กรมป่าไม้ มอบเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ “รักษ์ป่า รักแผ่นดิน”

นายสุพจน์ ภู่รัตนโอภา รองอธิบดีกรมป่าไม้ มอบเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ “รักษ์ป่า รักแผ่นดิน” ให้แก่ พลเอก เดชา พลสุวรรณ ประธานกรรมการกำกับ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) ,นายอมรพันธุ์ นิติธีรานนท์ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบและกำกับดูแล, นางสาววีรินทร์ อรวัฒนพันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร และ ร้อยโท ฐานันดร สำราญสุข ผู้อำนวยการฝ่ายระวังและติดตามสถานการณ์ เพื่อเป็นการขอบคุณทางสคส. ที่มาให้ความรู้ด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในโครงการฝึกอบรมหลักสูตรความรู้ด้านระเบียบ กฎหมาย เพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน ให้แก่เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ จำนวน 62 คน ณ ห้องประชุม 401 (ถนอม เปรมรัศมี) ชั้น 4 อาคารสหกรณ์ออมทรัพย์ กรมป่าไม้ 
เมื่อเร็ว ๆนี้

“ซูเลียน” ส่งชานม “ที พลัส 3 in 1” เขย่าตลาด! หอมเข้มเต็มรสชาแท้ พกพาง่าย อร่อยได้ทุกที่

สายชาแท้ต้องไม่พลาด! บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด “ที พลัส ชานมปรุงสำเร็จชนิดผง 3 in 1” ที่พร้อมเสิร์ฟความหอมเข้มของใบชาคุณภาพเยี่ยม ในรูปแบบที่สะดวกสุดๆ ไม่ว่าจะชงร้อนหรือเย็น ก็อร่อยละมุนจนวางแก้วไม่ลง

“ที พลัส” พิถีพิถันตั้งแต่ขั้นตอนการคัดเลือกวัตถุดิบ ด้วยการผสมผสานใบชาซีลอนจากศรีลังกาและชาอัสสัมจากอินเดียสองแหล่งปลูกชาชั้นนำของโลก ผ่านกระบวนการผลิตที่ทันสมัย สกัดออกมาเป็นชาที่หอม นุ่ม ละมุน กลมกล่อมในสไตล์ชานมแท้ๆ จนคุณสัมผัสได้ถึงความแตกต่างตั้งแต่คำแรกที่ดื่ม

จุดเด่นที่ทำให้ “ที พลัส ชานม 3 in 1” จากซูเลียน โดนใจสายชา

  • รสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นใบชาแท้เต็มๆ
  • ชงง่าย สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องต้ม ไม่ต้องกรอง
  • ซองเล็ก พกพาสะดวก อร่อยได้ทุกที่ ทุกเวลา
  • คุ้มค่าในราคาเพียง 300 บาท (ราคาสมาชิกพิเศษเพียง 245 บาท!)
  • ได้ทั้งความอร่อยและคะแนน PV12 / BV90 สำหรับนักธุรกิจเครือข่าย

พร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่เอเจนซี่ซูเลียนทุกสาขาทั่วประเทศ อยากดื่มชาที่ใช่ เลือก “ที พลัส” แล้วคุณจะรู้ว่า…ชงแบบไหนก็อร่อยได้ไม่แพ้กัน

โฮมโปร ตอกย้ำ ตัวจริง! เรื่องจัดการของเก่าถูกวิธี ขยายโครงการ “แลกเก่าเพื่อโลกใหม่” เพิ่มไอเทมมากกว่า 8,000 รายการ ตั้งแต่วันนี้ – 30 สิงหาคม 2568

โฮมโปร สานต่อความสำเร็จ โครงการ ‘แลกเก่าเพื่อโลกใหม่’ ที่สามารถจัดการของเก่าอย่างถูกวิธีไปแล้วมากกว่า 3,000 ตัน เดินหน้าขยายจุดรับของเก่าครอบคลุมทั่วประเทศ ชวนผู้บริโภคนำของเก่ามาแลก เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างโลกที่ดีขึ้น พร้อมมอบสิทธิประโยชน์ อาทิ ส่วนลด, ผ่อนชำระ, บริการจัดส่ง ติดตั้ง-รื้อถอนฟรี และสิทธิ์แลกข้ามหมวดได้ ครอบคลุมสินค้าทั้งกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและกลุ่มสินค้าอื่นๆ จากแบรนด์ชั้นนำ รวมกว่า 8,000 รายการ ให้ทุกคนแลกได้มากกว่าเดิม

คุณวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ โฮมโปร เปิดเผยว่า โครงการ ‘แลกเก่าเพื่อโลกใหม่’ คือหนึ่งในภารกิจด้านความยั่งยืนที่โฮมโปรให้ความสำคัญมาโดยตลอด โดยเฉพาะการเปิดช่องทางให้ลูกค้านำเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าที่ไม่ใช้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นของชิ้นใหญ่อย่าง ทีวี ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก หรือ กลุ่มสินค้าอื่นๆ มาแลกรับส่วนลดสำหรับซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ หรือสินค้าอื่นๆ ที่ร่วมรายการ

“ตลอดสองปีที่ผ่านมา โครงการ ‘แลกเก่าเพื่อโลกใหม่’ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการ มีลูกค้านำของเก่ามาแลกมากกว่า 300,000 ชิ้น คิดเป็นน้ำหนักมากกว่า  3,000 ตัน ซึ่งของเก่าทั้งหมดได้รับการจัดการอย่าง

ถูกวิธีตามมาตรฐาน สามารถช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นการหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด”

สำหรับปี 2568 นี้ โฮมโปรตั้งใจพัฒนาโครงการ ‘แลกเก่าเพื่อโลกใหม่’ ให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น ด้วยการขยายจุดรับแลกของเก่าที่ครอบคลุมผ่านโฮมโปรและเมกาโฮมทั่วประเทศ รวมถึงเพิ่มทางเลือกด้านสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่ายิ่งขึ้น โดยเฉพาะการขยายจำนวนรายการสินค้าที่สามารถนำมาแลกซื้อ ได้มากกว่าเดิมถึง 8,000 รายการ ครอบคลุมสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าหลากหลายประเภทจากแบรนด์ชั้นนำ รวมทั้งสินค้ากลุ่มอื่นๆ ที่ไม่ใช่เครื่องใช้ไฟฟ้าอีกด้วย

โดยลูกค้าสามารถนำเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าที่ไม่ใช้แล้ว มาเปลี่ยนเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ได้ ณ จุดขาย ที่โฮมโปรและเมกาโฮมทุกสาขา ทั่วประเทศ อีกทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่นำมาแลก สามารถแลกข้ามประเภทสินค้าภายในหมวดเดียวกันได้ แบ่งเป็น หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่, หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก, หมวดประปา, หมวดห้องน้ำ, หมวดเครื่องมือทำสวน, หมวดเครื่องมือช่าง, หมวดเครื่องเสียงและลำโพง, หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว, หมวดที่นอน, หมวดโซฟา, หมวดเก้าอี้สำนักงาน, หมวดจักรยาน, หมวดกลอนประตูดิจิตอล และหมวดสีทาอาคาร

โครงการ ‘แลกเก่าเพื่อโลกใหม่’ มีเป้าหมายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างเต็มรูปแบบ ของเก่าทุกชิ้นจะถูกคัดแยกและนำไปจัดการอย่างถูกวิธี หากรีไซเคิลได้ (สำหรับวัสดุที่รีไซเคิลได้) จะถูกนำกลับเข้าสู่กระบวนการผลิตเป็นสินค้ารักษ์โลกจากวัสดุหมุนเวียน หรือ Circular Products ส่วนวัสดุที่ไม่สามารถใช้ซ้ำได้จะถูกนำไปแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงทางเลือก โดยหลีกเลี่ยงวิธีฝังกลบให้มากที่สุด (ส่วนวัสดุที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ จะถูกนำไปกำจัดอย่างถูกวิธีตามข้อกำหนดของกฏหมายและข้อกำหนดของกรมโรงงานอุตสาหกรรม โดยที่เลือกวิธีการฝังกลบเป็นวิธีการสุดท้าย) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าว่าทุกการแลกเก่า “จะไม่ใช่แค่ได้ของใหม่ แต่ยังมีส่วนร่วมกับการสร้างโลกที่ดีขึ้นด้วย” คุณวีรพันธ์ฯ กล่าวเสริม

เตรียมพบกัน วัน “Trade-In Day” ที่โฮมโปร ภายใต้โครงการ “แลกเก่าเพื่อโลกใหม่” กับโปรโมชั่นสุดคุ้ม 3 วันเท่านั้น ระหว่างวันที่ 27 – 29 มิถุนายน 2568 เชิญชวนลูกค้านำของเก่าที่ไม่ใช้แล้ว มา “แลก – ลด – รับ” สิทธิพิเศษเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น ส่วนลดพิเศษ ของสมนาคุณ และบริการจัดการของเก่าอย่างถูกวิธี ให้โฮมโปรช่วยดูแลตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

#แลกเก่าเพื่อโลกใหม่ #TradeIn #โฮมโปร #BetterLivingเพื่อชีวิตที่ดีกว่า #HomePro #Homepropr

“Zhulian Gala Night 2025” ปรากฏการณ์ค่ำคืนแห่งดาวจรัสแสงซูเลียนจัดเต็มเฉลิมฉลองความสำเร็จขั้นสุด

อลังการ ประทับใจ เปล่งประกายทุกองศา บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด จัดงานเฉลิมฉลองแห่งปี “Zhulian Gala Night 2025” อย่างยิ่งใหญ่ รวมพลังนักธุรกิจซูเลียนจากทั่วประเทศมาร่วมสร้างประวัติศาสตร์ความสำเร็จแบบไร้ขีดจำกัด ท่ามกลางบรรยากาศอบอวลไปด้วยความภาคภูมิใจ ความสุข และแรงบันดาลใจอย่างล้นทะลัก โดยภายในงานถูกเนรมิตให้กลายเป็นเวทีเฉลิมฉลองของผู้กล้าที่ก้าวข้ามขีดจำกัดสู่ความสำเร็จ

โดยเฉพาะการประกาศเกียรติคุณรางวัลอันทรงเกียรติอย่าง “Distributor of the Year 2024” และ “Diamond Star” ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ระดับท็อปที่สะท้อนถึงพลัง ความมุ่งมั่น และความเป็นเลิศของนักธุรกิจหัวใจแกร่งอย่างแท้จริง โดยผู้ที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ได้แก่

  1. RCM San Naing
  2. CDM Yong Sophon
  3. RCM ธนกร แสงฟ้า
  4. RCM ศลินดา หนูคาบแก้ว
  5. RCM Naly Phongsavath

ว้าวทั้งฮอลล์! เมื่อนักร้อง 3 สาวในตำนาน “สาว สาว สาว” เจ้าของเพลงฮิตตลอดกาล “รักคือฝันไป”      หวนคืนเวที รวมตัวกันสร้างความประทับใจด้วยบทเพลงสุดคิดถึงจากยุค 90s ปลุกเสียงกรี๊ดและความปลื้มปริ่มแบบถล่มทลาย แขกผู้มีเกียรติพากันลุกขึ้นปรบมือ ส่งพลังให้บรรยากาศของงานเต็มไปด้วยความสนุกสนานและอบอุ่นหัวใจ

อีกหนึ่งช่วงเวลาสุดทรงพลัง คือการกล่าวขอบคุณจากผู้ได้รับรางวัล “Distributor of the Year 2024”        ที่ถ่ายทอดประสบการณ์จริงและเคล็ดลับความสำเร็จแบบหมดเปลือก จุดไฟฝันและกระตุ้นพลังให้นักธุรกิจทั้งรุ่นเก๋าและรุ่นใหม่เดินหน้าสู่ความสำเร็จในแบบของตัวเอง

พีคไม่หยุด กับช่วงจับรางวัลเซอร์ไพรส์ที่เรียกเสียงเฮและรอยยิ้มแบบไม่ขาดสาย พร้อมปิดท้ายด้วยมื้อค่ำสุดหรู ท่ามกลางบรรยากาศแห่งการพบปะพูดคุยอย่างอบอุ่นระหว่างผู้บริหารและนักธุรกิจจากทั่วประเทศ

ดร.ปิยะวัฒน์ จุลล์จักรวงศา ประธานกรรมการ บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า“Zhulian Gala Night 2025 ไม่ใช่แค่การฉลองความสำเร็จ แต่เป็นการตอกย้ำพลังของครอบครัวซูเลียนที่ร่วมสร้างอนาคตอย่างมั่นคง เราขอบคุณทุกแรงใจแรงกายจากนักธุรกิจทั่วประเทศ และเราจะไม่หยุดพัฒนา เพื่อให้ทุกคนเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน”

“Zhulian Gala Night 2025” จึงเป็นภาพสะท้อนของพลัง ความผูกพัน และวิสัยทัศน์แห่งผู้นำ ที่ไม่เพียงมอบแรงบันดาลใจ แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของบทใหม่แห่งความสำเร็จ ที่ทุกคนพร้อมก้าวไปด้วยกันอย่างภาคภูมิ

“ไอเรื้อรังอย่ามองข้าม!” หมอเตือนภัยเงียบ ‘มะเร็งปอด’ พบบ่อยแต่รู้ช้า รักษาไม่ทัน เสี่ยงเสียชีวิตไม่รู้ตัว

คุณเคยไอเรื้อรังมานานแค่ไหน? ไอจนเจ็บหน้าอก ไอปนเลือด น้ำหนักลดโดยไม่รู้สาเหตุ หายใจติดขัดหรือเหนื่อยง่าย… หากคุณเคยมีอาการเหล่านี้ อย่าคิดว่าเป็นเพียงภูมิแพ้หรือโรคหวัดธรรมดา เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนของภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนไทยจำนวนมากในแต่ละปี นั่นคือ “มะเร็งปอด” โรคร้ายที่มักไม่มีสัญญาณเตือนในระยะแรก และเมื่อรู้ตัวอีกทีก็อาจสายเกินไป

พญ.มัณฑนา สันดุษฎี อายุรแพทย์โรคระบบการหายใจและภาวะวิกฤตโรคระบบการหายใจ และเวชบำบัดวิกฤต โรงพยาบาลพระรามเก้า ให้ข้อมูลว่า มะเร็งปอดสามารถรักษาให้หายขาดได้ หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มแรกและได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ซึ่งการให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับโรคนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง โดยแม้ว่าปัจจุบันยังไม่สามารถระบุสาเหตุของโรคได้อย่างชัดเจน แต่พบว่าปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดคือการสูบบุหรี่ ไม่ว่าจะเป็นผู้สูบเองหรือผู้ที่ได้รับควันบุหรี่มือสอง โดยเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่วันละ 1 ซอง เป็นระยะเวลานาน 20 ปี จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นถึง 8 – 20 เท่า ทั้งนี้สารเคมีในบุหรี่มีฤทธิ์ทำลายเนื้อเยื่อปอดและกระตุ้นให้เกิดการกลายพันธุ์ของเซลล์

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นที่ไม่ควรมองข้าม เช่น การสัมผัสแร่ใยหินหรือแอสเบสตอสในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ก๊าซเรดอนที่สะสมจากหิน ดิน หรือทรายในสิ่งปลูกสร้างบางประเภท สารเคมีอย่างสารหนู ถ่านหิน หรือควันพิษจากท่อไอเสีย รวมถึงฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ซึ่งสามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดการอักเสบในปอดและเพิ่มความเสี่ยงต่อการกลายพันธุ์ของเซลล์ ส่งผลให้เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอดเพิ่มขึ้นถึง 1 – 1.4 เท่า

พญ.มัณฑนา ให้ข้อมูลต่อว่า มะเร็งปอดสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ มะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์เล็ก (Non-small cell lung cancer) ซึ่งเป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด โดยมีทั้ง adenocarcinoma และ squamous cell carcinoma และอีกชนิดคือ มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (Small cell lung cancer) ซึ่งพบได้น้อยกว่า แต่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดและการฉายแสงได้ดี

สำหรับกลุ่มเสี่ยงที่ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือผู้ที่มีอายุมากกว่า 55 ปี โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติสูบบุหรี่ หรือมีคนในครอบครัวเคยป่วยเป็นมะเร็งปอด เพราะแม้ว่าในระยะแรกมะเร็งปอดมักไม่แสดงอาการ แต่เมื่อโรคลุกลามขึ้น ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการชัดเจนมากขึ้น เช่น ไอเรื้อรัง ซึ่งพบได้ถึง 50–75% ของผู้ป่วย ไอมีเลือดปนหรือเลือดสดในเสมหะ (25–50%) หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย เจ็บหน้าอก น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ หายใจมีเสียงดัง หรือเสียงแหบ อาการเหล่านี้อาจคล้ายกับโรคทางเดินหายใจอื่น เช่น วัณโรค จึงจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์อย่างละเอียดเพื่อความแน่ชัด

พญ.มัณฑนา กล่าวปิดท้ายว่า การตรวจเอกซเรย์ปอดทั่วไปอาจไม่สามารถพบก้อนมะเร็งในระยะเริ่มต้นได้ ดังนั้นการตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แบบใช้รังสีต่ำ (Low-dose CT scan) จึงมีความแม่นยำและสามารถช่วยตรวจพบความผิดปกติในปอดได้เร็วกว่ามาก โดยวิธีนี้ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ใช้เป็นแนวทางมาตรฐานในการตรวจคัดกรองในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป มีประวัติสูบบุหรี่มากกว่า 30 pack-years และเลิกบุหรี่มาไม่เกิน 15 ปี แม้จะไม่มีอาการใด ๆ ก็ตาม

หากตรวจพบว่าเป็นมะเร็งปอดแล้ว แพทย์จะวางแผนการรักษาตามชนิดของมะเร็ง ระยะของโรค และสภาพร่างกายของผู้ป่วย ซึ่งในปัจจุบันมีหลายแนวทาง ได้แก่ การผ่าตัด การใช้ยาเคมีบำบัด การฉายรังสี และการใช้ยาแบบจำเพาะเจาะจงหรือ Targeted Therapy โดยแพทย์จะร่วมพิจารณากับผู้ป่วยและครอบครัวอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการรักษา

 “การป้องกันยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ งดรับควันบุหรี่มือสอง หมั่นดูแลสุขภาพ หลีกเลี่ยงมลพิษ และควรตรวจสุขภาพปอดเป็นประจำโดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เพราะยิ่งพบเร็ว ก็ยิ่งมีโอกาสรักษาหาย และกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ” เพราะบางครั้งแค่ “อาการไอ” ก็อาจเป็นสัญญาณแรกที่ช่วยให้คุณรักษาชีวิตไว้ได้ทันเวลา

“ไวไว” คว้ารางวัล WINNER จากเวที THAIFEX – ANUGA TASTE INNOVATION SHOW 2025

นายยศสรัล แต้มคงคา ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไวไว และเส้นหมี่อบแห้งไวไว เข้ารับรางวัล WINNER จากเวที THAIFEX ANUGA TASTE INNOVATION SHOW 2025 สำหรับผลิตภัณฑ์ “Rice Ramen Shoyu Som Jeed” หรือ “ราเมนโชยุส้มจี๊ด” ราเมนเส้นข้าวแท้ 100% ซึ่งได้รับการคัดเลือกให้เป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมอาหารยอดเยี่ยมโดยมี นายธีรเมธ เลาวานันท์พันธุ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายขายส่วนกลาง, นายวิรกิตติ์ มิ่งโมฬี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์และแนวความคิดผลิตภัณฑ์ 4, นายอังกูร อังคณาผลกุล Export Director, นายเจ ที จวง ผู้จัดการฝ่ายขายต่างประเทศ ร่วมงานด้วย ณ บูธไวไว ฮอลล์ 9 อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี เมื่อเร็ว ๆ นี้

EM Motor เขย่าตลาด EV เปิดตัว “Legend Pro”มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าดีไซน์ล้ำ ฟังก์ชันจัดเต็ม ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ด้วยนวัตกรรมที่เข้าถึงได้

บริษัท อีเอ็ม มอเตอร์ จำกัด ผู้พัฒนาและผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าสัญชาติไทย ภายใต้แบรนด์ “EM” ประกาศเปิดตัว “Legend Pro” รถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมแนวคิดการออกแบบล้ำสมัย เทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ และสมรรถนะเหนือระดับ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ยุคใหม่อย่างแท้จริง โดยภายในงานแถลงข่าวเปิดตัว บริษัทได้เชิญพันธมิตรทางธุรกิจ ตัวแทนจำหน่ายจากทั่วประเทศ รวมถึงสื่อมวลชนเข้าร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของ “Legend Pro” อย่างใกล้ชิด พร้อมทดลองขับจริง และพูดคุยกับทีมผู้บริหารถึงแนวคิดในการพัฒนาแบรนด์ไทยให้สามารถยืนหยัดในอุตสาหกรรม EV ทั้งในประเทศและระดับนานาชาติได้อย่างมั่นคง

นายธานัท ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีเอ็ม มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า การเปิดตัวรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่น “Legend Pro” ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของบริษัท ในการผลักดันมาตรฐานยานยนต์ไฟฟ้าของไทยให้ก้าวไกลมากยิ่งขึ้น โดยเน้นการออกแบบที่ทันสมัย ควบคู่กับเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ตอบสนองต่อการใช้งานจริง พร้อมมอบประสบการณ์ขับขี่ที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงาน และราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อให้คนไทยทุกกลุ่มสามารถใช้งานรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างแท้จริง

นายธานัท ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นอกจากการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า “Legend Pro” บริษัทฯ ยังนำเสนอแนวทางการพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจ หรือ EM Ecosystem ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความแข็งแกร่งของบริษัทในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในระยะยาว โดยประกอบด้วย 5 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่

  1. การผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ปี 2023 และมียอดจำหน่ายสะสมมากกว่า 10,000 คัน ปัจจุบันมีศักยภาพการผลิตที่ 30,000 คันต่อปี และเตรียมขยายเป็น 70,000 คันต่อปี
  2. การผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมภายใน ด้วยเทคโนโลยี cell-to-pack ซึ่งผ่านการรับรองมาตรฐาน UNR136 จากกรมการขนส่งทางบก และ มอก. จากกระทรวงอุตสาหกรรม
  3. การจัดตั้งเครือข่ายตัวแทนจำหน่าย กว่า 120 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งทำหน้าที่ทั้งจำหน่ายและให้บริการหลังการขาย ครอบคลุมทุกภูมิภาค
  4. การพัฒนาเครือข่ายหัวจ่ายชาร์จไฟฟ้า “EM Charger” ที่ตั้งเป้าหมายติดตั้ง 100 หัวจ่ายทั่วประเทศภายในปี 2025 และขยายเป็น 1,000 หัวจ่ายในปี 2027
  5. การจัดตั้งระบบจัดการแบตเตอรี่ใช้แล้ว ด้วยแนวทางการ Repurpose และ Recycle เพื่อการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน

นับตั้งแต่การก่อตั้งบริษัทในปี 2016 กลุ่มบริษัท EM Motor มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 56% ต่อปี โดยมีงบการลงทุนรวมกว่า 400 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทดำเนินธุรกิจใน 5 หมวดหลัก ได้แก่ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า EM, จักรยานไฟฟ้า ECO, จักรยานทั่วไป, แบตเตอรี่ลิเธียมภายใต้แบรนด์ Longlive Energy และหัวชาร์จไฟฟ้าสาธารณะ EM Charger

นายธานัท กล่าวปิดท้ายว่า บริษัทตั้งเป้าหมายภายในปี 2025 ในการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าจำนวน 5,300–6,500 คัน และรักษาส่วนแบ่งตลาดให้ไม่ต่ำกว่า 20% โดยมุ่งเน้นการเสริมความแข็งแกร่งของระบบนิเวศ EV ในทุกมิติ เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาด และสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจในระยะยาว

“เราไม่ได้เพียงแค่สร้างรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า แต่เรากำลังสร้างความมั่นใจให้คนไทยกล้าที่จะเปลี่ยน เพื่ออนาคตของการเดินทางที่สะอาด ปลอดภัย และยั่งยืน ภายใต้แบรนด์ไทยที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของ EM Motor ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทยให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล ด้วยนวัตกรรมที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้

ผู้ที่สนใจหรือต้องการทดลองขับขี่ สามารถติดต่อตัวแทนจำหน่าย EM MOTOR ใกล้บ้านท่านทั่วประเทศ หรือ ติดต่อผ่าน Facebook : EM Motor Thailand

“ไวไว” เดินหน้าสานต่อโครงการ “อิ่มนี้เพื่อน้อง” มอบอาหารกลางวันให้น้องๆ นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลจังหวัดเชียงใหม่ สร้างโอกาสการเรียนรู้และคุณภาพชีวิตที่ดีให้เยาวชนไทย

บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “ไวไว” ร่วมกับ ธนาคารออมสิน เขต 5 จังหวัดเชียงใหม่ ยึดมั่นในพันธกิจด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเดินหน้าสานต่อโครงการ “อิ่มนี้เพื่อน้อง” เพื่อส่งมอบอาหารกลางวันให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลในจังหวัดเชียงใหม่หลายแห่ง โดยมีเป้าหมายสำคัญในการสนับสนุนโภชนาการที่ดีและสร้างโอกาสการเรียนรู้ที่เท่าเทียมให้กับเยาวชนไทย

สำหรับโรงเรียนที่ได้รับการสนับสนุนอาหารกลางวันในครั้งนี้ ได้แก่

  • โรงเรียนบ้านปางอุ๋ง ตำบลแม่ศึก
  • โรงเรียนบ้านโม่งหลวง ตำบลกองแขก
  • โรงเรียนบ้านห้วยตอง ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง
  • โรงเรียนทาเหนือวิทยา อำเภอแม่ออน
  • โรงเรียนบ้านขุนแปะ อำเภอจอมทอง

โครงการ “อิ่มนี้เพื่อน้อง” ไม่เพียงมุ่งหวังให้เด็กนักเรียนมีโภชนาการที่ดีและได้รับสารอาหารที่เพียงพอเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงเจตนารมณ์ของบริษัทฯ ที่ต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเยาวชนให้เติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพ   ผ่านการส่งเสริมด้านการศึกษา การปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม และการพัฒนาทักษะชีวิตที่จำเป็นในอนาคตการดำเนินงานในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์สำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของบริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ในการเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนสังคมไทยไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิดที่ว่า
“อาหารที่ดี คือจุดเริ่มต้นของชีวิตที่ดี” และ “การแบ่งปัน คือพลังสำคัญในการสร้างสังคมที่เข้มแข็ง”

ด้วยความเชื่อมั่นว่า ทุกมื้ออาหารที่อิ่มท้องของน้องๆ คือพลังที่ต่อยอดอนาคตของประเทศ บริษัทฯ        จึงมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าโครงการเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง และขยายผลให้ครอบคลุมพื้นที่มากยิ่งขึ้นในอนาคต

“ซูเลียน” ปันน้ำใจ ส่งต่อความห่วงใย มอบรอยยิ้มแก่ผู้สูงวัยบ้านบางแค สะท้อนพันธกิจ “ธุรกิจเคียงข้างสังคม”

บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด สานต่อเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตที่ดีให้กับสังคมไทย ผ่านโครงการเพื่อสังคมที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้จัดกิจกรรม “ซูเลียนปันน้ำใจ” ณ มูลนิธิบ้านบางแค กรุงเทพมหานคร โดยมี ดร.ปิยะวัฒน์ จุลล์จักรวงศา ประธานกรรมการ บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและพนักงาน ร่วมเดินทางไปมอบความสุข ความอบอุ่น และกำลังใจให้แก่ผู้สูงอายุ เพื่อแสดงออกถึงความห่วงใย และการเคารพในคุณค่าของผู้สูงวัยในสังคมไทย

ในกิจกรรมดังกล่าว ซูเลียนได้ร่วมสมทบทุนบริจาคเงินจำนวน 100,000 บาท เพื่อสนับสนุนภารกิจของมูลนิธิในการดูแลผู้สูงอายุ รวมถึงจัดเลี้ยงอาหารกลางวันให้กับผู้สูงวัยในบ้านบางแค พร้อมมอบสิ่งของอุปโภคบริโภคที่จำเป็น อาทิ ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพส่วนบุคคล วิตามินซี และของใช้ในชีวิตประจำวันอื่น ๆ โดยทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่คัดสรรมาอย่างตั้งใจ เพื่อเสริมสร้างสุขภาวะและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้สูงอายุ ซึ่งถือเป็นกลุ่มประชากรที่ควรได้รับการใส่ใจและดูแลเป็นพิเศษ

บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความอบอุ่นจากการได้แบ่งปัน ทุกการพบเจอและการพูดคุยในวันนั้นสะท้อนถึงพลังแห่งความเมตตาและความเอื้ออาทรที่ยังคงมีอยู่ในสังคมไทย และที่สำคัญคือการตอกย้ำบทบาทของภาคเอกชนในการเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนสังคมให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ

ดร.ปิยะวัฒน์ จุลล์จักรวงศา ประธานกรรมการ บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า
“ซูเลียนเชื่อมั่นมาตลอดว่าความสำเร็จขององค์กรไม่ได้วัดจากตัวเลขทางธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่ต้องวัดจากผลกระทบเชิงบวกที่เราสามารถส่งต่อให้กับสังคมโดยรวมได้ด้วย การดูแลสังคมคือหนึ่งในพันธกิจที่เราให้ความสำคัญอย่างจริงจังมาโดยตลอด เพราะเราเชื่อว่าทุกคนสามารถเป็นพลังเล็ก ๆ ที่ร่วมกันสร้างสิ่งดี ๆ ให้เกิดขึ้นได้ในวงกว้าง และการใส่ใจผู้สูงวัยซึ่งเป็นผู้มีคุณูปการต่อประเทศชาติ ถือเป็นสิ่งที่เราภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลท่านเหล่านี้ให้มีชีวิตที่อบอุ่นและเปี่ยมคุณค่าในทุก ๆ วัน”

ทั้งนี้ บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและสุขภาพ โดยยึดหลัก “ความสุขจากการแบ่งปัน” และยึดมั่นในการพัฒนาทั้งผลิตภัณฑ์และคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมเพื่อสังคมในรูปแบบต่าง ๆ โดยเชื่อมั่นว่า “ความยั่งยืนที่แท้จริง คือการเติบโตไปพร้อมกับผู้คนและชุมชนรอบตัว”

สำหรับกิจกรรม “ซูเลียนปันน้ำใจ” ในครั้งนี้ จึงนับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่สะท้อนจุดยืนขององค์กรที่ให้ความสำคัญกับความสุขของทุกคนในสังคม ไม่เพียงแต่ในฐานะลูกค้า แต่ในฐานะ “คนในสังคมเดียวกัน” และซูเลียนยังคงมุ่งมั่นที่จะเดินหน้ากิจกรรมดี ๆ เช่นนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างสรรค์สังคมไทยให้น่าอยู่ และยั่งยืนในทุกมิติ

Cosmoprof CBE ASEAN 2025 Grows Global Footprint with 25,000 SQM and 650+ Exhibitors Featuring Suppliers and Group Pavilions from Asia and Europe

Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2025, the premier regional beauty trade show, is set to return in full force from June 25–27, 2025 at Queen Sirikit National Convention Center (QSNCC). As the global beauty wave increasingly shifts focus to ASEAN, this year’s edition
is positioned to capitalize on the region’s strengths, particularly in high-quality natural ingredients and organic beauty innovations. Featuring over 2,000 exhibiting brands from 650 exhibitors,
the event will play a key role in propelling the ASEAN beauty industry toward sustainable
and internationally competitive growth.

Mr. Sanchai Noombunnam, General Manager of Informa Markets Thailand, noted that Thailand has emerged as a pivotal hub for the ASEAN beauty market, boasting an impressive average growth rate of 11%—one of the highest in the region. This performance contributed significantly to Southeast Asia’s beauty market valuation of USD 34 billion in the past year.

Thailand’s strengths go beyond market potential,” said Mr. Noombunnam. “Its strategic location and world-class connectivity make it the ideal host for a B2B beauty trade platform like Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2025. This event connects global entrepreneurs, investors, buyers, and leading brands—enabling trend discovery, knowledge exchange, and innovation launches that together drive ASEAN’s beauty industry forward on the global stage”.

The show is the result of a strategic alliance between BolognaFiere, Informa Markets, and Shanghai Baiwen Exhibition Co., Ltd., alongside prominent industry partners. Now in its fourth edition, the 2025 event is expecting to welcome more than 17,000 visitors from Thailand, Malaysia, Singapore,
the Philippines, China, Hong Kong, Taiwan, South Korea, Italy, the United States, and over 20 other countries.

This year’s show will spotlight global beauty trends across all the sectors of the beauty industry —ranging from Ingredients and raw materials. materials, natural and organic beauty products, supplements, OEM/ODM solutions, packaging innovations, to cutting-edge manufacturing technology. Enhanced experiential zones tailored to both Thai and international businesses will be introduced, including national pavilions from global beauty powerhouses such as China, South Korea and Italy. Educational activities led by industry experts will also enrich the visitor experience.”

Mr. Gianpiero Calzolari, President of BolognaFiere, added: “Cosmoprof CBE ASEAN is growing at an incredible rate, and we are excited about that. In a short time, the exhibition received high recognition as
a reference event for all the main players in the Asean region, facilitating connection between suppliers and brands and enhancing the development of the cosmetics industry. The Asean beauty market is expanding significantly: according to EUROMONITOR INTERNATIONAL, Malaysia, Indonesia, Philippines,
and Thailand are among the top 10 countries recording the highest annual growth rate from 2024 to 2025. Such a scenario can offer new opportunities for brands interested in expanding in a region where beauty has a well-defined cultural and social value. We will continue investing in the region, with the aim of offering alternative partnerships and new solutions to our global community”.

Ms. Ying Sang, Executive Chairman of CBE China Beauty Expo, Shanghai Baiwen Exhibitions
Co., Ltd.
, shared her excitement about bringing a delegation of top Chinese exhibitors to the event.

“We’re proud to showcase premium C-beauty products alongside ASEAN’s dynamic beauty innovations,” she said. “These exhibits are expected to spark new trends and capture interest across the region. Buyers and entrepreneurs—especially those from discerning markets like China—will find invaluable networking and collaboration opportunities at the show.”

Ms. Ketmanee Lertkitcha, Chairman – Thailand Cosmetics Manufacturer Industry, added that Southeast Asia’s beauty market reached USD 34 billion (approx. THB 1.2 trillion) in 2024. The region is projected to expand at a CAGR of 16% from 2024–2028, making it one of the world’s fastest-growing beauty and cosmetics regions.

Thailand, Indonesia, Vietnam, and the Philippines lead in regional demand—driven by both local consumers and tourists. Future trends include diverse beauty solutions tailored to local skin tones and climates. The organic and natural product segment is also experiencing consistent growth at an average of 9.2%
per year
, in line with new consumer preferences for clean, cruelty-free, vegan, and eco-friendly products.

Emerging segments to watch include men’s grooming, as male consumers increasingly adopt skincare and haircare routines, and silver beauty—targeting aging populations seeking anti-aging, sensitive-skin-friendly, and easy-to-use formulations.

“Over the next decade (2025–2035), ASEAN’s beauty industry will continue to thrive—especially
for sustainable, natural, and niche-targeted products,”
Ms. Kasemanee said. “Cosmoprof CBE ASEAN 2025 presents a key opportunity for local Thai brands and OEM/ODM manufacturers to scale globally, leveraging our competitive strengths in raw materials, herbal knowledge, and cost-effective production.”

For beauty industry entrepreneurs, manufacturers, and anyone interested in beauty products, don’t miss this key opportunity for your business at Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2025, taking place from 25–27 June 2025 at the Queen Sirikit National Convention Center (QSNCC). For more information and online registration, please visit: www.cosmoprofcbeasean.com