“หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน” ภัยเงียบคร่าชีวิตในไม่กี่นาที ไม่เลือกวัย ไม่เลือกอาการ แพทย์เตือนต้องรู้เท่าทันก่อนสายเกินแก้

ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Sudden Cardiac Arrest) เป็นภัยคุกคามที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นคนวัยทำงาน นักกีฬา หรือผู้ที่คิดว่าตนเองมีสุขภาพแข็งแรง กลไกสำคัญที่ทำให้เสียชีวิตอย่างรวดเร็วคือ การเต้นผิดจังหวะชนิดรุนแรงของหัวใจ ไม่ใช่ภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรังอย่างที่เข้าใจ ซึ่งจะทำให้หัวใจหยุดทำงานภายในเสี้ยววินาที และหากไม่ได้รับการช่วยเหลือที่ถูกต้องทันที โอกาสรอดชีวิตจะต่ำมาก

นพ.ณัฐพล เก้าเอี้ยน อายุรแพทย์โรคหัวใจ อธิบายว่า กลไกอันตรายเริ่มต้นจากภาวะเต้นผิดจังหวะรุนแรง เช่น Ventricular Tachycardia (VT) หรือ Ventricular Fibrillation (VF) ภาวะเหล่านี้คือการที่หัวใจห้องล่างเกิดการสั่นพริ้ว (Fibrillation) จนสูญเสียประสิทธิภาพในการสูบฉีดเลือด แม้หัวใจจะยังดูเหมือนมีการเคลื่อนไหว แต่เลือดไม่สามารถถูกส่งไปเลี้ยงสมองได้ ผู้ป่วยจึงล้มลง หมดสติทันที หากไม่ได้รับการช่วยเหลือที่ถูกต้องและทันท่วงที โอกาสรอดชีวิตจะลดลงจนแทบเป็นศูนย์

  “สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ ผู้ป่วยจำนวนมากดูแข็งแรงดีมากก่อนเกิดเหตุ บางคนยังยิ้ม พูดคุย หรือวิ่งออกกำลังกาย แต่ในวินาทีต่อมา หัวใจอาจสั่นพริ้วจนเหมือนหยุดเต้น และอาการแรกของบางคนคือการล้มลงทันที”

สาเหตุพื้นฐานของการเต้นผิดจังหวะชนิดรุนแรงมีหลายประเด็น โดยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเฉียบพลัน (Acute Coronary Artery Disease) เป็นสาเหตุอันดับหนึ่ง เกิดจากคราบไขมันในหลอดเลือดหัวใจแตกและอุดตันฉับพลัน ทำให้หัวใจขาดเลือดกะทันหัน และกระตุ้นให้เกิดภาวะเต้นผิดจังหวะอันตรายได้ทันทีแม้บางรายเพิ่งตรวจสุขภาพและผลตรวจยังปกติ เพราะคราบไขมันแตกสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลาโดยไม่มีสัญญาณเตือน

นพ.ณัฐพล ให้ข้อมูลต่อว่า นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นที่มักถูกมองข้าม เช่น ความผิดปกติของโครงสร้างกล้ามเนื้อหัวใจ เช่น Dilated Cardiomyopathy (หัวใจโตและบีบตัวอ่อนแรง) หรือ Hypertrophic Cardiomyopathy (ความผิดปกติทางพันธุกรรมที่กล้ามเนื้อหัวใจหนาตัว) รวมถึง Myocarditis การอักเสบจากติดเชื้อ และรอยแผลเป็นในกล้ามเนื้อหัวใจ ซึ่งสามารถทำให้ระบบไฟฟ้าหัวใจผิดปกติจนเกิดภาวะหยุดเต้นได้ ขณะเดียวกัน โรคทางพันธุกรรมของระบบไฟฟ้าหัวใจ เช่น Brugada syndrome และ Long QT syndrome ก็เป็นปัจจัยอันตราย โดยเฉพาะ Brugada syndrome ซึ่งพบมากในคนไทยและเป็นสาเหตุสำคัญของ “การใหลตาย”

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค ส่วนใหญ่มักเกิดจากไลฟ์สไตล์และสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มโอกาสการเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น เช่น การสูบบุหรี่ การพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียดสูง การหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep apnea) การใช้ยาบางชนิด และการใช้สารเสพติด  

นพ.ณัฐพล ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หากมีอาการแน่นหน้าอก เหนื่อยง่ายผิดปกติ ใจสั่น หรือเคยวูบหมดสติแม้เพียงครั้งเดียว ต้องรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อตรวจเชิงลึก เพราะอาจเป็นสัญญาณของระบบไฟฟ้าหัวใจผิดปกติหรือโรคหลอดเลือดหัวใจซ่อนตัว น่าตกใจที่ผู้ป่วยจำนวนมากไม่มีอาการเตือนมาก่อน ต่างจากความเข้าใจทั่วไปที่คิดว่าหัวใจจะต้องเจ็บหน้าอกเป็นเวลานานก่อนเกิดเหตุจริง “ความจริงคืออาการแรกของบางคน… คือการล้มลงทันที”

การตรวจหัวใจอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง (เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, ไขมันสูง, สูบบุหรี่, อ้วน, หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจ)

แพทย์อาจใช้การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG), เอกซเรย์ทรวงอก, ตรวจเลือด, อัลตราซาวด์หัวใจ (Echo), การทดสอบสมรรถภาพหัวใจด้วยสายพาน (Stress test) หรือ MRI หัวใจ เพื่อตรวจหาความผิดปกติ และหากสงสัยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ อาจพิจารณาทำการสวนหัวใจ และทำบอลลูนหรือผ่าบายพาส ทั้งหมดเพื่อประเมินความเสี่ยงเชิงรุก ป้องกันเหตุร้ายที่ไม่ควรเกิด

เมื่อเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน การช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีเป็นสิ่งสำคัญที่สุด การทำ CPR ช่วยพยุงการไหลเวียนเลือดไปยังสมองได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่มีบทบาทในการช่วยชีวิต คือเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) ซึ่งสามารถช็อกหัวใจที่สั่นพริ้วให้กลับมาทำงานตามปกติได้ทันที การกดหน้าอกอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ หากมี AED อยู่ใกล้ โอกาสรอดชีวิตจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า นี่คือเหตุผลที่พื้นที่สาธารณะควรมีเครื่อง AED ให้พร้อมใช้งาน และประชาชนควรได้รับการอบรม CPR ขั้นพื้นฐาน”

นพ.ณัฐพล กล่าวปิดท้ายว่า “การป้องกันคือเกราะที่ดีที่สุด” การนอนหลับให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มและหวานจัด งดสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงสารเสพติด ลดความเครียด ควบคุมโรคประจำตัว และตรวจสุขภาพหัวใจเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมาก แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือ การไม่ละเลยสัญญาณผิดปกติที่ร่างกายกำลังบอกเรา

ศรัทธาเสื่อมโทรม อำนาจเสื่อมทราม สาธุ ๒ ส่งแคมเปญ “พุทธ Politics” สะเทือนวงการ อุ่นเครื่องพลังศรัทธาก่อนรับชมภารกิจเมกะโปรเจกต์บุญครั้งใหม่ 4 ธันวาคมนี้ ที่ Netflix

สร้างปรากฏการณ์สะเทือนโลกโซเชียลอีกครั้ง เมื่อ Netflix เปิดตัวแคมเปญ “พุทธ Politics” ที่เรียกเสียงฮือฮาไปทั้งประเทศ เพื่อปูพรมต้อนรับกับซีรีส์สะท้านศรัทธา สาธุ ๒ โดยเริ่มจากการปล่อยคลิปเสียงหลุดสุดฉาวของ สจ. เอ๋ ชไมพร ต่อเนื่องด้วยซีรีส์คลิปวิดีโอตามหาแคนดิเดตทีมฟอกบุญ ที่ได้ HR อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังอย่าง มอส-มัดจุก มาร่วมคัดเลือกผู้สมัครหัวกะทิร่วมกับนักแสดงหลัก ก่อนขยี้ต่อด้วยการเปิดตัวพรรคธรรมพัฒนา พรรคการเมืองใหม่อย่างเต็มรูปแบบ และปิดท้ายแคมเปญด้วยการจัดอีเวนต์ใหญ่ “สาธุแฟร์” เพื่อนำประสบการณ์เต็มรูปแบบจาก สาธุ ๒ ออกมาให้แฟนๆ ซีรีส์ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลสาธุ

แคมเปญ “พุทธ Politics” จาก Netflix เริ่มต้นด้วยการปล่อยคลิปเสียงสนทนาลับ เปิดโปงบทสนทนาสุดฉาวของ
“สจ. เอ๋ ชไมพร” (รับบทโดย โดนัท มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล) ที่แง้มให้เห็นถึงภารกิจสุดอันตรายใน สาธุ ๒ กับโปรเจคฟอกบุญครั้งใหญ่ ก่อนจะปล่อยอีกหนึ่งไฮไลท์ของแคมเปญกับการตามหาทีมฟอกบุญ ที่เบลอเส้นแบ่งระหว่างโลกจริงและโลกซีรีส์จนแยกไม่ออกกับคอนเทนต์ซีรีส์ที่ได้ “มอส-มัดจุก และมายด์” อินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามรวมกว่าหนึ่งล้านคน มาร่วมเป็นคณะกรรมการสัมภาษณ์ร่วมกับทีมนักแสดงหลัก ทั้ง สจ.เอ๋, วิน และเกม เพื่อเฟ้นหาทีมงานร่วมเมกะโปรเจกต์บุญสุดอันตราย โดยมีเหล่าคนดังและอินฟลูเอนเซอร์แถวหน้าของวงการตบเท้าเข้ามาเป็นแคนดิเดท เปิดซีรีส์สัมภาษณ์ด้วยด้วย ต่อ Jito ครีเอเตอร์ที่พกความรู้ด้านพุทธศาสนามาเต็มกระเป๋า ที่ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี ปลุกกระแสแฟนๆ สาธุ ๒ ที่ต่างเรียกร้องรอติดตามคลิปสัมภาษณ์แคทดิเดทคนต่อไป

ต่อเนื่องกับเฟสที่สามหลังได้สมาชิกโปรเจคบุญ กับการเปิดตัว สจ.เอ๋ ผู้สมัครจากพรรคธรรมพัฒนา หรือ ธพน. พรรคการเมืองใหม่จาก สาธุ ๒ ที่ชูนโยบุญ น้อมนำหลักธรรมพุทธศาสนามาพัฒนาการเมืองให้ก้าวหน้า ด้วยคลิปหาเสียงที่เผยให้เห็นรายละเอียดบางส่วนของเหล่าโครงการเมกะโปรเจกต์บุญ เพื่อปลายทางในการฟื้นฟูวัดหนองขาลให้กลายเป็นศูนย์กลางการฟอกเงินผ่านศรัทธาในรูปแบบใหม่ที่ซับซ้อนและอันตรายกว่าเดิม ก่อนไปปิดท้ายแคมเปญ พุทธ Politics อย่างสมบูรณ์ ด้วยการนำประสบการณ์ทั้งหมดจากสตรีมมิ่งมาสู่โลกแห่งความจริงในกิจกรรม “สาธุแฟร์” ที่ขอเชิญชวนสาธุชนและแฟนซีรีส์มาร่วมสร้างบุญและรับผลบุญทันตาเห็น ผ่าน 4 ฐานมหาบุญ, เพลิดเพลินกับมงคลมาร์เก็ต และกระทบไหล่ทีมนักแสดงจากซีรีส์ สาธุ ๒ อย่างใกล้ชิด โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-7 ธันวาคมนี้ ณ ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์

ทั้งหมดนี้คือการผสมผสานหลากกลยุทธ์ที่เกิดเป็นแคมเปญ Integrated Marketing แบบไร้รอยต่อ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความกล้าในการทำ Controversial Content ที่สะท้อนความเป็นจริงในสังคมได้อย่างเฉียบคม ก่อนจะไปติดตามบทสรุปความเข้มข้นชวนสะท้านศรัทธาทั้งหมดพร้อมกันใน สาธุ ๒ วันที่ 4 ธันวาคมนี้ เวลา 15.00 น. ที่ Netflix เท่านั้น!

พลพล – เปาวลี แท็กทีมจิตอาสา ส่งต่อรอยยิ้มถึงชุมชน โครงการ ราษฎรสุขใจ พลานามัยสมบูรณ์ แพทย์พระราชทาน โดย สำนักงานพระคลังข้างที่และแพทย์อาสา

สองศิลปินเสียงนุ่มจากจีเอ็มเอ็ม มิวสิค “พลพล และ เปาวลี” ขอพักไมค์ชั่วคราว แล้วหยิบหัวใจอาสา ขึ้นมาทำความดี ด้วยการร่วมกิจกรรมจิตอาสา ส่งต่อรอยยิ้มและให้กำลังใจทีมแพทย์ พยาบาล จิตอาสา คณะทำงานและผู้เข้ารับบริการด้านทันตกรรม ในโครงการ “ราษฎรสุขใจ พลานามัยสมบูรณ์ แพทย์พระราชทาน” ซึ่งสำนักงานพระคลังข้างที่ ร่วมกับ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุพาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และหน่วยงานภาคี ร่วมมือขับเคลื่อนโครงการฯ เพื่อบรรลุเป้าหมายในการส่งเสริมให้ประชาชนที่อยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ แม้ในพื้นที่ห่างไกลได้เข้าถึงการรักษาอย่างเท่าเทียม ทันท่วงที อันเป็นการสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการพัฒนาประเทศชาติให้มีความมั่นคง และประชาชนมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี สอดคล้องกับการขับเคลื่อนความเท่าเทียมในการเข้าถึงระบบริการสุขภาพ หนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งนับแต่ปี 2565 โครงการฯ ได้ดำเนินการออกหน่วย รวมจำนวน 57 ครั้ง ครบทุกภูมิภาค ครอบคลุมพื้นที่ 32 จังหวัด มีส่วนช่วยเหลือให้ประชาชนเข้าถึงการผ่าตัดรักษาโรคตา บริการทันตกรรม และตรวจรักษาโรคผิวหนัง เป็นจำนวนรวม 27,415 ราย

สำหรับการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ครั้งนี้ ให้บริการต้านทันตกรรม ได้แก่ ตรวจสุขภาพช่องปาก ขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน ผ่าฟันดุด และให้ทันตสุขศึกษา แก่ประชาชนในพื้นที่ชุมชนเมือง จำนวน 303 ราย โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งความพิเศษของวันนี้มี พลพล และ เปาวลี ลงพื้นที่ช่วยดูแลผู้เข้ารับบริการอย่างใกล้ชิด ทั้งรับลงทะเบียน วัดความดัน อำนวยความสะดวกจนถึงมือแพทย์ และร่วมมอบของที่ระลึกชุดดูแลฟัน พร้อมส่งต่อรอยยิ้มตลอดงาน ทำให้บรรยากาศสดใส เพราะมีทั้งเสียงหัวเราะและความเป็นกันเองที่ช่วยเติมพลังใจให้ประชาชนอย่างเต็มที่ ณ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร

พลพล เปิดเผยว่า “วันนี้พวกเราได้มาร่วมเป็นศิลปินจิตอาสา ช่วยตั้งแต่รับคิว ลงทะเบียน วัดความดัน ไปจนถึงมอบของที่ระลึกให้กับผู้ที่มารับการรักษา รู้สึกเหมือนได้เป็นผู้ให้จริงๆ บรรยากาศก็ดีมาก ซึ่งพวกเราก็รู้สึกดีใจที่ใด้เห็นประชาชนทุกคนที่เข้ามารับการรักษามีความสุข และได้รับสิ่งดีๆ กลับไปครับ”

เปาวลี เปิดเผยว่า “โครงการฯ นี้เป็นโครงการที่ดี ซึ่งดำเนินการทั่วประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้มีแค่ทำฟัน แต่ยังรวมไปถึงบริการด้านจักษุด้วย ในวันนี้ได้เห็นรอยยิ้มของทุกคนที่มารับการรักษาแล้วรู้สึกปลื้มมาก ที่สำคัญทุกคนได้รักษากับแพทย์เฉพาะทางที่เก่งและใจดี ทำให้เรารู้สึกภูมิใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในของโครงการฯ นี้ค่ะ”

ทั้งนี้ โครงการ “ราษฎรสุขใจ พลานามัยสมบูรณ์ แพทย์พระราชทาน” มุ่งมั่นรวมพลังแพทย์อาสา พร้อมหน่วยงานภาคี เพื่อมอบความมั่นคงทางด้านสุขภาพให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง “สานพลัง สร้างสุขราษฎร”

ไอคอนสยาม เปิดไลน์อัพเต็มแม็กซ์! ดึง “มาร์ค ต้วน” ปะทะศิลปินไอคอนิคไทยยกทัพกว่า 200 ศิลปินขึ้นเวที Amazing Thailand Countdown 2026 ตลอด 5 วันเต็ม

ไอคอนสยาม ชวนคนไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลกเตรียมพบกับความสนุกไร้ขีดจำกัดกับมหาปรากฏการณ์เฉลิมฉลองส่งท้ายปี เคานต์ดาวน์ริมเจ้าพระยาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย โชว์ศักยภาพ “ไทย” ในฐานะ Global Countdown Destination ที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยประสบการณ์ระดับพรีเมียมเหนือความคาดหมาย ภายใต้คอนเซ็ปต์ “A GLOBAL PHENOMENAL CELEBRATION AT THE ICON UNRIVALED – มหาปรากฏการณ์เคานต์ดาวน์ ผนึกกำลังสุดยิ่งใหญ่ ฉลองไทยสะกดโลก” เฟสติวัลระดับโลกที่ผนึกกำลังภาครัฐ เอกชน ภาคประชาชน และพันธมิตรระดับนานาชาติ ระหว่างวันที่ 27-31 ธันวาคม 2568 ณ ริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยาม

พบกับเซอร์ไพรส์โชว์สุดพิเศษจาก “มาร์ค ต้วน” ศิลปินระดับโลก ที่เตรียมขึ้นเวทีร่วมกับศิลปินไอคอนิคของไทย ใน Collaboration Show สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่แห่งวงการบันเทิง พาทุกคนก้าวเข้าสู่ปี 2026 ด้วยโมเมนต์ประทับใจจากโชว์ที่ออกแบบมาเพื่อเวทีเคานต์ดาวน์ของไอคอนสยามโดยเฉพาะ มอบเป็นของขวัญสุดพิเศษให้กับทุกคน

ไฮไลต์ที่สุดแห่งปี ยกให้กับทัพศิลปินกว่า 200 ชีวิต ทั้งระดับโลกและแถวหน้าของเมืองไทย ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาให้ความสนุกตลอด 5 วันเต็ม กับการแสดงจากศิลปินท็อปลิสต์และโชว์สุดพิเศษ ยกระดับมาตรฐานงานเคานต์ดาวน์ของไทยสู่เวทีโลก ภายใต้คอนเซ็ปต์ “The Unrivaled Global Celebration – Endless Riverfront Entertainment Arena”
เปิดลิสต์ไลน์อัพศิลปินที่สุดของมหาปรากฏการณ์ความบันเทิงระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดริมแม่น้ำเจ้าพระยากับ 5 จังหวะดนตรีสู่ความบันเทิงแบบไร้ขีดจำกัดที่ไอคอนสยาม
● วันที่ 27 ธันวาคม 2568 เวทีของไอคอนสยามจะถูกเนรมิตขึ้นมาในรูปแบบ POP POWER เพื่อให้พลังของความ Pop ส่งต่อสู่ทุกคนจนกลายเป็นความสุขที่ Pop Up ขึ้นมาในทุกจังหวะ นำโดย PiXXiE, 4EVE, ATLAS, DMD BOYS และ XEBIS Entertainment
● วันที่ 28 ธันวาคม 2568 ความบันเทิงแบบไร้ขีดจำกัดจะถูกนำเสนอในรูปแบบของ DANCE FORCE ให้ทุก Gen ได้รวมพลังเป็นหนึ่งเดียวทั้งกรี๊ด ทั้งเต้น ในโมเมนต์ที่สนุกที่สุดแห่งปี นำโดย URBOYTJ, CDGUNTEE & NARA, CIR*CRL, THE 52 ARENA และ Paulie Sirisant (DJ) พร้อมเนรมิตพื้นที่ริเวอร์ พาร์คให้กลายเป็น Riverfront Dance Arena ฟลอร์เต้นรำขนาดใหญ่ที่สุดริมเจ้าพระยา
● วันที่ 29 ธันวาคม 2568 จังหวะร็อคพร้อมทำงาน ซึ่งจังหวะ ROCK INFINITY ของงานเคานต์ดาวน์ที่ไอคอนสยามเต็มไปด้วยจังหวะ LOVE ที่จะทำให้ทุกคนได้กลับมารักในจังหวะของตัวเองอีกครั้ง นำโดย Slot Machine, Three Man Down, Y2Z, ศิลปินจาก IAM และศิลปินจาก WAYDAY
● วันที่ 30 ธันวาคม 2568 ค่ำคืนพิเศษที่ทำให้การส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เต็มไปด้วยโมเมนต์แห่งความประทับใจที่สุด ตั้งแต่การกลับมารวมตัวแบบครบวงอีกครั้งของ LAZ1 การแสดงสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากหลิง-ออม จนถึงสัมผัสไปกับบรรยากาศของเคมีที่ดีมาก ๆ ระหว่าง เก่ง-น้ำปิง และยังมีเซอร์ไพรส์อีกเพียบจาก Angel Angie, Prim, DRIPA, Fluke Pongsapat และ In The 8ight ภายในคอนเซ็ปต์ STAR HARMONY
● วันที่ 31 ธันวาคม 2568 ค่ำคืนเคานต์ดาวน์สุดพิเศษกับ ที่สุด GLOBAL PHENOMENON STAGE

เตรียมพบกับศิลปินระดับโลกและศิลปินไอคอนนิคของไทยแบบจัดเต็ม เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศของค่ำคืนส่งท้ายปีให้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม พร้อมทำให้วินาทีของการเข้าสู่ศักราชใหม่เต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่ นำโดย MARK TUAN, Jeff Satur, Bodyslam, BUS because of you i shine, PROXIE, DEXX, Shining Boy Trainees, ซี-นุนิว และ เติ้ล-เฟิร์สวัน
เตรียมพร้อมเข้างานเคานต์ดาวน์ไอคอนสยาม
วิธีที่ 1 ฟรี! ร่วมสนุกทาง Social Media ICONSIAM
วิธีที่ 2 ฟรี! Walk-In
วิธีที่ 3 สมัครสมาชิกใหม่ ONESIAM SuperApp
วิธีที่ 4 สมาชิก ONESIAM ช็อปสะสมครบตามกำหนด
วิธีที่ 5 ICONSIAM x MARK TUAN Exclusive Fan Meeting *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
วิธีที่ 6 Fast Fan เพื่อนักช็อปแห่งไอคอนสยาม
วิธีที่ 7 ช็อปของถูกใจ พร้อมร่วมสนุกจับกาชาปอง
วิธีที่ 8 ONESIAM GLOBAL VISITOR CARDS HOLDERS

  • เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด รายละเอียดเพิ่มเติมทาง www.iconsiam.com หรือ Facebook: ICONSIAM
    มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับโมเมนต์ระดับโลกไปด้วยกัน ในงาน Amazing Thailand Countdown 2026 ตั้งแต่วันที่ 27-31 ธันวาคม 2568 ติดตามรายละเอียดและเงื่อนไขการรับสิทธิ์เข้าร่วมงานได้ทาง www.iconsiam.com หรือ Facebook: ICONSIAM พร้อมรับชมถ่ายทอดสดในคืนวันที่ 31 ธันวาคม ผ่านไทยรัฐทีวี ช่อง 32HD, ช่อง one31 และช่อง GMM25 รวมถึงช่องทางออนไลน์ อาทิ ไทยรัฐออนไลน์, one31, The Standard, ข่าวสด, มติชน และ Feed ตั้งแต่เวลา 23.00 น. เป็นต้นไป และรับชมทาง Facebook และ YouTube ICONSIAM ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป สอบถามเพิ่มเติม โทร. 1338

AmazingThailandCountdown2026 #ICONSIAM #ICONSIAMCountdown2026

ตัวแทนหนึ่งเดียวจากประเทศไทย “โอปอล สุชาตา” Miss World 2025 ร่วมเดินพรมแดงงาน World Premiere เปิดตัวภาพยนตร์ “Avatar: Fire and Ash อวตาร: อัคนีและธุลีดิน” ที่ลอสแอนเจลิส ก่อนฉาย 17 ธันวาคมนี้ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ

เรียกเสียงฮือฮาและสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนภาพยนตร์ Avatar รวมถึงแฟน Miss World เป็นอย่างมาก เมื่อ โอปอล-สุชาตา ช่วงศรี Miss World 2025 ปรากฏกายในงาน World Premiere เปิดตัวภาพยนตร์ “Avatar: Fire and Ash อวตาร: อัคนีและธุลีดิน” ที่ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ในฐานะตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวจากประเทศไทยที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงาน ท่ามกลางนักแสดงชื่อดังจากฮอลลีวูดที่ต่างเจิดจรัสบนพรมแดง นับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของไทยบนเวทียิ่งใหญ่ระดับโลก

โดยภาพยนตร์ “Avatar: Fire and Ash อวตาร: อัคนีและธุลีดิน” เป็นภาคต่อภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดตลอดกาล ที่เตรียมยกระดับความยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีกขั้นกับความแอคชันและการผจญภัยบทใหม่ของชาวนาวี พร้อมทำความรู้จักกับ “เผ่าไฟ” ที่จะมาปลุกทุกอารมณ์บนจอภาพยนตร์ กำหนดเข้าฉาย 17 ธันวาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ ทั้งในระบบ IMAX, Dolby Vision และ Atmos และระบบพิเศษทั่วประเทศ สามารถซื้อตั๋วล่วงหน้าได้แล้ววันนี้!

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2568 โอปอลได้ปรากฏตัวบนพรมแดง World Premiere “Avatar: Fire and Ash อวตาร: อัคนีและธุลีดิน” ในชุดสั่งทำพิเศษจากแบรนด์ PIPATCHARA แบรนด์แฟชั่นไทยที่โดดเด่นด้านให้ความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม และได้รับการยอมรับระดับนานาชาติ โดยชุดดังกล่าวออกแบบขึ้นเป็นพิเศษจากแรงบันดาลใจในภาพยนตร์ “Avatar: Fire and Ash อวตาร: อัคนีและธุลีดิน”โดยถ่ายทอดเรื่องราวของชาวนาวีและเสน่ห์ลึกลับของ เผ่าไฟ ผ่านดีไซน์สุดประณีต พร้อมซ่อนรายละเอียดที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “วารัง” ผู้นำเผ่าไฟ ตัวละครใหม่ของภาพยนตร์เรื่องนี้ ความโดดเด่นไม่หยุดอยู่ที่ดีไซน์ ชุดนี้ถูกสร้างสรรค์จากวัสดุรีไซเคิลมากกว่า 3,000 ชิ้น ไม่ว่าจะเป็นฝาขวดพลาสติกและอวนจับปลา สะท้อนแนวคิดการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ผู้กำกับระดับตำนาน James Cameron ต้องการสื่อผ่านแฟรนไชส์ Avatar อีกทั้งยังสอดคล้องกับพันธกิจด้านสิ่งแวดล้อมขององค์กร Miss World อย่างลงตัว

การเข้าร่วมงาน World Premiere “Avatar: Fire and Ash อวตาร: อัคนีและธุลีดิน” ครั้งนี้ โอปอลไม่เพียงเฉิดฉายบนพรมแดง ยังมีส่วนร่วมในหลายกิจกรรม ทั้งการเป็นหนึ่งในบุคคลระดับโลกกลุ่มแรกที่ได้ชมภาพยนตร์ “Avatar: Fire and Ash อวตาร: อัคนีและธุลีดิน”  รอบปฐมทัศน์พร้อมเหล่านักแสดงท็อปลิสต์ของฮอลลีวูด, การสัมภาษณ์นักแสดงนำ อาทิ Zoe Saldaña (Neytiri), Oona Chaplin (Varang), Sigourney Weaver (Kiri), Jack Champion (Spider), Trinity Bliss (Tuktirey) และ Bailey Bass (Tsireya) โดยจะเผยแพร่บนช่องทางโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการของ 20th Century Studios เร็ว ๆ นี้ 

ซึ่งระหว่างสัมภาษณ์ โอปอลได้เซอร์ไพรส์ด้วยการมอบของที่ระลึกสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากประเทศไทยแก่เหล่านักแสดง ทั้งกระเป๋าจากแบรนด์ PIPATCHARA ที่สร้างสรรค์ขึ้นจากฝาขวดพลาสติกรีไซเคิลและนำแรงบันดาลใจจากคาแรกเตอร์ใน Avartar มาออกแบบเป็นไอเท็มพิเศษชิ้นเดียวในโลก โดยนำแรงบันดาลใจจากตัวละคร Neytiri มาออกแบบกระเป๋าให้กับ Zoe Saldaña, นำแรงบันดาลใจจากตัวละคร Varang มาออกแบบกระเป๋าให้กับ Oona Chaplin Sigourney Weaver (Kiri), Jack Champion (Spider) และนำแรงบันดาลใจจากตัวละคร Kiri มาออกแบบกระเป๋าให้กับ Sigourney Weaver นอกจากนี้ยังมอบโปสเตอร์แฟนอาร์ตสไตล์ไทย ผลงานสร้างสรรค์โดย SMASHHH STUDIO ให้นักแสดงทุกคนด้วย

โดยโอปอลเผยว่า “รู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ ค่ะที่ได้มีโอกาสร่วมงาน World Premiere ของภาพยนตร์แฟรนไชส์ระดับโลกอย่าง Avatar: Fire and Ash และได้ใกล้ชิดพร้อมสัมภาษณ์นักแสดงฮอลลีวูดที่ชื่นชอบด้วย บรรยากาศเต็มไปด้วยพลังและความยิ่งใหญ่ของภาพยนตร์ ทำให้โอปอลยิ่งตั้งตารออยากให้แฟน ๆ ชาวไทยได้ชมภาคใหม่นี้เหมือนกันค่ะ เพราะในภาคนี้ทุกคนจะได้เห็นทั้งโลกใหม่ ชนเผ่าใหม่ รวมถึงตัวละครใหม่ที่มีความดุดันและน่าสนใจมาก ๆ ยิ่งถ้าได้ชมบนจอยักษ์แล้ว ภาพ เสียง และงานสร้างทั้งหมดน่าจะยิ่งทำให้เรื่องราวทั้งสนุก และทรงพลังขึ้นไปอีกค่ะ โดยเฉพาะสารด้านสิ่งแวดล้อมที่ภาพยนตร์ต้องการสื่อ โอปอลเชื่อว่าจะยังคงถูกเล่าออกมาอย่างลึกซึ้งและเข้าถึงอารมณ์ สำหรับแฟน ๆ ชาวไทย สามารถซื้อตั๋วล่วงหน้าได้แล้ววันนี้ ก่อนภาพยนตร์เข้าฉายวันที่ 17 ธันวาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศนะคะ”

สำหรับ “Avatar: Fire and Ash อวตาร: อัคนีและธุลีดิน” เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ภาคต่อที่จะพาทุกคนหวนกลับสู่แพนดอราในศึกใหญ่และการผจญภัยสุดตื่นเต้นครั้งใหม่ของอดีตนาวิกโยธินที่ผันตัวมาเป็นผู้นำชาวนาวี Jake Sully (Sam Worthington) พร้อมด้วย Na’vi warrior Neytiri (Zoe Saldaña) และครอบครัว Sully family จากผลงานการเขียนบทภาพยนตร์โดย James Cameron, Rick Jaffa, Amanda Silver เรื่องราวโดย James Cameron, Rick Jaffa, Amanda Silver, Josh Friedman, Shane Salerno และยังคงร่วมแสดงโดยนักแสดงฝีมือดีคับคั่งทั้ง Sigourney Weaver, Stephen Lang, Oona Chaplin, Cliff Curtis, Joel David Moore, CCH Pounder, Edie Falco, David Thewlis, Jemaine Clement, Giovanni Ribisi, Britain Dalton, Jamie Flatters, Trinity Jo-Li Bliss, Jack Champion, Brendan Cowell, Bailey Bass, Filip Geljo, Duane Evans, Jr. และ Kate Winslet

เตรียมพบกับการผจญภัยสุดตระการตาครั้งใหม่ใน “Avatar: Fire and Ash อวตาร: อัคนีและธุลีดิน” 17 ธันวาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ และระบบ IMAX, Dolby Vision และ Atmos และระบบพิเศษทั่วประเทศ ซื้อตั๋วล่วงหน้าได้แล้ววันนี้

โซเชียลมีเดีย:
X: @20thCenturyTH
Instagram: @20thCenturyStudiosTH
Facebook: @20thCenturyStudiosTH
Youtube: @20thCenturyStudiosTH
Hashtag: #AvatarFireandAshTH #อวตาร3
 

โฮมโปร–เมกาโฮม ผนึกกำลังภาครัฐ ร่วมปฏิบัติการ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้”เดินหน้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้

โฮมโปร และเมกาโฮม เดินหน้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในภาคเอกชน เข้าร่วมโครงการ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้ภายใต้การผลักดันของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อสนับสนุนภารกิจช่วยเหลือและเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยมุ่งส่งมอบความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว เข้าถึงพื้นที่จริง และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ประสบภัย

โฮมโปรยังตอกย้ำภารกิจด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ผ่านโครงการ “โฮมโปร เมกาโฮม ห่วงใย ร่วมใจฟื้นฟูบ้าน” เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงสินค้าที่จำเป็นต่อการฟื้นฟูบ้านเรือนในราคาพิเศษ กลุ่มสินค้าทำความสะอาดและกลุ่มสินค้าซ่อมแซมบ้านเรือน ลดสูงสุดถึง 60% ครอบคลุมสินค้าจำเป็น เช่น อุปกรณ์ทำความสะอาด ปั๊มน้ำ เครื่องฉีดน้ำแรงดัน เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้า สี เฟอร์นิเจอร์ และที่นอน พร้อมทั้งภายใต้โครงการ “แลกเก่าเพื่อโลกใหม่ (Trade-in)” เปิดรับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เสียหายจากน้ำท่วม เพื่อนำมาแลกรับส่วนลดสำหรับซื้อสินค้าชิ้นใหม่ ได้ที่โฮมโปรสาขาหาดใหญ่ สุราษฎร์ธานี ทุ่งสง นครศรีธรรมราช ตรัง และพัทลุง ตั้งแต่วันที่ 1–31 ธันวาคม 2568

นอกจากนี้ เพื่อช่วยให้ครอบครัวที่ต้องเร่งฟื้นฟูบ้านวางแผนค่าใช้จ่ายได้คล่องตัวมากขึ้น โฮมโปร และเมกาโฮม ยังร่วมกับบัตรโฮมโปร เฟิร์สช้อยส์ เสริมสภาพคล่องผ่านแคมเปญ “ใช้ก่อน ผ่อนทีหลัง” สำหรับการซื้อสินค้าที่ร่วมรายการในโฮมโปรและเมกาโฮม สาขาพื้นที่ภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ โฮมโปร หาดใหญ่, โฮมโปร หาดใหญ่ (กาญจนวนิช), โฮมโปร พัทลุง, โฮมโปร นครศรีธรรมราช, เมกาโฮม–หาดใหญ่ และเมกาโฮม–ทุ่งสง โดยลูกค้าบัตรโฮมโปร เฟิร์สช้อยส์ ที่มียอดผ่อนชำระตั้งแต่ 3,600 บาทขึ้นไปต่อเซลล์สลิป ได้รับสิทธิ์ “ใช้ก่อน 2 เดือน และค่อยเริ่มผ่อน 0% ในงวดถัดไป สูงสุดนาน 12 เดือน” ช่วยจัดลำดับความสำคัญค่าใช้จ่ายเร่งด่วนอย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2568

โฮมโปรยังส่งทีมช่าง CHANG HomePro ลงพื้นที่ให้บริการตรวจเช็คระบบไฟฟ้า–ประปา ตรวจสภาพบ้าน และซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า ฟรี! ค่าแรง พร้อมมอบส่วนลดค่าอะไหล่ 50% รวมถึงส่วนลด 10% สำหรับบริการติดตั้งและปรับปรุงบ้าน เพื่อช่วยให้ครอบครัวที่ได้รับผลกระทบสามารถกลับมาอยู่อาศัยได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจอีกครั้ง

โฮมโปรและเมกาโฮมขออยู่เคียงข้างในทุกขั้นตอนของการฟื้นฟู พร้อมร่วมแรงร่วมใจให้บ้านเรือน ชุมชน และเศรษฐกิจของภาคใต้กลับมามั่นคง แข็งแรง และก้าวต่อไปได้อย่างยั่งยืน


#โฮมโปรเมกาโฮมห่วงใยร่วมใจฟื้นฟูบ้าน #โฮมโปรเมกาโฮมห่วงใยเคียงข้างสังคมไทยทุกสถานการณ์
#คนไทยไม่ทิ้งกัน #โฮมโปร #HomePro #BetterLivingเพื่อชีวิตที่ดีกว่า #เมกาโฮม #MegaHome #ศูนย์รวมวัสดุก่อสร้างและงานช่าง #homepropr

วอร์มนิ้วรอ! “ลีน่า-หมิว” ปิดโรงชวนแฟน ๆ ดูตอนจบ“รักสุดท้าย My Safe Zone Final Episode” ลุ้นบทสรุปความรักที่ทุกคนรอคอย!

ฟีเวอร์ยันโค้งสุดท้ายจริง ๆ สำหรับซีรีส์ที่ถูกพูดถึงจากแฟน ๆ ทั้งชาวไทยและต่างชาติในทุกอีพีกับ “รักสุดท้าย My Safe Zone The Series” ทางช่อง 3 กระแสแรงจนทำคนดูอินไปทั่วบ้านทั่วเมือง กับเรื่องราวของสองเพื่อนสนิทที่ความสัมพันธ์ถูกขยับจากคำว่า “เพื่อน” ไปสู่ “คนรัก” ล่าสุดพร้อมเสิร์ฟความฟินติดลมบนให้ได้ฮ็อบกันส่งท้ายและฟินไปกับบทสรุปความรักของ “อลิน” และ “เจน” พร้อมกันแบบเต็มอิ่มบนจอใหญ่ ในงาน “รักสุดท้าย My Safe Zone Final Episode”

งานนี้ไม่ธรรมดา เพราะคุณจะได้ดูตอนจบอย่างใกล้ชิดกับสองสาว ลีน่า-หมิว ที่จะมาร่วมแชร์โมเมนต์สุดพิเศษและพูดคุยถึงเบื้องหลังความประทับใจส่งท้ายซีรีส์ด้วยตัวเอง ใครที่อยากรู้ว่าเซฟโซนของอลินและเจนจะลงเอยอย่างไร เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมแล้วมาร่วมลุ้นบทสรุปไปพร้อมกัน พร้อมเปิดจำหน่ายบัตรในวันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม 2568 เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป ราคาบัตร 690 บาท (ทุกที่นั่ง) ทาง www.thaiticketmajor.com
อย่าลังเลแม้แต่วินาทีเดียว! ตั้งนาฬิกาปลุกให้ดี แล้วมาร่วมเป็นพยานในบทสรุปความรักของคู่นี้ไปด้วยกัน กับงาน “รักสุดท้าย My Safe Zone Final Episode” ในวันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม 2568 Cinema 15, SF World Cinema, Central World โอกาสสุดท้ายที่จะได้ฟินพร้อมกันในโรงภาพยนตร์มาถึงแล้วห้ามพลาด!

ไวไว ผนึกกำลังภาครัฐ ร่วมปฏิบัติการ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้”เดินหน้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ สานต่อพันธกิจดูแลสังคมอย่างยั่งยืน

บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไวไว,บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปควิกแสบ ,เส้นหมี่อบแห้งไวไวและผงปรุงสำเร็จตรารสเด็ด  ตอกย้ำบทบาทองค์กรที่ยืนหยัดเคียงข้างสังคมไทย เดินหน้าร่วมเป็นหนึ่งในภาคเอกชนที่เข้าร่วมโครงการความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ภายใต้การผลักดันของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือและเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยมุ่งส่งมอบความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว เข้าถึงพื้นที่จริง และเกิดประโยชน์แก่ผู้ประสบภัยอย่างสูงสุด

เดินหน้าสู่เพลงต่อไป หลังปล่อย “ฟ้ายามแลง” เอาใจสายชิล “มีนตรา อินทิรา” ขอเสิร์ฟต่อกับเพลงใหม่ 6 ธันวาคมนี้ รอเลย!

เดินหน้าสู่เพลงต่อไป หลังปล่อย “ฟ้ายามแลง” เอาใจสายชิล “มีนตรา อินทิรา” ขอเสิร์ฟต่อกับเพลงใหม่ 6 ธันวาคมนี้ รอเลย!

ถือเป็นอีกเพลงที่ออกมาจากใจของศิลปินอย่าง “มีนตรา อินทิรา” สำหรับเพลง “ฟ้ายามแลง” ที่มีนตราตั้งใจจะพาทุกคนกลับบ้านไปซบบ่าคนที่คิดถึงในเวลาสั้น ๆ เรียกได้ว่าใครฟังเพลงนี้ก็ต้องอดยิ้มมุมปากกับภาพในหัวที่อบอุ่นด้วยบรรยากาศฟ้ายามแลงของแต่ละคน

และล่าสุดเตรียมเสิร์ฟต่อไม่หยุดกับเพลงใหม่ อารมณ์ใหม่ ดนตรีใหม่ อะไรใหม่ ๆ ที่สาวมีนตราแอบมาสปอยให้ได้ยินกันบ้างแล้ว กับเพลง “จริงครึ่งเดียว” ที่จะปล่อย MV ให้ได้ชมความสับของสาวมีนตราในวันที่ 6 ธันวาคมนี้ รอเลย แต่แอบกระซิบว่า ถ้าใครอดใจรอฟังเพลงเต็ม ๆ ไม่ไหวแล้ว ลองเปิดคลื่นวิทยุดู ก็จะเริ่มได้ยินเพลง “จริงครึ่งเดียว” เป็นเพลงใหม่แนะนำประจำคลื่นวิทยุแล้วจ้า

SRTA จับมือ UNISUS เดินหน้าศึกษาพัฒนา Central Utility Plantพลิกโฉมบางซื่อสู่ “เมืองอัจฉริยะต้นแบบ” บนพื้นที่กว่า 1,200 ไร่

บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (SRTA) และบริษัท ยูนิซัส กรีน เอ็นเนอร์จี จำกัด (UNISUS) ได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อร่วมศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคส่วนกลาง (Central Utility Plant: CUP) ในพื้นที่บางซื่อ ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และถือเป็นศูนย์กลางการเดินทางของกรุงเทพฯ ในอนาคต

การลงนามครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนา “เมืองอัจฉริยะบางซื่อ (Bang Sue Smart City)” โดยทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันศึกษาแนวทางการพัฒนา CUP จำนวน 3 แห่ง ตามแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพื้นที่บริเวณบางซื่อของ SRTA ครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อเมืองอัจฉริยะยุคใหม่ ทั้งระบบผลิตความเย็นแบบรวมศูนย์ (District Cooling Plant) ระบบกักเก็บพลังงานความเย็น (TES) ระบบน้ำ ระบบบำบัดน้ำเสียและผลิตน้ำรีไซเคิล ระบบไฟฟ้าและพลังงานสะอาด ระบบจัดการขยะ ระบบป้องกันอัคคีภัย ระบบเตือนภัยพิบัติ รวมถึงศูนย์จัดการพลังงานอัจฉริยะ (SEMC)

นายกษพล บวรศรีการ รองกรรมการผู้จัดการสายงานธุรกิจ ปฏิบัติหน้าที่กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด เปิดเผยว่า “ความร่วมมือครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการลงนาม        แต่เป็นการจับมือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างรัฐวิสาหกิจกับภาคเอกชนชั้นนำ เพื่อผลักดันพื้นที่บางซื่อซึ่งเป็นเมกะโปรเจ็กต์ขนาด 1,200 ไร่ ให้เติบโตเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและการเดินทางของประเทศ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม         ถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ โดยต่อจากนี้ทั้งสององค์กรจะลงพื้นที่เพื่อศึกษาร่วมกันและผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมตามแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะบางซื่อของ SRTA”

นายกมล ตันพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูนิซัส กรีน เอ็นเนอร์จี จำกัด            กล่าวว่า “UNISUS ภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ SRTA ในการวางรากฐานระบบสาธารณูปโภคส่วนกลางรูปแบบใหม่ เรามีประสบการณ์ด้านการออกแบบ พัฒนา และบริหารจัดการ CUP ในโครงการขนาดใหญ่หลายแห่ง ความร่วมมือครั้งนี้มุ่งเน้นเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อยกระดับประสิทธิภาพพลังงานของโครงการ โดยการนำระบบ District Cooling Plant และพลังงานสะอาดเข้ามาใช้ จะเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันบางซื่อให้กลายเป็น Low-Carbon District ที่โดดเด่นของประเทศไทย”

ความร่วมมือของ SRTA และ UNISUS ครั้งนี้ยังเปิดโอกาสให้เกิดรูปแบบการลงทุนใหม่ ๆ เช่น การร่วมลงทุน (Joint Venture) ที่ SRTA สามารถนำมูลค่าที่ดินมาร่วมเป็นทุน เพื่อวางระบบสาธารณูปโภคที่มีความคุ้มค่าและรองรับการใช้งานระยะยาว มุ่งสร้างพื้นที่บางซื่อให้เป็น Community คุณภาพ ที่อยู่อาศัยและทำงานอย่างสะดวก ปลอดภัย และประหยัดพลังงาน สร้างประโยชน์ให้ทั้งนักลงทุน ผู้ประกอบการ และประชาชน  ด้วยศักยภาพของทั้งสององค์กร                ความร่วมมือครั้งนี้จึงนับเป็นอีกหนึ่งพัฒนาการสำคัญของพื้นที่บางซื่อ ที่กำลังจะก้าวสู่การเป็น “Smart City แห่งใหม่ของประเทศไทย”

#SRTASSET #SRTA #UNISUS #MOU #การพัฒนาระบบสาธารณูปโภคส่วนกลาง