีสปอร์ตระดับมหาวิทยาลัย ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 220,000 บาท พร้อมสิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ “Thailand Predator League 2026” ช่วงปลายปีนี้ โดยมีการนำเกม VALORANT หนึ่งในเกมแนว FPS ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มนักศึกษาและเกมเมอร์ชาวไทย มาใช้เป็นเกมหลักในการแข่งขัน ด้วยรูปแบบการเล่นที่เน้นการวางแผนเชิงกลยุทธ์ การสื่อสารในทีม และความสามารถเฉพาะบุคคล ซึ่งมีส่วนช่วยส่งเสริมทักษะสำคัญของผู้เล่น และตอบโจทย์อย่างยิ่งต่อการพัฒนานักกีฬาอีสปอร์ตรุ่นใหม่ให้ก้าวสู่ระดับมืออาชีพ

ในปีนี้มี 3 มหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมการแข่งขัน ได้แก่ มหาวิทยาลัยศรีปทุม, มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ซึ่งล้วนเป็นสถาบันการศึกษาที่สนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมอีสปอร์ตภายในมหาวิทยาลัยอย่างต่อเนื่อง โดยมีคอมมูนิตี้เกมเมอร์และอีสปอร์ตที่แข็งแกร่ง พร้อมเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เข้าถึงการฝึกซ้อมและพัฒนาทักษะด้านอีสปอร์ตอย่าจริงจัง

การแข่งขันจะแบ่งออกเป็นรอบออนไลน์ในแต่ละมหาวิทยาลัย เพื่อคัดเลือกทีมตัวแทนมาแข่งขันกันในรอบ Final Round ซึ่งปีนี้ “มหาวิทยาลัยศรีปทุม” จะทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดอีเว้นต์การแข่งขันรอบสุดท้ายแบบออฟไลน์    ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 27 มิถุนายน นี้ พร้อมด้วยกิจกรรมให้นักศึกษาและผู้ที่สนใจร่วมสนุกมากมายในงาน

ผู้ที่สนใจรับชมการแข่งขัน “Acer Gaming U-Challenger 2025” สามารถรับชมผ่านสตรีมมิ่งช่องทาง FB: Acer Gaming Thailand และ Predator League TH ในระหว่างวันที่ 7-27 มิถุนายน 2568 นี้

เห็นจุดดำลอยวูบวาบ อย่านิ่งนอนใจ อาจไม่ใช่แค่สายตาพร่ามัวแพทย์เตือนระวัง “โรควุ้นตาเสื่อม” ภัยเงียบของคนวัย 50+ เสี่ยงจอตาฉีกขาดหลุดลอก

เมื่อพูดถึงการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายตามวัย หลายคนอาจนึกถึงอาการปวดเมื่อย หรือโรคประจำตัวต่าง ๆ แต่อีกหนึ่งภาวะที่มักเกิดขึ้นเงียบ ๆ โดยที่เราอาจไม่ทันสังเกต ก็คือ “โรควุ้นตาเสื่อม” ซึ่งพบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และมากถึง 2 ใน 3 ของผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปต้องเผชิญกับภาวะนี้ โดยเฉพาะหากละเลยไม่ดูแล อาจนำไปสู่ปัญหาทางตาที่รุนแรงอย่าง “จอตาฉีกขาด” ซึ่งอาจทำให้สูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

พญ.รุ่งรวี สัจจานุกูล จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระจกตาและการผ่าตัดแก้ไขสายตา โรงพยาบาลพระรามเก้า อธิบายว่า วุ้นตาเป็นสารลักษณะคล้ายเยลลี่อยู่ในลูกตาส่วนหลัง ทำหน้าที่ช่วยรักษารูปร่างลูกตา เป็นทางผ่านของแสงและเป็นแหล่งอาหารของตา แต่เมื่อเราอายุมากขึ้น วุ้นตาจะค่อย ๆ เสื่อมสภาพ ละลายเป็นน้ำและหดตัว ทำให้เกิดการดึงรั้งจอตา คล้ายกับการลอกสติ๊กเกอร์ออกจากกระดาษ ที่บางครั้งอาจมีเนื้อกระดาษติดออกมาด้วย ซึ่งหากแรงดึงนั้นมากเกินไป ก็อาจทำให้จอตาฉีกขาดได้

แม้ว่าโรคนี้จะเกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่จากงานวิจัยพบว่าในกลุ่มผู้ที่มีอาการวุ้นตาเสื่อม มีเพียง           6-14.5% เท่านั้นที่พัฒนาไปถึงขั้นจอตาถูกดึงจนเกิดรอยฉีก ภาวะวุ้นตาเสื่อมจะพบมากขึ้นในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น สายตาสั้นมากกว่า -6 ไดออปเตอร์ เคยผ่าตัดจอตาหรือต้อกระจก เคยได้รับอุบัติเหตุที่ดวงตา หรือผู้ที่มีโรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ดี

สำหรับอาการของวุ้นตาเสื่อมที่พบบ่อย ได้แก่ การเห็นจุดดำลอยไปมา หรือเห็นแสงวาบคล้ายฟ้าแลบ    ซึ่งอาจเกิดขึ้นชั่วขณะ แต่ถ้าเกิดขึ้นบ่อยขึ้นหรือมีจำนวนมากขึ้น จนรบกวนการมองเห็นในชีวิตประจำวัน ควรเข้ารับการตรวจอย่างละเอียด บางรายอาจสังเกตอาการได้ชัดเจนเมื่อต้องมองพื้นเรียบ เช่น ผนังหรือท้องฟ้า โดยเฉลี่ยแล้วอาการเหล่านี้อาจคงอยู่นานราว 3 เดือน บางคนอาจค่อย ๆ ปรับตัวจนชินกับจุดดำที่ลอยไปมาได้โดยไม่จำเป็นต้องรักษาใด ๆ แต่หากมีอาการที่บ่งชี้ถึงภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น เห็นเงาดำคล้ายม่านน้ำบัง มองเห็นเงาดำครึ้มในมุมสายตา หรือภาพพร่ามัวในบริเวณใดบริเวณหนึ่งของสายตา อาจเป็นสัญญาณเตือนว่ากำลังเกิดจอตาฉีกขาดหรือหลุดลอก ซึ่งต้องรีบพบจักษุแพทย์ทันทีเพื่อทำการตรวจขยายม่านตา หากตรวจพบรอยรั่วเล็ก ๆ ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ยังสามารถรักษาได้ด้วยเลเซอร์ โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ และไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน

พญ.รุ่งรวี ให้ข้อมูลต่อว่า การรักษาวุ้นตาเสื่อมนั้น ปัจจุบันมีทั้งวิธีเลเซอร์ เพื่อลดขนาดของตะกอนที่ลอยอยู่ในวุ้นตาให้รบกวนน้อยลง และการผ่าตัดเอาวุ้นตาออก ซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากมีทั้งข้อดีและความเสี่ยงร่วมกัน โดยทั่วไปแพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยลองปรับตัวและใช้ชีวิตร่วมกับอาการก่อน หากยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยเฉพาะในกรณีที่ตะกอนมีขนาดเล็กมาก แพทย์ส่วนใหญ่ก็จะไม่แนะนำให้รักษาด้วยวิธีเลเซอร์และการผ่าตัด เพราะทุกการรักษาย่อมมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นเมื่อตรวจวินิจฉัยแล้ว คนไข้ไม่ได้มีอาการที่รุนแรงที่มีความเสี่ยง หรือส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน แพทย์ส่วนใหญ่จะแนะนำให้คนไข้ปรับตัวและมองข้ามจุดเล็ก ๆ เหล่านั้นไป

นอกจาก “โรควุ้นตาเสื่อม” แล้ว อีกหนึ่งปัญหาที่พบได้บ่อยในยุคดิจิทัลคือ “โรคตาแห้ง” โดยเฉพาะในผู้ที่ต้องใช้สายตาจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือเป็นเวลานาน อยู่ในห้องปรับอากาศเป็นประจำ เผชิญกับมลภาวะ ฝุ่น ควัน หรือใส่คอนแทคเลนส์ ซึ่งหากปล่อยไว้อาจทำให้ต่อมไขมันบริเวณเปลือกตาฝ่ออย่างถาวร ส่งผลให้ไม่สามารถสร้างน้ำมันเพื่อเคลือบดวงตาได้อีก ทำให้ตาแห้งเรื้อรัง มีอาการระคายเคือง พร่ามัว แพ้แสง และในบางรายอาจส่งผลให้เกิดความเครียดจนนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า

พญ.รุ่งรวี กล่าวทิ้งท้ายว่า การดูแลสุขภาพตาให้แข็งแรงนั้น สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้กฎ 20-20-20 คือ ทุก 20 นาที ให้พักสายตา 20 วินาที ด้วยการมองไกลออกไปประมาณ 20 ฟุต หรือหลับตาชั่วครู่ รวมถึงการประคบอุ่นดวงตาเช้า-เย็น เพื่อช่วยให้ต่อมไขมันทำงานได้ดีขึ้น หลีกเลี่ยงแสงยูวีโดยสวมแว่นกันแดดเมื่อต้องออกแดด และหลีกเลี่ยงการขยี้ตาแรง ๆ หากรู้สึกแห้งหรือระคายเคืองควรใช้น้ำตาเทียมแทน

สำหรับการตรวจสุขภาพตานั้น ควรเริ่มตั้งแต่อายุน้อย โดยผู้ที่อายุต่ำกว่า 40 ปี ควรตรวจตาอย่างน้อยทุก 5 ปี สำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40-64 ปี ควรตรวจตาทุก ๆ 1-3 ปี ส่วนผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป หรือมีประวัติโรคตาในครอบครัวหรือมีปัจจัยเสี่ยงสูง ควรตรวจปีละครั้ง และหากพบว่ามีภาวะเสื่อม หรือมีปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจถี่ขึ้น เช่น ทุก 3-6 เดือน

โรงพยาบาลพระรามเก้า ตระหนักถึงความสำคัญของ “โรควุ้นตาเสื่อม” จึงผนึกกำลังกับ Plan B Media เปิดตัวบิลบอร์ดกลางเมืองให้เป็น “สัญญาณเตือนภัย” ที่ไม่เพียงแค่โฆษณา แต่ออกแบบมาให้คุณสามารถตรวจเช็กตัวเองง่าย ๆ ว่าคุณมีภาวะเสี่ยงวุ้นตาเสื่อมหรือไม่ ด้วย 3 เวอร์ชันที่จำลองอาการจริงของผู้ป่วย ทั้งการเห็นหยากไย่ จุดดำ และวุ้นน้ำขุ่นในสายตา เพื่อให้ทุกคนได้สำรวจตัวเองเบื้องต้นว่ามีอาการคล้ายเป็น “โรควุ้นตาเสื่อม” หรือไม่

อย่ารอให้สายตาเป็นเพียงความทรงจำ สำหรับผู้ที่สนใจปรึกษาเรื่องภาวะวุ้นในตาเสื่อม สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 1270 หรือ Website: www.praram9.com / Line: lin.ee/vR9xrQs หรือ @praram9hospital และ Facebook: Praram9 Hospital โรงพยาบาลพระรามเก้า HEALTHCARE YOU CAN TRUST เรื่องสุขภาพ…ไว้ใจเรา #Praram9Hospital อย่าลืมชวนคนที่คุณรัก มาร่วม “โอบกอดสุขภาพดีไปด้วยกัน” เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นในทุก ๆ วัน

Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok จัดเวทีสัมมนาเจาะลึกเทรนด์บิวตี้แห่งอนาคต กับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง พร้อมเคล็ดลับสร้างแบรนด์สู่สากล

นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย เปิดเวทีสัมมนาCOSMOPROF CBE ASEAN “Building Iconic Beauty Brands: Strategy, Story, Success” ดึงกูรูนักการตลาด ผู้บริหารและเจ้าของแบรนด์ เผยเคล็ดลับนำแบรนด์ไทยสู่ระดับสากล เจาะลึกเทรนด์บิวตี้แห่งอนาคต กับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป กับ 6 เทรนด์ความงามที่กำลังมาแรง นำโดย นายแพทริค จีโร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด, นายณัฐพล ชูจิตารมย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออาร์ เฮลท์ แอนด์ เวลเนส จำกัด, นางสาวขวัญฤทัย ดำรงค์วัฒนโภคิน กรรมการผู้จัดการ รมย์รวินท์ คลินิก, นายเอกลักญ กรรณศรณ์ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ BrandThink ร่วมงานด้วย ณ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุรวงศ์ เมื่อวันก่อน

“COSMOPROF CBE ASEAN 2025 จุดประกายอนาคตความงาม“ลอรีอัล” นำทีมเจาะลึก 6 เทรนด์โลก สู่กลยุทธ์สร้างแบรนด์ไอคอนิกระดับสากล

เวทีเสวนา COSMOPROF CBE ASEAN “Building Iconic Beauty Brands: Strategy, Story, Success” ที่จัดโดย Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok  หรือ CCA2025 ดึงกูรูนักการตลาด ผู้บริหาร และเจ้าของ    แบรนด์ ร่วมเผยเคล็ดลับนำแบรนด์ไทยสู่ระดับสากล นำโดย “ลอรีอัล” เจาะลึกเทรนด์บิวตี้แห่งอนาคต : จากเทคโนโลยีสุดล้ำ สู่พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป กับ 6 เทรนด์ความงามที่กำลังมาแรง​​

นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมความงานในภูมิภาค เนื่องจากเป็นประตูสู่อาเซียนและศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน ทำให้บริษัทได้จัด งาน Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2025 ระหว่างวันที่ 25-27 มิถุนายน 2025 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อเป็นเวทีนำเสนอและแลกเปลี่ยนนวัตกรรม ความร่วมมือทางธุรกิจ พร้อมขยายเครือข่ายรองรับการเติบโตระดับภูมิภาคในอุตสาหกรรมความงาม โดยปีนี้จัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 ซึ่งมีการขยายพื้นที่เป็น 25,000 ตร.ม. สำหรับรองรับผู้ร่วมแสดงงานมากกว่า 2,000 แบรนด์ และคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมทั้งในประเทศและต่างประเทศมากกว่า 17,000 คน

“เพราะประเทศไทยเป็นเกตเวย์เข้าสู่อาเซียน และฮับของภูมิภาค ภายในงานจึงได้รวบรวมเทรนด์ต่าง ๆ ด้านความงาม และเป็นงานเดียวที่รวบรวมผู้ผลิต ไม่ว่าจะกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบไปจนถึงสินค้าสำเร็จรูป และภายในงานยังสามารถสร้างเครือข่ายกับคนในอุตสาหกรรมได้​ด้วย โดยมีประเทศจีน เกาหลี ญี่ปุ่น และอิตาลีมาจัดแสดงในรูปแบบพาวิลเลียน นอกเหนือจากนี้ ยังมีอีกกว่า​ 20 ประเทศเข้าร่วมงานด้วย” นายสรรชาย กล่าวและว่า

สำหรับจุดเด่นหลัก Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2025 ยังคงมุ่งเน้นไปที่เทรนด์ความงามที่สำคัญหลายด้าน อาทิ  อาหารเสริมความงาม (Beauty Supplement) ที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น เพิ่มขึ้นจาก 6% เป็น 9% ภายในเวลาเพียงสองปี ความงามทางการแพทย์ (Medical Beauty) จากการวิจัยของธนาคารกรุงศรี อุตสาหกรรมอุปกรณ์การแพทย์ของไทย โดยเฉพาะในกลุ่มความงามทางการแพทย์ มีแนวโน้มเติบโตอย่างมากตั้งแต่ปี 2023 ถึง 2025 คาดว่าทั้งตลาดภายในและต่างประเทศจะมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 5.5-7.0% และ 6.5-7.5% ตามลำดับ 

“ลอรีอัล” ชี้ 6 เทรนด์บิวตี้แห่งอนาคต สู่พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

ควรกำหนดทิศทางอุตสาหกรรมอย่างไร

ภายในงานสัมมนา COSMOPROF CBE ASEAN “Building Iconic Beauty Brands: Strategy, Story, Success” ยังมีการบรรยายพิเศษในหัวข้อ “เจาะลึกเทรนด์บิวตี้แห่งอนาคต : จากเทคโนโลยีสุดล้ำ สู่พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป กำหนดทิศทางอุตสาหกรรมอย่างไร” โดย นายแพทริค จีโร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด

นายแพทริค กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดความงามโลกมีมูลค่ารวมราว 2.94 แสนล้านยูโร หรือประมาณ 10.834 ล้านล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 1 ยูโรเท่ากับ 36.840 บาท) ซึ่งผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมีสัดส่วน 39% เติบโต 2.7% ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมมีสัดส่วน 21% เติบโต 4.8% ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางมีสัดส่วน 17% เติบโต 4% ผลิตภัณฑ์น้ำหอมมีสัดส่วน 13% เติบโต 11% และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมีสัดส่วน 10% เติบโต 6.1% ส่วนตลาดความงามในแต่ละกลุ่มตลาด พบว่า กลุ่มตลาดเวชสำอางเติบโตมากที่สุด 8% รองลงมาเป็นกลุ่มตลาดมวลชน 6% กลุ่มตลาดผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ 3.5% และกลุ่มตลาดความงามชั้นสูง 2%

นอกจากนี้ ด้วยการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรปัจจุบัน ทำให้มีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าในปี 2573 จะมีจำนวนผู้สูงอายุ 1,000 ล้านคนทั่วโลก จากปัจจุบันที่มีจำนวน 850 ล้านคน ซึ่งนับเป็นกลุ่มลูกค้าที่สำคัญของตลาดความงาม เนื่องจากมีกำลังซื้อสูงและสนใจในการดูแลผิวพรรณ รูปร่าง และสุขภาพของตนเอง และยังมีกลุ่มประชากรที่มีศักยภาพสำหรับการบริโภคผลิตภัณฑ์ความงามอีก 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเจนซี (Generation Z) ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 150 ล้านคนในปี 2573 กลุ่มเจนอัลฟา (Generation Alpha) เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่เริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นในปี 2573 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นราว 200 ล้านคน และกลุ่มผู้บริโภคผู้ชาย ที่ยังมีโอกาสเติบโตอยู่อีกมาก ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนเพียง 1 ใน 4 ของผู้บริโภคทั้งหมด และผลิตภัณฑ์เฉพาะผู้ชายมีส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามแค่ 10% เท่านั้น   

นอกจากการเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างประชากรแล้ว การเปลี่ยนแปลงในด้านอื่น ๆ ได้ส่งผลต่อตลาดความงามด้วยเช่นกัน โดยจากการสำรวจของ IPSOS Global Trends ปี 2567 ที่ผ่านพบเทรนด์หลักที่สะท้อนวิถีชีวิตและสังคมผู้คนหลายด้าน อาทิ

  1. รอยร้าวของโลกาภิวัตน์  (Globalization Fractures) : ผู้คนเริ่มหันกลับมารักและภูมิใจในความเป็นชาติพันธุ์ตัวเองมากขึ้น ส่งผลต่อการการตอบรับของตลาดความงาม อาทิ การมีผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะวัฒนธรรม/ประเทศ เช่น แพ็กเกจจิงลายมังกรสำหรับชาวจีน แบรนด์โลคอล ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ชาติพันธุ์อันหลากหลาย เช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมที่เหมาะกับผมหยักศกโดยเฉพาะ 
  • ความเหลื่อมล้ำทางสังคม (Splintered Societies) : ความเหลื่อมล้ำทางสังคม จนกระจาย รวยกระจุก ปัญหาการอพยพย้ายถิ่นฐาน และความขัดแย้งในแต่ละประเทศ ส่งผลการตอบรับของตลาดความงาม อาทิ แบรนด์ที่เน้นผลิตภัณฑ์คุ้มค่า เป็นสินค้าคุณภาพดี คุ้มคุณภาพ ราคาย่อมเยา และแบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงสุด (Ultra-luxury) เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงสุด
  • การตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมและปัญหาโลกรวน (Climate Convergence) : การตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมและปัญหาโลกรวน ผู้คนเริ่มหันมาปรับเปลี่ยนนิสัย เพราะต้องการรักษาสิ่งแวดล้อม ส่งผลการตอบรับของตลาดความงาม อาทิ ผลิตภัณฑ์รักษ์โลก แก้ปัญหาภาวะโลกรวน เช่น แชมพูสระผมในรูปแบบสบู่ก้อน และแพ็กเกจจิงเป็นกระดาษ เป้าหมายในการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัท ผลิตภัณฑ์ที่มีจริยธรรมในการดำเนินงานตลอดห่วงโซ่คุณค่า เช่น ไม่ทดลองผลิตภัณฑ์ในสัตว์ การสามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาวัตถุดิบ เคารพสิทธิมนุษยชน
  • ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี (Techno Wonder) : ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ส่งผลการตอบรับของตลาดความงาม อาทิ Beauty tech เช่น นวัตกรรมเพื่อความงามที่ก้าวหน้าต่าง ๆ ตัวอย่าง ลอรีอัล คือ Cell BioPrint อุปกรณ์ตรวจวิเคราะห์ผิวแบบเฉพาะบุคคล ที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการชะลอวัยและป้องกันปัญหาผิวในอนาคต
  • สุขภาพกายและใจมาเป็นที่หนึ่ง (Conscientious Health) : สุขภาพกายและใจมาเป็นที่หนึ่ง ส่งผลการตอบรับของตลาดความงาม อาทิ ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตอบโจทย์คำว่า “สมบูรณ์แบบ” เช่น คลินิกความงาม  ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่โอบรับแนวคิดการดำรงชีวิตที่ยืนยาว เพื่ออายุที่เพิ่มขึ้นไปพร้อม ๆ กับการดูแลตัวเองและความงามไปอย่างยืนยาว
  • พลังแห่งความเชื่อมั่น (Power of Trust) : พลังแห่งความเชื่อมั่น โดยจะให้ความเชื่อถือในแบรนด์ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน หรือมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางแนะนำ ส่งผลการตอบรับของตลาดความงาม อาทิ ผลิตภัณฑ์ที่การันตีโดยผู้เชี่ยวชาญ อาทิ ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง ที่แนะนำโดยแพทย์ผิวหนัง  และแบรนด์ที่มีความเป็นมายาวนาน เช่น คีลส์ ที่เคยเป็นร้านขายยาและสมุนไพรมาก่อน

จากเทรนด์ความงามโลกดังกล่าว ลอรีอัล กรุ๊ปจึงได้ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและความเป็นผู้นำด้านวิทยาศาสตร์เพื่อความงาม โดยมีผลิตภัณฑ์ประสิทธิภาพสูง ควบคู่ไปกับ Beauty Tech เพื่อมอบผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับเฉพาะบุคคล รวมถึงประสบการณ์การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภคขณะเดียวกันลอรีอัล กรุ๊ป ได้นำการใช้ AI เข้ามาเพื่อพัฒนาในด้านต่าง ๆ ตลอดขั้นตอนการทำงาน อาทิ การเสริมพลังการวิจัย ผ่านการจับมือกับ IBM นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (GenAI) มาช่วยในการค้นหาข้อมูลเชิงลึกใหม่ ๆ เกี่ยวกับสูตรส่วนผสมเครื่องสำอาง เป็นต้น

“ลอรีอัล กรุ๊ป ไม่เพียงมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ประสิทธิภาพสูงเท่านั้น แต่ยังทำงานเพื่อกำหนดอนาคตของความงาม ยกระดับประสบการณ์ความงามอย่างต่อเนื่อง ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างเหนือระดับ ผ่านการวิเคราะห์เชิงลึก การคาดการณ์ที่แม่นยำ และกลยุทธ์การตลาดที่เฉียบคม พร้อมนำเสนอนวัตกรรม Beauty Tech ล้ำสมัย ผสานพลัง AI เพื่อสร้างสรรค์ความงามเฉพาะบุคคลอย่างแท้จริง” นายแพทริค กล่าว

เคล็ดลับสู่ความสำเร็จระดับสากล สร้างความได้เปรียบที่จะช่วยให้ธุรกิจ

ทันต่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในยุคดิจิทัล

นายณัฐพล ชูจิตารมย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออาร์ เฮลท์ แอนด์ เวลเนส จำกัด กล่าวว่า  การสร้างแบรนด์ความงามที่แข็งแกร่งไม่ได้ขึ้นอยู่แค่กับผลิตภัณฑ์ที่ดีเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีเรื่องราวที่เชื่อมโยงกับผู้บริโภค และกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการขยายตลาด ซึ่งแบรนด์ต้องให้ความสำคัญเรื่องความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพ ความยั่งยืน และนวัตกรรม  โดยแบรนด์ควรสร้างความแตกต่างผ่านเอกลักษณ์ของตัวเอง เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

“หนึ่งในปัจจัยสำคัญของแบรนด์ความงามที่ประสบความสำเร็จ คือ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ การบริการ ไปจนถึงความเชื่อมโยงทางอารมณ์ ขณะที่งาน Cosmoprof CBE ASEAN เป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ นักธุรกิจ และผู้ที่สนใจในอุตสาหกรรมความงาม ได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนแนวคิดเพื่อสร้างแบรนด์ที่เป็นที่จดจำอย่างแท้จริง” นายณัฐพล กล่าว

ด้าน นางสาวขวัญฤทัย ดำรงค์วัฒนโภคิน กรรมการผู้จัดการ รมย์รวินท์ คลินิก กล่าวว่า ขอขอบคุณผู้จัดงาน Cosmoprof CBE ASEAN ที่มอบโอกาสให้ร่วมแบ่งปันแนวคิดและประสบการณ์ และขอเป็นกำลังใจให้ทุกแบรนด์ก้าวเดินบนเส้นทางแห่งคุณค่าและความยั่งยืนไปพร้อมกัน ซึ่งการเข้าร่วมงานในครั้งนี้ของรมย์รวินท์คลินิก แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของผู้นำธุรกิจความงามที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 22 ปี และจุดยืนของแบรนด์ไทยที่สามารถแข่งขันและเติบโตได้อย่างมั่นคงในเวทีระดับสากล ซึ่งตลาดความงามมีการแข่งขันสูงมาก แต่รมย์รวินท์ไม่เคยมองใครเป็นคู่แข่ง เพราะเชื่อว่าแต่ละคลินิกมีจุดแข็งและแนวทางของตัวเอง

สำหรับสิ่งที่รมย์รวินท์ยึดถือมาตลอดในการดำเนินธุรกิจ คือ “ความจริงใจและความใส่ใจต่อลูกค้า” 
โดยให้ความสำคัญกับการเลือกใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและปลอดภัย พร้อมการวิเคราะห์สภาพผิวแบบรายบุคคล เพื่อมอบผลลัพธ์ที่ชัดเจนและตรงจุด นอกจากนี้ ยังมีระบบเก็บข้อมูลลูกค้าอย่างละเอียด และให้คำปรึกษาอย่างโปร่งใส ซึ่งเป็นหัวใจของการสร้างความเชื่อมั่นและ Brand Loyalty ในระยะยาว

นอกจากนนี้ รมย์รวินท์ยังต่อยอดธุรกิจไปสู่ผลิตภัณฑ์ความงามครบวงจร ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ดูแลผิว (Skincare) กว่า 60 รายการ โดยใช้สารสกัดคุณภาพดี และออกแบบสูตรเฉพาะที่เหมาะกับผิวของคนไทย พร้อมควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอนการผลิต ผลิตภัณฑ์ของรมย์รวินท์ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าเดิม และขยายสู่กลุ่มผู้ใช้ใหม่ผ่านการบอกต่อจากประสบการณ์จริง ซึ่งช่วยสร้างความน่าเชื่อถือในแบรนด์อย่างต่อเนื่อง

“เรามองว่าการดูแลผิวไม่ควรจบแค่ในคลินิก การมีผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าใช้ต่อเนื่องที่บ้านจะช่วยเสริมผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น และสร้างความมั่นใจในระยะยาว” นางสาวขวัญฤทัย กล่าว

ขณะที่ นายเอกลักญ กรรณศรณ์ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ BrandThink กล่าวว่า แบรนด์ที่แข็งแกร่งไม่ได้เกิดจากแค่ผลิตภัณฑ์ที่ดี แต่ต้องมีเรื่องราวที่สามารถสร้างความเชื่อมโยงกับผู้บริโภค และสามารถส่งต่อคุณค่าได้อย่างชัดเจน พร้อมเน้นย้ำการสร้างแบรนด์ (Brand Building) ในยุคปัจจุบัน ต้องมากกว่าการทำตลาดแบบเดิม ๆ แต่ต้องเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับผู้บริโภค ผ่าน Storytelling ที่จริงใจ การมีจุดยืนที่ชัดเจน (Brand Purpose) และการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง

“แบรนด์ไอคอนิกไม่ได้วัดกันที่ยอดขายในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่คือแบรนด์ที่อยู่ในใจของผู้บริโภคในระยะยาว” นาย    เอกลักญ กล่าว “สิ่งสำคัญคือแบรนด์ต้องหาคุณค่าเฉพาะตัวของตัวเองให้เจอ และสื่อสารมันออกไปอย่างสม่ำเสมอ”

นอกจากนี้ แบรนด์ควรให้ความสำคัญกับการสร้าง Community ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ และ การเล่าเรื่องที่สามารถกระตุ้นอารมณ์และแรงบันดาลใจ เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกว่าแบรนด์นี้เป็นมากกว่าผลิตภัณฑ์ แต่เป็น Lifestyle และ Identity ของพวกเขา ซึ่งงาน Cosmoprof CBE ASEAN ในปีนี้จึงเป็นพื้นที่สำคัญที่ช่วยให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมความงาม เข้าใจถึงศิลปะของการสร้างแบรนด์ที่ยั่งยืนและสามารถก้าวขึ้นเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภครักและจดจำได้อย่างแท้จริง

สำหรับธุรกิจ ผู้ประกอบการ โรงงาน และผู้ผลิตที่อยู่ในอุตสาหกรรมความงาม ที่สนใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ความงาม อย่าพลาดงานสำคัญนี้ Cosmoprof CBE ASEAN 2025 รอคุณอยู่ ระหว่างวันที่ 25-27 มิถุนายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและลงทะเบียนชมงานออนไลน์ได้ที่ www.cosmoprofcbeasean.com

“เมกาโฮม เมกาแฟร์” จุดนัดพบที่เดียวจบ! ที่ “ช่างได้งาน” และ “เจ้าของบ้านได้ช่าง” มาเจอกัน จัดเต็มของถูก-กิจกรรมครบ !! 9-18 พ.ค. 68 นี้ ที่เมกาโฮม รังสิต

ครั้งแรกในไทย !! เปิดจุดหมายใหม่ อีเว้นต์ที่รวมทุกเรื่องบ้านและงานช่างไว้ในที่เดียว อัดแน่นความคุ้มค่า ความสนุก และความยิ่งใหญ่เกินใคร “เมกาโฮม เมกาแฟร์” งานเดียวที่รวมช่างมืออาชีพ และเจ้าของบ้านมาเจอกัน พร้อมกิจกรรมพิเศษที่หาจากไหนไม่ได้! มางานนี้ #ช่างมาได้งาน #เจ้าของบ้านมาได้ช่าง เสิร์ฟหลากหลายสิทธิประโยชน์ตลอด 10 วันเต็ม! 9-18 พฤษภาคม 2568 นี้ ช้อปสินค้าราคาลดกระหน่ำทั้งเรื่องบ้านและงานช่าง สูงสุด 50% !! แจกไม่พักตลอดงาน รับฟรี! คูปองส่วนลด มูลค่าสูงสุดกว่า 1,200 บาท พิเศษ! สำหรับสมาชิกช่างใหม่ สมัครในงานรับทันทีส่วนลดเข้าวอลเล็ต 250 บาท! และอย่าพลาด! กับกิจกรรมเอาใจทีมช่าง ง่ายๆ เพียง ช้อป-แชะ-แชร์ พร้อมติดแฮชแท็ก #เมกาโฮมช้อปแชะแชร์ บนโซเชียล ก็ลุ้นรับของรางวัลสุดเท่ของช่างตัวจริงได้เลย !!

ปักหมุดไฮไลต์พิเศษที่พลาดไม่ได้ !! วันเดียวเท่านั้น 11 พฤษภาคม 2568 นี้ สัมมนา “คู่หู งานช่าง” จัดเต็มกิจกรรมเติมแรงบันดาลใจให้ช่างตลอดวัน

  • เวทีสัมมนา “อัปสกิลช่าง” เสริมครบเครื่องทั้งความรู้, ทักษะ และเทรนด์นวัตกรรมวัสดุและอุปกรณ์สำหรับช่างยุคใหม่
  • กิจกรรมเวิร์กชอปประลองฝีมือ ท้าทายช่างตัวจริงในโจทย์การแข่งขัน เรื่องสี, เคมีภัณฑ์ และเทคนิคใช้เครื่องมืออย่างมืออาชีพ ชิงของรางวัลจากแบรนด์ชั้นนำมากมาย
  • กิจกรรมพิเศษจากทีม Home Service ที่จัดมาเฉพาะให้ช่าง ทั้งบริการตัดผมฟรี, ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า พร้อมเปิดรับสมัครช่างสร้างเครือข่ายมืออาชีพที่เดียวในงาน

อย่าพลาด! อีเว้นต์ครั้งใหญ่ของชาวช่าง “เมกาโฮม เมกาแฟร์” ที่เมกาโฮม รังสิต (เยื้อง ม.กรุงเทพ) ระหว่างวันที่ 9-18 พฤษภาคม 2568 นี้ พร้อมสัมมนา “คู่หู งานช่าง” พิเศษ! สำหรับช่างที่เข้าร่วมจนจบกิจกรรมตลอดวันที่ 11 พฤษภาคม รับฟรีทันที! สว่านไฟฟ้า มูลค่า 1,990 บาท (เฉพาะ 50 ท่านแรกเท่านั้น)

#เมกาโฮมถูกจริง #เมกาโฮม #MegaHome #ศูนย์รวมวัสดุก่อสร้างและงานช่าง #Homepropr