ซูเลียน เปิดตัวสุดปัง หจก.พหุธน บุรีรัมย์ เอเจนซี่ (BRF) จุดประกายเครือข่ายภาคอีสาน สู่ความสำเร็จยั่งยืน

บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด จุดไฟแห่งความสำเร็จลุกโชนขึ้นอีกครั้งกลางเมืองบุรีรัมย์ เปิดตัวห้างหุ้นส่วนจำกัด พหุธน บุรีรัมย์ เอเจนซี่ (BRF) ศูนย์รวมพลังนักธุรกิจเครือข่ายสายเลือดใหม่ ภายใต้การนำของสองผู้นำรุ่นใหม่มากความสามารถ RCM ภุชงค์ สุดสวาท และ SE สาวิตรี สะอาดล้วน ที่ร่วมกันผลักดัน BRF ให้กลายเป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนเครือข่ายธุรกิจ  ซูเลียนแห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

บรรยากาศภายในงาน Grand Opening สุดยิ่งใหญ่ ซึ่งจัดขึ้น ณ ใจกลางอำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยได้รับเกียรติสูงสุดจาก ดร.ปิยะวัฒน์ จุลล์จักรวงศา ประธานกรรมการ บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด มาเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูง พันธมิตรทางธุรกิจ สมาชิก และแขกผู้มีเกียรติจากทั่วทุกสารทิศที่เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างล้นหลาม

ไฮไลต์ของงานอยู่ที่เวทีแห่งแรงบันดาลใจ ที่ได้ 3 สุดยอดวิทยากรระดับแนวหน้า RCD ปราโมทย์ คงชัย, RCD วิมุกดา ภูทับทิม และ RCD ไพบูลย์ เมืองอุดม มาร่วมแชร์ประสบการณ์จริง ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ และกลยุทธ์เด็ดที่ใช้ขับเคลื่อนชีวิตและธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง พร้อมปลุกพลังในตัวผู้ร่วมงานให้กล้าที่จะก้าวข้ามขีดจำกัด และเดินหน้าสู่ความฝันด้วยหัวใจที่เปี่ยมด้วยพลังบวก

งานในครั้งนี้ไม่ได้เป็นแค่การเปิดบ้าน BRF เท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึง “วิสัยทัศน์อันยิ่งใหญ่ของซูเลียน” ที่มุ่งมั่นสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่ง สร้างรายได้อย่างมั่นคง และมอบโอกาสให้กับผู้คนในภูมิภาคนี้ได้เติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งยังเป็นการประกาศอย่างชัดเจนว่า “ภาคอีสาน” พร้อมแล้วที่จะเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนธุรกิจซูเลียนในระดับประเทศ

ก่อนจบงานยังมีเซอร์ไพรส์สุดพิเศษกับกิจกรรม “จับแจกรางวัลอั่งเปาเงินสด” ที่สร้างทั้งเสียงหัวเราะ ความสุข และพลังใจให้กับสมาชิกทุกคนได้กลับบ้านไปพร้อมแรงบันดาลใจเต็มพิกัด!

BRF ไม่ใช่แค่ศูนย์ธุรกิจ แต่คือศูนย์กลางความฝันที่จับต้องได้ และก้าวต่อไปของความสำเร็จที่เริ่มต้นจากใจกลางบุรีรัมย์!

“อินฟอร์มา มาร์เก็ต” แถลงข่าวประกาศความพร้อมยกระดับเวทีความงามภูมิภาคสู่ระดับโลกจัดงาน “Cosmoprof CBE ASEAN 2025”

นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย พร้อมด้วย นางสาวแองเจิล ฟู ผู้อำนวยการโครงการ อินฟอร์มา มาร์เก็ต , นางสาวฟรานเชสกา โดนาติ ผู้บริหารด้านการตลาดระหว่างประเทศ
เอเชีย โบโลญญาเฟียร์ คอสโมพรอฟ  และ นางเกศมณี เลิศกิจจา นายกสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย แถลงข่าวจัดงาน Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2025  งานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมความงามระดับภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุด ระหว่างวันที่ 25–27 มิถุนายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ งานในปีนี้รวบรวมแบรนด์ความงามกว่า 2,000 แบรนด์จากผู้แสดงสินค้ากว่า 650 ราย พร้อมตอกย้ำบทบาทการเป็นเวทีสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมความงามอาเซียนสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนและแข่งขันได้ในระดับสากล โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ลุมพินี เมื่อเร็วๆ นี้

ติดตามข่าวสารและรายละเอียดงานเพิ่มเติมได้ที่ http://www.cosmoprofcbeasean.comลงทะเบียนออนไลน์เพื่อเข้าร่วมงานได้ที่ https://www.cosmoprofcbeasean.com/registration

โฮมโปร เปิดเกมรุกใหม่ สู่ผู้นำ ‘B2B Solutions’ ด้วยแพลตฟอร์ม “HomePro for Business” พาร์ทเนอร์ที่เข้าใจธุรกิจ เสริมแกร่งผู้ประกอบการ!

โฮมโปร เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ “HomePro for Business” รุกตลาดธุรกิจ B2B ครอบคลุมกว่า 11 กลุ่มธุรกิจ ภายใต้แนวคิด “มากกว่าร้านค้า คือ พาร์ทเนอร์ที่ร่วมขับเคลื่อนความสำเร็จของธุรกิจ” มุ่งส่งมอบโซลูชันครบวงจร ด้วยประสบการณ์ในธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการเรื่องบ้านมาเกือบ 30 ปี ด้วยสินค้ากว่า 75,000 SKU และบริการอย่างมืออาชีพ พร้อมสาขาและพาร์ตเนอร์ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ที่เข้าถึงง่าย สะดวก ส่งไว และให้สิทธิประโยชน์มากมาย ช่วยให้ผู้ประกอบการบริหารต้นทุนสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเติบโตอย่างมั่นคง

นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” กล่าวว่า การลงทุนผ่านแพลตฟอร์ม ‘HomePro for Business’ นับเป็นก้าวสำคัญของโฮมโปรในการขยายธุรกิจอย่างครอบคลุมในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะช่วยตอบโจทย์คุณภาพการทำธุรกิจที่ดีและง่ายยิ่งขึ้นของผู้ประกอบการ ภายใต้วิสัยทัศน์ที่ ‘เราจะเป็นที่ปรึกษา เพื่อร่วมสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจคุณ’ เราจึงมุ่งเน้นให้บริการลูกค้าแบบครบวงจร ตั้งแต่ให้คำปรึกษา ออกแบบโซลูชันที่เหมาะสมกับธุรกิจ ไปจนถึงสนับสนุนเพื่อสร้างการเติบโตระยะยาว เพื่อเป็นส่วนหนึ่งขับเคลื่อนธุรกิจให้มีประสิทธิภาพและมั่นคงในทุกๆ มิติ

จุดแข็งของ HomePro for Business มาจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญกว่า 30 ปี ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ พร้อมเครือข่ายสาขากว่า 130 แห่ง ที่ครอบคลุมทั่วประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากพาร์ตเนอร์แบรนด์ชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็นซัพพลายเออร์ แบรนด์สินค้า และสถาบันการเงิน มากกว่า 900 บริษัท ช่วยสร้างความพร้อมในการให้บริการครบวงจรกับกลุ่มธุรกิจ B2B ทุกประเภท ด้วยสินค้ามากกว่า 75,000 (SKU) รายการ และยังมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ทั้งฝ่ายพัฒนาสินค้าและทีมช่างโฮมโปร มือโปรประจำบ้านคุณ ที่ให้บริการอย่างมืออาชีพ ครอบคลุมบริการออกแบบ ติดตั้ง ปรับปรุง ซ่อมแซม และยังการันตีคุณภาพงาน ช่วยให้ลูกค้าสามารถควบคุมต้นทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลงทุนในธุรกิจหลักได้อย่างมั่นใจ

นายวีรพันธ์ กล่าวต่อว่า “ปัจจุบันความต้องการสินค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในภาคธุรกิจ B2B กำลังขยายตัวเติบโตขึ้นต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของภาคธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร รวมถึงธุรกิจดูแลสุขภาพ ส่งผลให้ HomePro for Business กลายเป็นโมเดลที่ตอบโจทย์ดีมานด์ของผู้ประกอบการ ด้วยโซลูชั่นครบวงจรในการพัฒนาและปรับปรุงที่พัก ร้านค้า หรือสถานประกอบการ รวมไว้ในที่เดียว ทั้งสินค้าโครงสร้าง เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่ง ไป

จนถึงสินค้าสิ้นเปลืองที่มีความต้องการซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง อาทิ น้ำยาทำความสะอาด กระดาษชำระ และของใช้ประจำวันของภาคธุรกิจองค์กร

ปัจจุบัน “HomePro for Business” ดูแลลูกค้ากลุ่มธุรกิจ B2B มากกว่า 300,000 ราย ครอบคลุมกว่า 11 ธุรกิจ ตั้งแต่ โครงการอสังหาริมทรัพย์และบริษัทรับสร้างบ้าน, ออฟฟิศ-สำนักงาน, ธุรกิจช่าง, โรงแรม-รีสอร์ต-สปา, ที่พักอาศัย, โรงงานอุตสาหกรรม, ร้านค้าช่วง-นายหน้า, ร้านอาหารและเครื่องดื่ม, หน่วยงานราชการ-สถานศึกษา, สถาปนิก-วิศวกร-ออกแบบตกแต่ง ไปจนถึงบริการด้านสุขภาพ เพื่อตอบโจทย์การเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจ โฮมโปรจึงยกระดับแพลตฟอร์มให้บริการกลุ่มธุรกิจ B2B ให้ครบวงจรยิ่งขึ้น ครอบคลุมทั้งงานให้บริการจาก ‘ช่างโฮมโปร’ (CHANG HomePro) ที่ให้บริการออกแบบ ติดตั้ง และดูแล โดยทีมงานมืออาชีพ พร้อมช่องทางสั่งซื้อสินค้าที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว ผ่าน Online Application รวมถึงสิทธิประโยชน์เฉพาะกลุ่มธุรกิจ เพื่อสร้างประสบการณ์ธุรกิจที่สะดวกและมีประสิทธิภาพสำหรับผู้ประกอบการ

สำหรับผู้ที่สนใจ HomePro for Business สมัครสมาชิกเพียงคลิก b2b.homepro.co.th หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “HomePro for Business” ได้ทั้งระบบ iOS และ Android รับสิทธิประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น

  • สินค้าหลากหลาย ครบทุกประเภทธุรกิจ
  • สินค้ายิ่งซื้อ ยิ่งคุ้ม เฉพาะผู้ประกอบการ พร้อมโปรโมชั่น “ราคาพิเศษทุกวัน ซื้อมาก ลดมาก”
  • จัดส่งฟรีทั่วประเทศ เมื่อซื้อครบ 500 บาทขึ้นไป หรือเลือกรับที่สาขาใกล้บ้าน
  • สะสมคะแนน Biz Card ทุก 1 บาท = 1 คะแนน แลกรับ Gift Card สูงสุด 200,000 บาท
  • เครดิตเทอมสูงสุด 30 วัน
  • ช่องทางชำระเงินสะดวก ผ่านบัตรเครดิต พร้อมเพย์
  • ระบบอนุมัติออนไลน์ พร้อมรายงานการสั่งซื้อ แบบเรียลไทม์

#HomeProforBusiness #B2B #โฮมโปร #HomePro #BetterLivingเพื่อชีวิตที่ดีกว่า #Homepropr

ยันฮี จับมือ มูลนิธิปวีณาฯ ฟื้นชีวิตใหม่ 4 เยาวชนเยียวยาร่างกาย เติมความหวัง สร้างโอกาสสู่อนาคต

โรงพยาบาลยันฮี สถาบันสุขภาพและความงามครบวงจรที่ดำเนินงานมากว่า 40 ปี ยังคงเดินหน้าสานภารกิจเพื่อสังคมอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยความเชื่อว่า “สุขภาพที่ดี” ไม่ได้จบแค่การไม่มีโรค แต่หมายถึงการมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างรอบด้าน ล่าสุดร่วมมือกับมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ในโครงการช่วยเหลือเยาวชน 4 รายที่ประสบปัญหาทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ด้วยการให้การรักษาและฟื้นฟูอย่างเหมาะสมโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อคืนโอกาส คืนความมั่นใจ และคืนชีวิตใหม่ให้กับเด็ก ๆ ที่ไม่เคยมีสิทธิ์เลือกเส้นทางชีวิตของตนเอง

พญ.สิรินทรา สัมฤทธิวณิชชา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลยันฮี  กล่าวถึงความตั้งใจในการสนับสนุนโครงการนี้ว่า “ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา เราทำภารกิจเพื่อสังคมมาโดยตลอด ทั้งในรูปแบบของการผ่าตัดปากแหว่งเพดานโหว่ การลบรอยสักเพื่อคืนโอกาสให้ผู้กลับตัว การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุรุนแรง ไปจนถึงการผ่าตัดฟื้นฟูรูปลักษณ์ให้กับเหยื่อความรุนแรง เราเชื่อว่าโรงพยาบาลไม่ควรเป็นเพียงสถานที่รักษาโรค แต่ควรเป็นพื้นที่ของการเยียวยาทั้งกายและใจ โดยเฉพาะสำหรับเด็ก ๆ ที่ยังมีอนาคตอีกยาวไกลรออยู่ ถ้าเราเลือกช่วยเหลือในเวลาที่เขาต้องการมากที่สุด ก็อาจเปลี่ยนทั้งชีวิตของเขาไปตลอดกาล”

การจับมือกันในครั้งนี้เกิดจากความตั้งใจตรงกันของทั้งสององค์กรที่เห็นคุณค่าของ “การให้”           ที่มากกว่าการบริจาคเงินหรือสิ่งของ แต่คือการลงมือเปลี่ยนแปลงชีวิตจริงให้เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยโรงพยาบาลยันฮีได้นำความเชี่ยวชาญทางการแพทย์มาประยุกต์ใช้ร่วมกับความเข้าใจเชิงจิตวิทยา เพื่อออกแบบการรักษาและฟื้นฟูที่เหมาะสมกับเด็กแต่ละราย ซึ่งแต่ละคนต่างมีบาดแผลชีวิตที่แตกต่าง แต่ล้วนสะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงโอกาสอย่างชัดเจน

โดยเยาวชนทั้ง 4 รายที่ได้รับการช่วยเหลือ มีดังนี้

  1. น้องณัฐ – เด็กชายณัฐชนนท์ ผุดเผือก อายุ 14 ปี จาก จ.ระนอง ประสบอุบัติเหตุตกรถจักรยานยนต์ ทำให้ฟันหน้าหักและผิดรูป ส่งผลต่อการใช้ชีวิตและความมั่นใจ
  2. น้องฟิว – นายอณุวัฒน์ กลั่นนุช อายุ 17 ปี จาก จ.พิจิตร มีแผลเป็นคีลอยด์บริเวณใบหน้าจากการผ่าตัดและฉายแสง แต่ไม่มีทุนทรัพย์เข้ารับการรักษาศัลยกรรมตกแต่ง
  3. น้องเคน – เด็กหญิงอภิสรา จันทร์แจ่ม อายุ 13 ปี จาก จ.สงขลา ป่วยด้วยภาวะปากแหว่งเพดานโหว่แต่กำเนิด กระทบต่อการพูด การกิน และการเรียน ถูกเพื่อนรังแกจนขาดความมั่นใจ
  4. น้องคิว – นายอนุสรณ์ ชนะมูล อายุ 15 ปี จาก จ.พิจิตร เคยหลงผิดในวัยเด็ก มีรอยสักเต็มใบหน้าและลำตัว ปัจจุบันต้องการกลับตัว และขอลบรอยสักเพื่อเตรียมสมัครเรียนต่อ

ด้าน นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี กล่าวว่า “เราทำงานกับเด็กและผู้หญิงทั่วประเทศมาหลายสิบปี และเห็นชัดว่าความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการรักษายังคงมีอยู่จริง เด็กหลายคนมีแผลที่รักษาได้ แต่ไม่เคยได้รับการรักษา เพราะไม่มีโอกาส ไม่มีเงิน ไม่มีคนพาไปโรงพยาบาล ความร่วมมือกับยันฮีที่ทั้งมีศักยภาพและหัวใจเมตตา คือคำตอบที่ดีที่สุด เพราะเราไม่ได้แค่ช่วย ‘รักษา’ แต่เราช่วยให้เขากลับมามีความหวังอีกครั้ง สิ่งที่ดูเหมือนเล็กสำหรับคนทั่วไป บางครั้งคือทั้งชีวิตของเด็กหนึ่งคน”

พญ.สิรินทรา กล่าวปิดท้ายว่า “เราจะไม่หยุดแค่โครงการนี้ แต่จะเดินหน้าทำต่อไป เพราะเราเชื่อว่าเยาวชนคืออนาคตของสังคม และในบางครั้ง แค่โอกาสเล็ก ๆ ที่เขาไม่เคยมี อาจทำให้เด็กคนหนึ่งลุกขึ้นมายืนอย่างมั่นคงในวันข้างหน้าได้ เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเริ่มต้นนั้น”

“โครงการนี้จึงนับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการส่งต่อโอกาสจากภาคเอกชนสู่สังคม ไม่เพียงช่วยพลิกชีวิตของเยาวชนทั้ง 4 คน แต่ยังสะท้อนถึงพลังแห่งความร่วมมือขององค์กรที่มีหัวใจเดียวกัน คือ หัวใจของ ‘การให้’ อย่างจริงใจ เราเชื่อว่า เมื่อร่างกายได้รับการเยียวยา จิตใจก็จะได้รับพลังใหม่ และพวกเขาจะสามารถก้าวต่อไปได้อย่างมั่นใจ เพราะในบางครั้ง… โอกาสเพียงหนึ่งครั้ง ก็สามารถเปลี่ยนชีวิตคนคนหนึ่งไปตลอดกาล”

โฮมโปร แตกไลน์บริการ เสริมแกร่งแบรนด์ “ผู้นำเรื่องบ้านครบวงจร” ดันบริการ “Home Inspection” เจาะตลาดคนซื้อบ้านใหม่ ตรวจบ้านมืออาชีพ พร้อมออกแบบบ้านในฝันฟรี!

โฮมโปร เดินหน้ารุกตลาดบริการด้านที่อยู่อาศัยเต็มรูปแบบ ตอกย้ำจุดแข็ง “ผู้นำค้าปลีกสินค้าและบริการเรื่องบ้านครบวงจร” ด้วยการเปิดให้บริการ ตรวจรับบ้าน ซ่อมบ้าน และปรับปรุงบ้าน ครอบคลุมทุกความต้องการของเจ้าของบ้านยุคใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพ ความปลอดภัย และความพร้อมก่อนเข้าอยู่อาศัย “Home Inspectionบริการตรวจรับบ้านอย่างมืออาชีพโดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ ด้วยเครื่องมือทันสมัย ครอบคลุม 15 หมวดงานสำคัญ อาทิ โครงสร้าง ระบบไฟฟ้า ระบบประปา และงานตกแต่ง ทำให้ลูกค้ามั่นใจทุกจุดก่อนรับโอนบ้านหรือเข้าอยู่ อาศัย ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล เชียงใหม่ ขอนแก่น และชลบุรี รองรับการนัดตรวจบ้านได้ภายใน 2 วัน พร้อมจัดส่งรายงานผลตรวจบ้านภายใน 3 วัน เพื่อสร้างประสบการณ์เรื่องบ้านที่ดีที่สุด และตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านบริการครบวงจรเรื่องบ้านอย่างแท้จริง

ในยุคที่เศรษฐกิจไม่เป็นใจแบบนี้ การจะมีบ้านสักหลังต้องคิดให้คุ้มค่าในทุกมิติ โฮมโปรเข้าใจถึงความต้องการของคนอยากมีบ้าน จึงมอบบริการตรวจรับบ้านก่อนเข้าอยู่ที่ “คุ้มค่าเหมือนได้ตรวจฟรี” ด้วยคุณภาพการตรวจที่เชื่อถือได้ บวกกับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายหลังโอนบ้าน ช่วยให้เจ้าของบ้านใหม่ไม่ต้องกังวลเรื่องงานซ่อม หรือความไม่พร้อมของบ้าน

นอกจากนี้โฮมโปรยังมอบบริการ “ออกแบบบ้านในฝันฟรี!” โดยทีมนักออกแบบมืออาชีพจากโฮมโปร ที่พร้อมให้คำปรึกษาเรื่องการวางแผนพื้นที่ การตกแต่งภายใน และการเลือกโทนสีที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล บริการนี้ช่วยให้ลูกค้าเห็นภาพบ้านในแบบที่ต้องการได้ชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมเปลี่ยนทุกตารางนิ้วให้กลายเป็นพื้นที่แห่งความสุขและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านบริการครบวงจรเรื่องบ้าน ที่โฮมโปรใส่ใจในทุกรายละเอียดตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวันเข้าอยู่อาศัย


ครบจบในที่เดียว ทั้งการตรวจบ้านและออกแบบบ้านใหม่ พร้อมส่วนลดพิเศษมากมายสำหรับเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และของแต่งบ้าน ตอบโจทย์เจ้าของบ้านยุคใหม่ที่ต้องการบ้านที่พร้อมเข้าอยู่ และสะท้อนความเป็นตัวเองอย่างแท้จริง

ผู้ที่สนใจสามารถจองบริการตรวจรับบ้าน “Home Inspection” หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการต่าง ๆ ของโฮมโปรได้ที่โฮมโปรทุกสาขาทั่วประเทศ หรือผ่านช่องทาง Call Center โทร. 1284 รวมถึงสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.homepro.co.th และแอปพลิเคชัน HomePro #HomeInspection #ตรวจบ้านคุ้มเหมือนได้ตรวจฟรี #ตรวจรับบ้านซ่อมบ้านปรับปรุงบ้าน #ช่างโฮมโปร #มือโปรประจำบ้านคุณ #โฮมโปร #HomePro #BetterLivingเพื่อชีวิตที่ดีกว่า #Homepropr

ครั้งแรกในไทย! gamescom asia x Thailand Game Show โอกาสครั้งใหญ่ เจาะตลาดเกม ปักหมุดธุรกิจสู่สายตานานาชาติ

โอกาสครั้งสำคัญมาถึงประเทศไทยแล้ว สุดยอดงานอีเว้นท์เกมระดับโลก งานที่ค่ายเกม – แบรนด์ดังชั้นนำต้องไม่พลาด gamescom asia x Thailand Game Show เปิดให้จับจองพื้นที่  เพื่อโอกาสทองทางธุรกิจ  เปิดประตูสู่ธุรกิจแนวใหม่บนตลาดเกมสู่สายตาระดับโลก  พร้อมให้ค่ายเกม แบรนด์ และเหล่าคอเกมได้สัมผัสงานเกมระดับโลกแบบครบทุกมิติ ตั้งแต่วันที่ 16 – 19 ตุลาคมนี้ ณ ศูนย์การ ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จับจองพื้นที่และดูรายละเอียด : https://bit.ly/3FyuDKG

ตอกย้ำความเป็นตัวจริงในภูมิภาคด้วย 3 รางวัลการันตี จากงาน Eventex Awards 2025  สำหรับงาน Thailand Game Show โดย “โชว์ไร้ขีด” และ “ออนไลน์ สเตชั่น” ภายใต้กลุ่มทรู ที่ไม่หยุดต่อยอดและพัฒนา งานเกมของคนไทยให้ก้าวสู่เวทีโลก นับเป็นความสำเร็จแบบก้าวกระโดด งาน Thailand Game Show สะท้อน ให้เห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมเกมไทย  ยกระดับให้ประเทศไทยเป็นฮับเกมอันดับต้นๆ ของเอเชียและยัง เป็นสะพานเชื่อมอุตสาหกรรมเกมของไทยสู่เวทีระดับโลก

โดยในปีนี้เสริมความแข็งแรงของงานด้วยการผนึกกำลังครั้งสำคัญกับงานเกมระดับโลก gamescom asia จัดสุดยอดมหกรรมงานเกม gamescom asia x Thailand Game Show  ให้แบรนด์ ค่ายเกม รวมไปถึงธุรกิจที่อยากเจาะตลาดคนเล่นเกม ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายสำคัญได้โดยง่าย และมีโอกาสเติบโตทางธุรกิจในตลาดเกมเอเชีย  ทั้งนี้งาน gamescom asia x Thailand Game Show  ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ ยังตั้งเป้าให้เป็นศูนย์กลางสำหรับเกมเมอร์ นักพัฒนา นักลงทุน จากทั่วโลก ด้วยพื้นที่ภายในงานที่แบ่งออกเป็นโซนธุรกิจ (B2B) และโซนความบันเทิง (B2C) เพื่อตอบโจทย์สูงสุดของการทำการตลาดให้กับแบรนด์

และในปี 2025 Thailand Game Show ขยายความยิ่งใหญ่จากงานเกมระดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สู่งานเกมประวัติศาสตร์ระดับโลก ดึงเอาจุดเด่นของ gamescom asia ที่แข็งแรงในเรื่องธุรกิจที่ตอบโจทย์การเติบโตในอุตสาหกรรมเกม เปิดพื้นที่กว่า 30,000 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นจากครั้งก่อน 40%  เพื่อนักลงทุนจากทั่วโลก และนักลงทุนไทยได้เจรจาธุรกิจ และขยายพื้นที่ความบันเทิงสำหรับคอเกม ด้วยการนำเสนอความมัน จากบรรดาค่ายเกมชั้นนำที่ยกกันมาประชันการเปิดตัวเกมใหม่ภายในงาน อุปกรณ์เกมมิ่งเกียร์ใหม่แกะกล่อง และแบรนด์ พาร์ทเนอร์ชั้นนำที่จัดขบวนความสนุกมาเสิร์ฟตลอดงาน

gamescom asia x Thailand Game Show พร้อมแล้ว เปิดโอกาสให้แบรนด์สินค้า ค่ายเกม และผู้พัฒนาเกมที่ต้องการเติบโตในอุตสาหกรรมเกมได้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายกว่า 200,000 คน มาจับจองพื้นที่ภายในงาน เพื่อนำไปสู่ประโยชน์ในการทำการตลาดและช่วยสร้างตัวตนของแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและจดจำได้ดีมากยิ่งขึ้น  

ก้าวเข้าทศวรรษที่ 2 ของ Thailand Game Show ไปพร้อมกัน ในงาน gamescom asia x Thailand Game Show  ระหว่างวันที่ 16 ถึง 19 ตุลาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  โดยจะแบ่งเป็นโซนธุรกิจ วันที่ 16-17 ตุลาคม 2568  และ โซนจัดแสดงเกม 17-19 ตุลาคม 2568 จองพื้นที่คลิกเลย  : https://bit.ly/3FyuDKG

เอเซอร์ร่วมส่งเสริมการเรียนรู้โดยออกแบบและจัดทำห้อง “Predator Lab” ให้คณะมนุษยศาสตร์ฯ ม.ราชภัฏกาญจนบุรี

บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด มุ่งมั่นสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพทางการศึกษาของนักศึกษาไทย โดยล่าสุดได้ร่วมมือกับคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี ในการออกแบบและจัดตั้ง “Predator Lab” ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัย รองรับการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล ด้วยอุปกรณ์คุณภาพจากแบรนด์ Predator ที่ได้รับความไว้วางใจจากคณะมนุษยศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี

ห้อง Predator Lab เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างเอเซอร์และคณะมนุษยศาสตร์ฯ หลังจากที่มหาวิทยาลัยได้จัดซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ Acer Predator ผ่าน “เค.เอส.วาย คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น” ตัวแทนจำหน่ายของแบรนด์ Acer  Predator เพื่อใช้งานในการเรียนการสอน ในการนี้เอเซอร์ได้ร่วมต่อยอดและสนับสนุนการออกแบบห้องปฏิบัติการอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้และสะท้อนถึงบทบาทของแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของนักศึกษาไทยในยุคดิจิทัล

ภายในห้อง Predator Lab นักศึกษาจะได้ใช้คอมพิวเตอร์ Acer Predator Orion 3000 ซึ่งมีสมรรถนะสูงรองรับการใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบกราฟิก การผลิตวิดีโอ หรือการพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรม ซึ่งจะช่วยพัฒนาทักษะที่สำคัญในการทำงานในโลกดิจิทัล

พิธีส่งมอบห้อง Predator Lab จัดขึ้นที่คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี โดยมีคณะผู้บริหารจากเอเซอร์และคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยเข้าร่วมแสดงความยินดีในโอกาสสำคัญนี้ โดยมี คุณณภัทร แสงประชาธนารักษ์ ผู้บริหารฝ่ายการตลาด, คุณณิชานันท์ คงมงคล ผู้จัดการฝ่ายขาย, และ คุณชลธิชา แซ่ย่าง ฝ่ายการตลาด จาก เค.เอส.วาย คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น พร้อมด้วย อาจารย์วีระวัฒน์ อุดมทรัพย์ คณบดีคณะมนุษยศาสตร์ฯ และ อาจารย์แพรว พิมพ์โพธิ์ รองคณบดีฯ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี

เอเซอร์ กล่าวเสริมว่า “เรารู้สึกยินดีและภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนการพัฒนาการศึกษา ห้อง Predator Lab เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการทำงานร่วมกันระหว่างภาคการศึกษาและภาคเอกชน เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล โดยใช้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูงสุด เรามั่นใจว่า ห้องแล็บแห่งนี้จะเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่สำคัญสำหรับนักศึกษาที่ต้องการพัฒนาทักษะในด้านต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยเตรียมความพร้อมให้กับนักศึกษาในการทำงานในอนาคต”

ความร่วมมือในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการสนับสนุนการเรียนรู้ แต่ยังเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานในโลกดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเสริมสร้างความพร้อมในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต

Predator Lab จึงเป็นสัญลักษณ์ของความตั้งใจของเอเซอร์ในการสนับสนุนการศึกษาและการพัฒนาศักยภาพของคนรุ่นใหม่ เพื่อให้ก้าวทันและเติบโตไปพร้อมกับโลกดิจิทัลอย่างมั่นคงและยั่งยืน

“ไวไว” เปิดศึกบะหมี่พรีเมียม ส่ง ‘Waiwai WOW’ เขย่าบัลลังก์เจ้าตลาด ด้วยราคา 11 บาท

ไวไว เดินเกมรุกตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 30,000 ล้าน เปิดตัว ‘Waiwai WOW’ สินค้ากลุ่มพรีเมียมเขย่าบัลลังก์เจ้าตลาด ชูกลยุทธ์ราคาเข้าถึงได้ เพียงซองละ 11 บาท หลังพฤติกรรมผู้บริโภคให้การยอมรับสินค้าพรีเมียม ประเดิมส่ง 2 รสชาติเกาหลี-ญี่ปุ่น “รสโคเรี่ยน สไปซี่ซีฟู้ด และรสแกงกะหรี่ญี่ปุ่นชีส” เสิร์ฟความอร่อยจากเส้นและซุปที่มีรสชาติเข้มข้น เจาะกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น คาดกวาดยอดขายปีแรก 300 ล้าน ในตลาดรวม Premium ที่มีสัดส่วน 10-15% หรือประมาณ 3,000-4,500 ล้าน พร้อมตั้งเป้า 3 ปีโกยแชร์ 25%

นายยศสรัล แต้มคงคา ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์ไวไว (WaiWai) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทได้เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในกลุ่มพรีเมียม แบรนด์ไวไว ว้าว (Waiwai WOW) ในราคา 11 บาท เพื่อบุกตลาดกลุ่มบะหมี่พรีเมียมที่มีอัตราการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง จากการเห็นโอกาสทางการตลาดหลังทำการศึกษาข้อมูลและวิจัยตลาดมานาน ซึ่งพบว่าผู้บริโภคในยุคปัจจุบันให้การยอมรับกับสินค้ากลุ่มพรีเมียมมากขึ้น

“นับตั้งแต่มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากเกาหลี เข้ามาทำตลาดกลุ่มพรีเมียมซึ่งวางขายในราคาซองละ 55 บาท ซึ่งปัจจุบันมองเห็นว่าเป็นโอกาสและจังหวะที่ดีจะเปิดตัวสินค้าใหม่ เพราะผู้บริโภคให้การยอมรับทั้งเรื่องของรสชาติและราคา ซึ่งในท้องตลาดยังมีสินค้าจากแบรนด์อื่นที่ทำตลาดกลุ่มพรีเมียมด้วย โดยขายซองละ 15 บาท และยังพบว่าปัจจุบันสินค้ากลุ่มพรีเมียมเติบโตสูงด้วยตัวเลข 2 หลัก แต่สินค้าทั่วไปที่ขายซองละ 7 บาทเติบโตเพียงตัวเลขหลักเดียวเท่านั้น”

จากความพร้อมด้านผลิตภัณฑ์และโอกาสทางตลาด บริษัทจึงเปิดตัวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปพรีเมียม “ไวไว ว้าว (Waiwai WOW)” บุกตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปพรีเมียม ซึ่งในเบื้องต้นจะเปิดตัว 2 รสชาติ ได้แก่ รสโคเรี่ยน สไปซี่ซีฟู้ด (Korean spicy seafood) และรสแกงกะหรี่ญี่ปุ่นชีส (Japanese curry cheese) โดยเบื้องต้นวางจำหน่ายในร้าน 7-11 ทุกสาขาก่อน 1 เดือน หลังจากนั้นจะกระจายไปยังช่องทางต่าง ๆ ทั้งโมเดิร์นเทรดและร้านค้าทั่วไป  นอกเหนือจาก 2 รสชาติดังกล่าว บริษัทวางแผนเปิดตัวรสชาติใหม่เพิ่มอีก 4 รสชาติ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2569

สำหรับ “ไวไว ว้าว (Waiwai WOW)” บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายในปีแรกประมาณ​ 300 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 10% ของตลาดรวม Premium ที่มีสัดส่วนประมาณ 10-15 % หรือ ประมาณ 3,000-4,500 ล้านบาท ในมูลค่าตลาดรวมประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยภายในระยะ 3 ปี ตั้งเป้าหมายว่าจะมียอดขายคิดสัดส่วน 25% ของมูลค่าตลาดพรีเมียม

โดยการบุกตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในกลุ่มพรีเมียมครั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะมีส่วนผลักดันให้ผลประกอบการโดยรวมเติบโตอย่างต่อเนื่อง และช่วยเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดแบรนด์ไวไวให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งตั้งเป้าหมายจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดขึ้นเป็น 25% ภายในระยะ 3 ปีนับจากนี้

นายยศสรัล กล่าวอีกว่า  การเปิดตัว “ไวไว ว้าว (Waiwai WOW)” ได้ใช้กลยุทธ์ด้านราคาขายซองละ 11 บาท ซึ่งเป็นราคที่ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่าย เพราะราคาเพิ่มขึ้นเพียง 4 บาทจากราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปปกติที่จำหน่ายซองละ 7 บาทเท่านั้น และยังถือว่าต่ำกว่าแบรนด์คู่แข่งในตลาดที่จำหน่ายซองละ 15 บาทด้วย จึงมั่นใจว่าสินค้าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคอย่างแน่นอน นอกจากการใช้กลยุทธ์ด้านราคา​ บริษัทยังให้ความสำคัญในเรื่องรสชาติที่มีการพัฒนามาจากต้นตำรับแท้ ๆ จากเกาหลีและญี่ปุ่น จึงเชื่อว่าหากลูกค้าได้ทดลองสินค้าใหม่ จะชื่นชอบรู้สึก WOW อย่างแน่นอน เนื่องจากตัวเส้นมีความพิเศษ เป็นรสชาติสัมผัสใหม่จากไวไว ที่ได้รับการพัฒนามาอย่างดี

ขณะเดียวกันบริษัทยังมีแผนการตลาดและกลยุทธ์การตลาดอื่น ๆ เสริมอย่างต่อเนื่อง โดยจัดสรรงบประมาณการตลาด 10-15% ของยอดขาย เพื่อสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ อาทิ การพัฒนาเกมออนไลน์ หรือการเข้าร่วมกับเกมออนไลน์ในการทำกิจกรรมการตลาด  การใช้กลยุทธ์มิวสิค มาร์เก็ตติ้ง เพื่อสร้างแบรนด์กับกลุ่มเด็กและวัยรุ่นตามโรงเรียนต่าง ๆ การใช้กลยุทธ์สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง เพื่อสื่อสารการตลาด เป็นต้น

“กลุ่มเป้าหมายหลักเบื้องต้นเป็นกลุ่มวัยรุ่น ที่จะมีการสื่อสารและสร้างแบรนด์โดยใช้ช่องทางออนไลน์ และกิจกรรมการตลาดต่าง ๆ แต่กลุ่มเป้าหมายสำคัญสำหรับของแบรนด์ไวไว ว้าวคงเป็นผู้บริโภคทุกคน”  นายยศสรัล กล่าวและว่า

สำหรับทิศทางตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในช่วงที่ผ่านมา ถือว่ามีความคึกคักพอสมควรจากการเปิดตัวรสชาติใหม่ของแบรนด์ต่าง ๆ แต่การเติบโตยังอยู่ในอัตราเลขตัวเดียว ส่วนช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าภาพรวมตลาดยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่ยังคงบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่างต่อเนื่อง และภาพรวมตลาดบะหมี่ในช่วงครึ่งปีหลังยังคงคึกคักจากการที่แต่ละแบรนด์มีการออกสินค้าใหม่มาทำตลาดด้วย​ โดยเฉพาะตลาดบะหมี่ในกลุ่มพรีเมียมซึ่งมีอัตราการเติบโตด้วยตัวเลข 2 หลักทุกปี และปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 10% ของมูลค่าตลาดรวม คิดเป็นมูลค่า 3,000 ล้านบาท คาดว่าปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 4,000 ล้านบาทด้วย​

สคส. คว้ารางวัล GDCC ตอกย้ำบทบาทผู้นำด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลพร้อมยกระดับแพลตฟอร์มภาครัฐสู่มาตรฐานสากล

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) โดยสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) จัดงานยิ่งใหญ่ประจำปี “GOV Cloud 2025: Empowering Thailand Government with GDCC Open Data” ณ ห้อง NT Auditorium อาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) เพื่อย้ำบทบาทผู้นำด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของภาครัฐไทย

 โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการ สดช. กล่าวต้อนรับอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางผู้บริหารระดับสูง หน่วยงานรัฐ และพันธมิตรด้านเทคโนโลยีทั้งในและต่างประเทศ

หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของงานคือพิธีมอบรางวัล “GDCC Gov Cloud ประจำปี 2568” เพื่อยกย่องหน่วยงานภาครัฐที่ใช้เทคโนโลยีคลาวด์ภาครัฐ (GDCC) อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้ในการยกระดับบริการประชาชน พร้อมส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศสู่อนาคตที่มั่นคง

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC ได้รับ “รางวัล GDCC กับการขับเคลื่อนความเชื่อมั่น” จากการพัฒนาแพลตฟอร์มภาครัฐ เพื่อรองรับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในยุคดิจิทัล

พ.ต.อ. สุรพงศ์ เปล่งขำ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กล่าวว่า
“รางวัลนี้เป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของสำนักงานฯ ในการวางรากฐานกลไกการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่สอดรับกับนโยบายความมั่นคงไซเบอร์ของประเทศ พร้อมยกระดับระบบดิจิทัลภาครัฐสู่ความโปร่งใส ปลอดภัย และเชื่อถือได้ เราจะเดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มและบริการที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลของประชาชนอย่างแท้จริง

โดยเฉพาะจากการพัฒนาแพลตฟอร์มภาครัฐเพื่อรองรับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในยุคดิจิทัลนั้น ได้สะท้อนประโยชน์เชิงประจักษ์ในหลายมิติ ทั้งด้านการให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อยกระดับการบริการสาธารณะให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ ยังมีบทบาทสำคัญในการลดต้นทุนภาครัฐ โดยช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายที่หน่วยงานรัฐเคยต้องจ่ายให้กับคอมเมอร์เชียลซอฟต์แวร์ราคาสูง ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการลงทุนด้านดิจิทัลอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังสนับสนุนแนวทางการรวมศูนย์หน่วยงานภาครัฐ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความคล่องตัว และการบริหารจัดการข้อมูลในระดับประเทศอย่างเป็นระบบ

สำหรับรางวัล “GDCC Gov Cloud” ประจำปี 2568 มีการพิจารณาจาก 6 มิติ ได้แก่

  • โครงสร้างพื้นฐาน
  • เศรษฐกิจ
  • สังคม
  • รัฐบาลดิจิทัล
  • การพัฒนากำลังคน
  • ความเชื่อมั่น

งานดังกล่าวยังมีการจัดเสวนาเชิงนโยบายเกี่ยวกับ Cloud First, PDPA และ Cybersecurity การบรรยายจากผู้ให้บริการคลาวด์ชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงนิทรรศการเผยแพร่แนวทางการใช้งาน GDCC เพื่อประโยชน์สูงสุด

พ.ต.อ. สุรพงศ์ เปล่งขำ กล่าวปิดท้ายว่า “สคส.หรือ PDPC จะยึดมั่นพันธกิจคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด พร้อมเดินหน้าสู่การเป็นหน่วยงานต้นแบบด้านการบริหารจัดการข้อมูลในยุคดิจิทัล ที่ไม่เพียงคุ้มครองสิทธิประชาชน แต่ยังส่งเสริมความเชื่อมั่นในระบบดิจิทัลของภาครัฐ เพื่ออนาคตที่มั่นคง โปร่งใส และยั่งยืนของประเทศ”

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC ขอยืนยันเจตนารมณ์เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทยอย่างมีประสิทธิภาพ และยกระดับความเชื่อมั่นของสังคมในยุคดิจิทัลต่อไป

สำหรับประชาชนที่พบเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล สามารถติดต่อ

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.)

โทร. 02-111-8800 หรืออีเมล: saraban@pdpc.or.th

โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน “ฆาตกรเงียบ” ที่คร่าชีวิตโดยไม่มีสัญญาณเตือน รู้ทันก่อนสายเกินไป

“โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน” หรือ Coronary Artery Disease คือโรคที่ถูกขนานนามว่า
“ฆาตกรเงียบ” เพราะสามารถพรากชีวิตคนคนหนึ่งไปได้อย่างไม่ทันตั้งตัว แม้ผู้ป่วยจะเคยผ่านการรักษาอย่างจริงจังมาแล้วในอดีตก็ตาม โดยข้อมูลจากสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ ระบุว่า คนไทยเสียชีวิตจากโรคหัวใจเฉลี่ยปีละกว่า
20,000 ราย หรือคิดเป็น 2 รายต่อชั่วโมง ขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า โรคหัวใจและหลอดเลือดคือสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของโลก และในประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคหัวใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยปีละ 4–5 แสนราย

“โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน” จึงไม่ใช่เพียงเรื่องของการรักษาเพียงครั้งเดียว แต่คือการดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต เพื่อป้องกันไม่ให้มันย้อนกลับมาทำร้ายเราอีกครั้ง โดยเฉพาะในวันที่เราคิดว่าทุกอย่างปลอดภัยดีแล้ว

นพ.วิสุทธิ์ เกตุแก้ว อายุรแพทย์ด้านโรคหัวใจ โรงพยาบาลพระรามเก้า ให้ข้อมูลว่า โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน (Coronary Artery Disease) เกิดจากการสะสมของไขมันและคราบหินปูนในผนังหลอดเลือดหัวใจ ทำให้หลอดเลือดตีบแคบลง ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ไม่เพียงพอ หากปล่อยไว้อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจขาดเลือด หรือรุนแรงจนหัวใจวายเฉียบพลันถึงขั้นเสียชีวิตได้ สำหรับกลุ่มผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงจะเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ

  • กลุ่มที่ยังไม่เคยมีอาการ หรือไม่เคยเป็นโรคหัวใจมาก่อน เช่น คนวัยทำงาน หรือคนรุ่นใหม่ที่ดูแข็งแรง ไม่มีประวัติเจ็บป่วย แต่อาจจะมีปัจจัยเสี่ยงโดยไม่รู้ตัว หรือรู้แต่ไม่ได้ควบคุมปัจจัยเสี่ยงนั้น
  • กลุ่มผู้ที่เคยมีประวัติเป็นโรคหัวใจมาก่อน แม้จะได้รับการรักษาไปแล้ว เช่น เคยทำบอลลูนหัวใจ หรือผ่าตัดบายพาสหลอดเลือดหัวใจ ผู้ป่วยกลุ่มนี้นับว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจสูงกว่ากลุ่มแรก  หากไม่ควบคุมพฤติกรรมและโรคร่วมอย่างจริงจัง

ที่น่ากังวลคือ แนวโน้มผู้ป่วยอายุน้อยมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2–3 ปีที่ผ่านมา โดยมักมีปัจจัยเสี่ยงแอบแฝง เช่น การสูบบุหรี่ (รวมถึงบุหรี่ไฟฟ้า) การใช้สารเสพติด (โดยเฉพาะกัญชา ยาบ้า แอมเฟตามีน) การทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ความเครียดเรื้อรัง และการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง โดยเฉพาะในสังคมเมือง นอกจากนี้ มลภาวะ PM 2.5 ยังถูกระบุว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เร่งให้เกิดภาวะหลอดเลือดหัวใจอุดตันได้มากขึ้น

นพ.วิสุทธิ์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า อาการของโรคหลอดเลือดหัวใจแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ คือ แบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง ในรายที่เกิดแบบเฉียบพลัน (Acute Myocardial Infarction) ผู้ป่วยอาจจะไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า อาจรู้สึกแน่นกลางหน้าอกเหมือนถูกกดทับ เหงื่อแตก ตัวเย็น หน้ามืด หรือปวดร้าวไปที่แขนซ้ายหรือกราม ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทั้งในขณะที่กำลังพักผ่อน หรือหลังการออกแรง หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที หัวใจอาจหยุดเต้นและเสียชีวิตได้ทันที

ส่วนในกรณีแบบเรื้อรัง (Chronic Coronary Syndrome) ผู้ป่วยมักจะเริ่มมีอาการเหนื่อยง่ายขึ้นเมื่อออกแรง เช่น การเดินขึ้นบันได ยกของหนัก หรือออกกำลังกาย โดยอาจจะมีความรู้สึกแน่นหน้าอก หรือจุกบริเวณลิ้นปี่ร่วมด้วย ซึ่งผู้ป่วยบางรายมักมองข้าม คิดว่าเป็นแค่อาการเหนื่อยปกติ จนปล่อยให้โรคดำเนินไปอย่างช้า ๆ

สำหรับแนวทางการรักษาในปัจจุบันขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค ตั้งแต่การรับประทานยาเพื่อควบคุมอาการ ไปจนถึงการทำบอลลูนใส่ขดลวด (Coronary Stent) เพื่อขยายหลอดเลือด และในบางรายอาจต้องผ่าตัดบายพาส (Coronary Artery Bypass Graft Surgery) เพื่อเชื่อมทางเดินเลือดใหม่โดยใช้หลอดเลือดจากส่วนอื่นของร่างกาย อย่างไรก็ตาม แม้จะทำการรักษาแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหายขาดได้ตลอดชีวิต หากไม่ควบคุมโรคร่วม เช่น เบาหวาน ความดัน หรือไขมันในเลือด ก็มีโอกาสที่โรคหัวใจจะกลับมาเป็นใหม่ได้

นพ.วิสุทธิ์ กล่าวปิดท้ายว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือ “การป้องกัน” และการรู้เท่าทันกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะผู้ที่อายุ 40 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจคัดกรองสุขภาพหัวใจอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะหากมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจตั้งแต่อายุน้อย ควรเริ่มตรวจตั้งแต่อายุ 30 ปี และหากตรวจพบความเสี่ยงตั้งแต่เนิ่น ๆ  ก็สามารถวางแผนควบคุมปัจจัยเสี่ยงหรือรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดโอกาสเกิดเหตุการณ์เฉียบพลันได้อย่างมาก

สำหรับการตรวจคัดกรองหัวใจที่สามารถช่วยให้พบความผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยแพทย์จะเริ่มจากการประเมินความเสี่ยงรายบุคคล (Heart Risk Assessment) เช่น การเจาะเลือดเพื่อหาปัจจัยเสี่ยง หรือตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์เพื่อวัดปริมาณแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Calcium Score) รวมถึงการตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกายบนสายพาน (Exercise Stress Test) หากพบความผิดปกติ แพทย์จะพิจารณาตรวจเพิ่มเติม เช่น การฉีดสีหลอดเลือดหัวใจด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CTA Coronary Artery) หรือการสวนหัวใจฉีดสี (Coronary Angiogram) เพื่อประเมินความรุนแรงและวางแผนรักษาอย่างเหมาะสมโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และหากตรวจพบความเสี่ยงตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็สามารถวางแผนควบคุมหรือรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดโอกาสเกิดเหตุการณ์เฉียบพลันได้อย่างมาก

“โรคหลอดเลือดหัวใจ” จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะสามารถเกิดได้กับคนทุกวัย แม้แต่คนที่ดูสุขภาพแข็งแรงก็ตาม ทุกคนจึงควรหันมาใส่ใจดูแลหัวใจของตัวเองตั้งแต่วันนี้ ด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ (Moderate-intensity Aerobic Exercise) อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ ดูแลตัวเองในด้านโภชนาการทางอาหาร เน้นทานผัก ผลไม้ ธัญพืช ลดอาหารที่มีปริมาณคอเลสตอรอลและโซเดียม หลีกเลี่ยงอาหารไขมันทรานส์ อาหารแปรรูป และของหวานจัด หยุดสูบบุหรี่ และเลี่ยงสารเสพติด รวมถึงตรวจสุขภาพเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคร่วมอย่างเบาหวาน, ไขมันในเลือดสูง หรือความดันโลหิตสูง ก็เป็นหนึ่งในการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด 

สำหรับผู้ที่พบว่าตัวเองมีความเสี่ยง สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน” ได้ที่ โทร. 1270 หรือ Line: https://lhco.li/3YR7rhZ และ Facebook: Praram9 Hospital โรงพยาบาลพระรามเก้าHEALTHCARE YOU CAN TRUST เรื่องสุขภาพ…ไว้ใจเรา #Praram9Hospital