ZHULIAN จุดไฟฝันเยาวชนไทย เปิด “ZHULIAN Football Club Academy” เติมโอกาส เปลี่ยนชีวิต ปลุกพลังนักเตะรุ่นใหม่สู่สนามระดับชาติ

บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำพันธกิจในการเป็นพลังขับเคลื่อนสังคมไทยอย่างยั่งยืน ล่าสุดเดินหน้ายกระดับโอกาสใหม่ให้เยาวชนไทย ผ่านโครงการ “ZHULIAN Football Club Academy” สถาบันฝึกสอนฟุตบอลสำหรับเยาวชนอายุ 8–15 ปี ที่มุ่งหวังให้เยาวชนได้ใช้เวลาว่างอย่างสร้างสรรค์ เสริมสร้างทักษะชีวิต และปูทางสู่อนาคตที่สดใสในเส้นทางนักกีฬามืออาชีพ

คุณณัฐชานนท์ จุลล์จักรวงศา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด (CMO) บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เราเชื่อมั่นในศักยภาพของเยาวชนไทย แต่หลายครั้งเด็ก ๆ เหล่านี้ขาดเพียงโอกาสที่เหมาะสม เราจึงตั้งใจสร้างพื้นที่นี้เพื่อให้เยาวชนใช้เวลาว่างอย่างมีคุณค่า นอกจากการฝึกฝนทักษะฟุตบอล ยังได้เรียนรู้วินัย ความรับผิดชอบ และการทำงานเป็นทีม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตเป็นบุคคลที่มีคุณภาพในอนาคต ZHULIAN Football Club Academy จะไม่เพียงสอนฟุตบอล แต่จะสอนการใช้ชีวิต และสร้างสะพานสู่ความสำเร็จให้เยาวชนก้าวไกลไปสู่โรงเรียนกีฬาชั้นนำ หรือแม้แต่สู่เส้นทางนักฟุตบอลทีมชาติในวันข้างหน้า”

เพื่อให้การฝึกซ้อมมีคุณภาพสูงสุด ZHULIAN ดึงตัวโค้ช พีรทรรศน์ โพธิ์เรือนดี ผู้คร่ำหวอดในวงการฟุตบอลไทย มาร่วมเป็นหัวเรือใหญ่ในการอบรมเยาวชน โดยหัวหน้าโค้ชถือใบอนุญาตระดับ AFC A-License พร้อมประสบการณ์ทั้งในฐานะนักเตะและโค้ชระดับมืออาชีพ เคยคว้าแชมป์ไทยลีก 2 สมัย, รองแชมป์สโมสรเอเชีย, ติดทีมชาติไทยทุกชุด ทั้งชุดเยาวชน, ชุดปรีโอลิมปิก, ชุดเอเชียนเกมส์ และชุดใหญ่ในรายการสำคัญระดับนานาชาติ นอกจากนี้ยังเคยเป็นหัวหน้าโค้ชและผู้ช่วยโค้ชให้กับหลายสโมสรชั้นนำในไทยลีก ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยโค้ชทีมการท่าเรือ เอฟซี

นอกจากนี้ยังมีทีมผู้ช่วยสตาฟโค้ชที่มีชื่อเสียงและความสามารถระดับแถวหน้าของวงการลูกหนังเมืองไทย    นำโดย

  • พันจ่าอากาศเอก สีหศักดิ์ อาจหาญ หัวหน้าผู้ฝึกสอนชุดใหญ่
  • อดินันท์ เจะเตะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนชุดเล็ก
  • โมรี่ คามาร่า ผู้ฝึกสอนรักษาประตู

คุณณัฐชานนท์ จุลล์จักรวงศา กล่าวปิดท้ายว่า “โครงการนี้เปิดโอกาสให้เยาวชนได้ฝึกซ้อมฟุตบอลอย่างจริงจัง 6 วันต่อสัปดาห์ ด้วยค่าใช้จ่ายที่เข้าถึงได้เพียง 2,000 บาทต่อเดือน เพื่อให้ทุกครอบครัวสามารถส่งเสริมศักยภาพบุตรหลานได้อย่างเท่าเทียม และพิเศษสุด เปิดโอกาสให้ฝึกฟรี! ระหว่างวันที่ 9–31 พฤษภาคมนี้ เพื่อให้น้อง ๆ ได้สัมผัสประสบการณ์จริงก่อนตัดสินใจเข้าร่วมอย่างเต็มตัวโดยในช่วงเริ่มต้นจะเปิดเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ แต่ ZHULIAN มีแผนขยายสนามเพิ่มเติมในอนาคต หากได้รับการตอบรับอย่างดี เพื่อให้เยาวชนในต่างจังหวัดสามารถเข้าถึงโอกาสนี้ได้อย่างเท่าเทียม”

“ZHULIAN จะเป็นพลังเล็ก ๆ ที่ช่วยจุดไฟฝันในใจของเด็กไทย ให้พวกเขาได้ใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่ เดินตามฝัน และสร้างอนาคตที่ดีให้กับตนเอง ครอบครัว และประเทศชาติเราเชื่อว่าไม่มีความฝันใดไกลเกินเอื้อม หากได้รับการสนับสนุนที่ถูกต้อง และเราอยากเป็นก้าวแรกที่สำคัญในเส้นทางของน้อง ๆ เราจะสานต่อพันธกิจนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เยาวชนไทยทุกคนมีโอกาสได้แสดงความสามารถอย่างภาคภูมิ และก้าวสู่การเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาสังคมไทยต่อไปในอนาคต”

ZHULIAN Football Club Academy พร้อมแล้วที่จะสร้างแรงบันดาลใจครั้งใหม่ ปั้นนักเตะรุ่นใหม่ให้ก้าวไกลสู่สนามระดับชาติ

ร้านTina’s Sathorn จัดอาหารค่ำสุดพิเศษสไตล์นิวออร์ลีนส์ รายได้มอบให้ “มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม”

Tina’s Sathon ร้าน Fine Dining ซอยสวนพลู จัด Charity Dinner ชวนเปลี่ยนชีวิตเด็กๆ ด้วยรอยยิ้มกับอาหารมื้อสุดพิเศษสไตล์นิวออร์ลีนส์ (New Orleans) ในบรรยากาศดนตรีสนุกสนานแบบ   นิวออร์ลีนส์ มอบรายได้ให้มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม (Operation Smile) วันพฤหัสบดี ที่ 8 พฤษภาคม 2568 ตั้งแต่ 18.30 น. ราคาท่านละ 3,000 บาท ประธานมูลนิธิฯ เผยดำเนินการผ่าตัดรักษาผู้ป่วยได้ 10-12 โครงการ ช่วยเหลือเด็กที่เป็นปากแหว่งเพดานโหว่ทั่วประเทศได้กว่า 1,000 รายต่อปี

ร้านอาหาร Fine Dining ชื่อดัง Tina’s Sathon ชวนร่วมรับประทานอาหารในค่ำคืนสุดพิเศษกับ Charity Dinner ที่เชฟเดวิด คลีแลนด์ หัวหน้าเชฟและผู้ก่อตั้งร้านเตรียมมอบประสบการณ์ของไฟน์ไดน์นิ่งสไตล์นิวออร์ลีนส์แท้ๆ ด้วยอาหาร 4 คอร์สพร้อมไวน์ โดยรายได้ทั้งหมดเตรียมมอบให้กับมูลนิธิสร้างรอยยิ้มเพื่อนำไปใช้ในกิจการของมูลนิธิฯ ในการผ่าตัดเด็กปากแหว่งเพดานโหว่ ผู้เข้าร่วมในกิจกรรมดังกล่าวได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้หนึ่งเท่า

ทันตแพทย์หญิงยุพเรศ นิมกาญจน์ ประธานมูลนิธิสร้างรอยยิ้ม เปิดเผยถึงค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดอาการปากแหว่งหรือเพดานโหว่เฉลี่ยประมาณ 25,000 – 50,000 บาทต่อหนึ่งครั้ง โดยแต่ละปีมูลนิธิฯ จะเดินทางไปทั่วประเทศเพื่อเปิดโครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เพื่อผ่าตัดรักษาผู้ป่วยประมาณ 4 ครั้ง “การผ่าตัดแต่ละรายจะมีความซับซ้อนแตกต่างกันไป หลายรายต้องรับการผ่าตัดหลายขั้นตอน ต้องใช้อุปกรณ์การแพทย์ที่มีเฉพาะในกรุงเทพฯ เท่านั้น ทีมของมูลนิธิฯ ที่ประกอบด้วยแพทย์อาสาสมัครจากหลากหลายสาขา อาทิ ศัลยแพทย์ วิสัญญีแพทย์ ทันตแพทย์ ทีมงานภาคสนาม ล่าม ฯลฯ มีความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”

“ในนามมูลนิธิสร้างรอยยิ้ม ขอขอบคุณร้าน Tina’s Sathorn ที่กรุณาจัดกิจกรรมพิเศษนี้เพื่อระดมทุนให้กับเรา และหวังว่าจะได้รับการตอบรับจากท่านที่สนใจเพื่อที่เราจะได้ร่วมกันช่วยเด็กๆ ที่ประสบปัญหาปากแหว่งเพดานโหว่ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” ประธานมูลนิธิสร้างรอยยิ้มกล่าว

Charity Dinner ร้าน Tina’s Sathorn จะจัดขึ้นวันพฤหัสบดีที่ 8 พฤษภาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 18.30 น. ติดต่อจองโต๊ะได้ที่ไลน์ @tinas หรือโทร 062-141-6549 และ www.tinassathorn.com สามารถจอดรถได้ที่โรงแรม Somerset สวนพลู

ถิรไทย ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 พร้อมจ่ายปันผล 0.37 บาทต่อหุ้น

ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานกรรมการ พร้อมด้วย นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT ผู้นำตลาดหม้อแปลงไฟฟ้า และอุตสาหกรรมด้านพลังงานรายใหญ่ของประเทศ ร่วมเป็นประธานในการประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 เพื่อสรุปผลดำเนินงานพร้อมประกาศจ่ายปันผล 0.37 บาทต่อหุ้น โดยมี นายเสริมสกุล คล้ายแก้ว, นายอรรณพ เตกะจรินทร์, นางสุนันท์ สันติโชตินันท์ ร่วมประชุมด้วย ณ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อเร็ว ๆ นี้

JGAB 2025 สุดปัง! เปิดเวที The Next Gem Awards 2025เฟ้นหาดีไซน์เนอร์เครื่องประดับรุ่นใหม่ เปล่งประกายไอเดียเหนือจินตนาการ

งาน Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2025 (JGAB 2025) เปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่! งานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับระดับภูมิภาคอาเซียนที่ใหญ่ที่สุด จัดโดยอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ร่วมกับภาครัฐและเอกชน บนพื้นที่จัดแสดงกว่า 17,000 ตารางเมตร ไฮไลต์ของปีนี้ไม่เพียงเป็นเวทีเจรจาธุรกิจและโชว์เคสนวัตกรรมล่าสุดในอุตสาหกรรม แต่ยังเปิดเวทีแห่งความคิดสร้างสรรค์กับ “The Next Gem Awards 2025” การประกวดออกแบบเครื่องประดับเพื่อเฟ้นหานักออกแบบรุ่นใหม่ ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 20,000 บาท

การแข่งขันปีนี้เข้มข้นและเปี่ยมด้วยพลังสร้างสรรค์ โดยมีทีมผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศทั้งหมด 5 ทีม ได้แก่ ETHEREAL จากมหาวิทยาลัยบูรพา, Lieber, PIMRAPHA, มามาหมูเด้ง และ ทีมศิลปะการนางเลิ้ง จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ซึ่งทุกทีมสะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ที่กล้าท้าทายกรอบเดิมของการออกแบบเครื่องประดับ และผู้ที่คว้ารางวัลชนะเลิศในปีนี้ไปครอง ได้แก่ นายติโลตตมา แก้วมาระวัง วัย 28 ปี จากมหาวิทยาลัยบูรพา คณะอัญมณี สาขาการออกแบบเครื่องประดับ ซึ่งถ่ายทอดผลงานสุดโดดเด่นจากแนวคิด “Unlimited Creation” โดยได้รับแรงบันดาลใจจากภาพของเพอร์ซีอัสที่ตัดหัวของเมดูซา

นายติโลตตมา แก้วมาระวัง ถ่ายทอดแนวความคิดว่า “ตอนที่เริ่มต้นคิดงาน เรานึกถึงภาพของเพอร์ซีอัสที่ถือหัวของเมดูซา ซึ่งในตำนานแค่ ‘หัวเดียว’ ก็มีพลังมากพอที่จะเสกให้คนกลายเป็นหินได้ มันทำให้เรารู้สึกว่า แม้เพียง ‘ชิ้นเดียว’ ก็สามารถทรงพลังได้ไม่แพ้กัน นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดทั้งหมด”

ในปัจจุบัน Pain Point ในอุตสาหกรรมอัญมณีที่ใช้ทรัพยากรจำนวนมาก ทั้งแรงงาน เงินทุน และวัตถุดิบ ซึ่งเมื่อแร่บางชนิดไม่มีคุณสมบัติหรือความงามเพียงพอ ก็จะถูกทิ้งโดยเปล่าประโยชน์ อย่างเช่น “แร่หยก Jadeite บางสีที่ไม่ใสหรือไม่เขียวพอจะขายไม่ได้เลย ทั้งที่ยังมีคุณค่าอยู่มาก เช่นเดียวกับมาลาไคต์ (Malachite) หรือกรีน โครมไดออปไซด์ (Green Chrome Diopside) ที่เรานำมาใช้ในงานนี้ เราอยากยกระดับของเหลือใช้ให้กลับมามีมูลค่า ผ่านฝีมือการแกะสลักที่ช่างไทยทำได้ดีมากอยู่แล้ว”

ดังนั้นจึงเลือกวัสดุสร้างดีไซน์แบบ “โมดูลาร์” ที่สามารถถอด ประกอบ เปลี่ยนรูปทรงได้ตามใจผู้สวมใส่ “เราคิดว่า ‘ความคิดสร้างสรรค์’ ไม่ควรจำกัดอยู่แค่ในตัวดีไซเนอร์ เพราะฉะนั้นเราจึงออกแบบให้เจ้าของชิ้นงานสามารถ ‘เล่นสนุก’ ได้ด้วยตัวเอง ถอดประกอบใหม่ได้หมด แม้แต่เจ้าของเองอาจไม่จำภาพต้นฉบับได้ นั่นคือเสน่ห์ของมัน”

นายติโลตตมา ได้สะท้อนมุมมองธุรกิจด้วยว่า สำหรับ SME ที่มีทุนจำกัด แนวคิดการผลิตเครื่องประดับที่ลูกค้าสามารถใช้ได้หลายรูปแบบในชิ้นเดียว เป็นทางเลือกที่ช่วยลดต้นทุน เพิ่มความพิเศษ และทำให้ลูกค้ามีความผูกพันกับสินค้า “มันเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขายแค่ 1 ชิ้น แต่สร้างประสบการณ์เหมือนได้ 5 แบบ ลูกค้าไม่ต้องซื้อของใหม่บ่อย ๆ ส่วนช่างไทยก็มีงานมากขึ้น เป็นโมเดลที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์”

ผลงานชิ้นนี้ยังโดดเด่นด้านแนวคิดศิลปะ โดยนำแรงบันดาลใจจากตำนานกรีกมาตีความใหม่ ตัวเรือนใช้สีทองสะท้อนอารยธรรมกรีก ผสานกับโทนสีเขียวของแร่ที่เลือกใช้ ซึ่งสื่อถึงพลัง ความลึกลับ และความเย้ายวนแบบวายร้าย ในขณะที่การใช้ทับทิมและพลอยสีแดงแสดงถึง “หยดเลือดของเมดูซา” ที่ในตำนานเชื่อว่าสร้างปาฏิหาริย์ได้

นอกจากเวทีการประกวดสุดเข้มข้น JGAB 2025 ยังเตรียมโชว์หมัดเด็ดผ่าน “JGAB Runway” แฟชั่นโชว์เครื่องประดับสุดตระการตาภายใต้ธีม Jewels of the New Era และ Symphony of Light พร้อมโซนไฮไลต์อย่าง The ASEAN’s Masterpieces Gallery ที่จัดแสดงผลงานระดับตำนาน และเวิร์กช็อปสุดล้ำเกี่ยวกับ Blockchain และ AI ที่กำลังเปลี่ยนโฉมวงการ

JGAB 2025 จึงไม่ใช่แค่งานแสดงสินค้า แต่คือเวทีของคนที่กล้าคิด กล้าฝัน และกล้าสร้างการเปลี่ยนแปลง ทั้งในแง่ความคิดสร้างสรรค์ การใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า และการเปิดทางให้คนรุ่นใหม่ได้เฉิดฉายแบบไม่มีกรอบมาจำกัด

เปิดแล้ว…..เวทีอัญมณีและเครื่องประดับอาเซียนนานาชาติJewellery & Gem ASEAN Bangkok 2025 (JGAB 2025)

นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายมนู เลียวไพโรจน์  เปิดงาน Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2025 (JGAB 2025) งานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับแห่งภูมิภาคอาเซียน ระหว่างวันที่ 23 – 26 เมษายน 2568 หนุนไทยเป็นศูนย์กลางอัญมณีและเครื่องประดับของภูมิภาค ยกระดับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน และส่งเสริมให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตและการค้าของอัญมณีและเครื่องประดับในภูมิภาคอาเซียน โดยงานนี้จะเป็นเวทีสำคัญในการแสดงสินค้าระดับสากล,การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้, สร้างเครือข่ายธุรกิจ และเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับนักออกแบบและผู้ประกอบการจากทั่วโลก รวมถึงผู้ผลิตจากไทย โดยมี นางอภิรดี  ขาวเธียร ,นายอภิชิต ประสพรัตน์ , ร่วมเปิดงาน ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

สคส. เร่งประสานฟู้ดแพนด้า ติดตามแผนลบ-ทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หลังยุติกิจการในไทย

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) เผย ได้ติดตามสถานการณ์การยุติให้บริการของแพลตฟอร์ม Foodpanda ในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด พร้อมประสานงานกับบริษัทเพื่อขอรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ ร้านค้า และไรเดอร์ หลังประกาศหยุดดำเนินกิจการในวันที่ 23 พฤษภาคม 2568

พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กล่าวว่า “สคส. ให้ความสำคัญกับสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจที่ส่งผลต่อการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูล เช่น การปิดกิจการ การควบรวม หรือการโอนกิจการไปยังประเทศอื่น”

“เราได้ขอให้บริษัทชี้แจงแนวทางการดำเนินการตาม มาตรา 37 และมาตรา 40 ของ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เกี่ยวกับการเก็บรักษา การลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่จำเป็นต้องเก็บต่อไป รวมถึงมาตรการในการป้องกันไม่ให้ข้อมูลรั่วไหล” พ.ต.อ.สุรพงศ์ กล่าว

ทั้งนี้ สคส. จะติดตามผลการดำเนินการอย่างใกล้ชิด และหากพบว่าบริษัทดำเนินการไม่เป็นไปตามกฎหมาย จะมีมาตรการตามกฎหมายต่อไป เพื่อคุ้มครองสิทธิของประชาชนอย่างเต็มที่

หากประชาชนพบเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล สามารถติดต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) โทร. 02-111-8800 หรืออีเมล: saraban@pdpc.or.th

ไวไว ร่วมสืบสาน “ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่ ประจำปี 2568” ภายใต้แนวคิด “เสิร์ฟความม่วน สาดความมันส์ สีสันปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่”

นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นางกุสุมาล พงษ์สิทธิถาวร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดงาน “ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่ ประจำปี 2568” เทศกาลสงกรานต์เชียงใหม่ภายใต้แนวคิด “เสิร์ฟความม่วน สาดความมันส์ สีสันปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่” โดยมีนางสาวณิชรัตน์ ชำนาญกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการตลาด (ฝ่ายการตลาด) บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “ไวไว”, นายศิริชัย คำลม ผู้จัดการฝ่ายการตลาด (กิจกรรมพิเศษ), นางสาวนิรชา บุญจิตธรรม ผู้จัดการฝ่ายส่งเสริมการตลาด และ นายธนปกรณ์ วูวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด (บริหารผลิตภัณฑ์) ร่วมสนับสนุนการจัดงานด้วย ณ ประตูท่าแพ จังหวัดเชียงใหม่

สคส.ดัน DPO ภาครัฐสู่แนวหน้ารับมือภัยไซเบอร์ – ป้องกันก่อนเกิดเหตุ

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) ยกระดับมาตรการเชิงรุกให้กับ เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO) หน่วยงานภาค จัดอบรมเชิงปฏิบัติการสร้างความแข็งแกร่งในการรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการป้องกันเหตุละเมิดข้อมูล ทั้งต่อประชาชน องค์กร และภาพลักษณ์ของประเทศ

พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.)     กล่าวว่า DPO ไม่ใช่แค่ตำแหน่งที่ต้องมีตามกฎหมาย แต่คือ “ด่านหน้า” ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ กระตุ้น เตือน และให้คำแนะนำด้านการคุ้มครองข้อมูลในหน่วยงาน ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในยุคที่ภัยไซเบอร์ไม่ได้มาจากการแฮ็กระบบเท่านั้น แต่ยังเกิดจากการจัดเก็บ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลโดยไม่ถูกต้องภายในองค์กร

เจ้าหน้าที่ DPO ต้องมีความรู้ครอบคลุมทั้งด้านกฎหมาย เทคโนโลยี และแนวปฏิบัติที่ปลอดภัย เพื่อให้สามารถวางระบบป้องกัน วิเคราะห์ความเสี่ยง และรับมือเหตุละเมิดได้อย่างมืออาชีพ โดยเฉพาะในหน่วยงานภาครัฐ และองค์กรที่ประมวลผลข้อมูลจำนวนมากหรือข้อมูลส่วนบุคคลประเภทอ่อนไหว เช่น โรงพยาบาลและบริษัทประกันภัย ซึ่งตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) กำหนดให้ต้องแต่งตั้ง DPO อย่างชัดเจน

“เราไม่สามารถรอให้เกิดเหตุรั่วไหลแล้วค่อยแก้ไขได้อีกต่อไป เป้าหมายของ สคส. คือ Zero Data Breach – ข้อมูลรั่วไหลต้องเป็นศูนย์ และ DPO คือหัวใจของการขับเคลื่อนเป้าหมายนี้” โดยเปรียบเสมือน “แนวหน้า” ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ กระตุ้น เตือน และให้คำแนะนำภายในหน่วยงาน พร้อมจัดทำเอกสารสำคัญ เช่น ROPA (Records of Processing Activities) วิเคราะห์ความเสี่ยงด้านกฎหมาย (GAP Analysis) และวางแนวทางรับมือเหตุละเมิดข้อมูล (Data Incident Response) อย่างเป็นระบบ ภารกิจนี้จึงไม่เพียงแค่ตอบโจทย์ด้านกฎหมาย แต่ยังเป็นการรักษาความเชื่อมั่นของประชาชน ซึ่งเป็นหัวใจของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างแท้จริง พ.ต.อ.สุรพงศ์ กล่าวปิดท้าย

หากประชาชนพบเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล สามารถติดต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) โทร. 02-111-8800 หรืออีเมล: saraban@pdpc.or.th

“JGAB 2025” เวทีอัญมณีและเครื่องประดับอาเซียนระดับโลก ดันไทยสู่ศูนย์กลางการค้าและนวัตกรรมเครื่องประดับอย่างยั่งยืน การรวมพลังรัฐ-เอกชน-ผู้ประกอบการ หนุนผู้ประกอบการไทยสู่ตลาดสากล พร้อมโชว์ไฮไลต์งานดีไซน์–แหล่งอัญมณี–เครือข่ายธุรกิจ

อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ร่วมกับ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมและพันธมิตรธุรกิจ จัดงาน Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2025 (JGAB 2025) งานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับแห่งภูมิภาคอาเซียน ในระหว่างวันที่ 23 – 26 เมษายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ หนุนไทยเป็นศูนย์กลางอัญมณีและเครื่องประดับของภูมิภาค การจัดงาน JGAB 2025 ครั้งนี้มุ่งหวังที่จะยกระดับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน และส่งเสริมให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตและการค้าของอัญมณีและเครื่องประดับในภูมิภาคอาเซียน โดยงานนี้จะเป็นเวทีสำคัญในการแสดงสินค้าระดับสากล, การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้, สร้างเครือข่ายธุรกิจ และเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับนักออกแบบและผู้ประกอบการจากทั่วโลก รวมถึงผู้ผลิตจากไทย เพื่อแสดงศักยภาพและสินค้าฝีมือคนไทยในระดับนานาชาติ

นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีศักยภาพโดดเด่นในฐานะผู้นำด้านอุตสาหกรรมอัญมณี ไม่ว่าจะเป็นฝีมือช่างที่ประณีต การออกแบบที่สร้างสรรค์ทันสมัย วัตถุดิบคุณภาพสูง ไปจนถึงโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์ที่สนับสนุนการค้าและส่งออกอย่างครบวงจร ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ไทยเป็นฐานการผลิตและจุดเชื่อมโยงสำคัญของอุตสาหกรรมอัญมณีในภูมิภาคอาเซียนมาโดยตลอด การจัดงาน JGAB 2025 นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่สะท้อนพลังความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการทุกระดับ ทั้งรายใหญ่ รายกลาง และ SMEs โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมอัญมณีไทยให้แข่งขันได้ในระดับภูมิภาคและระดับโลกอย่างยั่งยืน

ซึ่งตลาดอัญมณีและเครื่องประดับไทย (มกราคม–กรกฎาคม 2567) มีมูลค่าการส่งออกทั้งหมด 9,301.92 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 13.86% จากช่วงเดียวกันของปี 2566 โดยนับเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 3 หรือคิดเป็นสัดส่วน 5.44% ของสินค้าส่งออกโดยรวมของไทย แต่หากไม่นับรวมการส่งออกทองคำที่ยังมิได้ขึ้นรูป จะพบว่าการส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่แท้จริงมีมูลค่า 5,103.78 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 6.65% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566

“JGAB 2025 ไม่ได้เป็นเพียงเวทีแสดงสินค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่แห่งการแลกเปลี่ยนความรู้ การสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ และการเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับนักออกแบบไทย ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ไปจนถึงผู้ผลิตระดับสากล โดยเฉพาะในยุคที่ความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยี และความร่วมมือ คือหัวใจของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศ” กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จะเดินหน้าผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็น ‘ศูนย์กลางอุตสาหกรรมอัญมณีของอาเซียน’ อย่างแท้จริง พร้อมผลักดันนโยบายเชิงรุกเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทยในทุกมิติ ทั้งด้านนวัตกรรม การออกแบบ การเพิ่มมูลค่า และการเข้าถึงตลาดใหม่ ๆ ด้วยพลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

ทางด้าน นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธาน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ในฐานะผู้จัดงาน Jewellery & Gem ASEAN Bangkok (JGAB) กล่าวว่า JGAB 2025 ไม่ได้เป็นเพียงงานแสดงสินค้า แต่คือเวทีระดับอาเซียนที่เกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับให้เติบโตอย่างยั่งยืน บนพื้นฐานของนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และการเชื่อมโยงตลาดระหว่างประเทศ “อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการค้าและการผลิตอัญมณีของภูมิภาค และขอขอบคุณทุกพันธมิตร ทั้งหน่วยงานภาครัฐ สมาคม และผู้ประกอบการ ที่ร่วมกันทำให้งานนี้เกิดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในปีนี้”

สำหรับการงาน JGAB 2025 ซึ่งจัดที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ บนพื้นที่มากกว่า 17,000 ตารางเมตร โดยงานนี้ถือเป็นการรวมตัวครั้งสำคัญของผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับทั่วโลก มีผู้ร่วมออกงานแสดงสินค้ารวมกว่า 400 บริษัท จาก 15 ประเทศ โดยเป็นผู้ประกอบการชั้นนำจากต่างประเทศ อาทิ จีน ฮ่องกง อินเดีย อิตาลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และตุรกี และคาดการณ์ว่าจะมีนักธุรกิจและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมมากกว่า 10,000 ราย จากทั่วภูมิภาค รวมถึงผู้ซื้อที่มีศักยภาพซึ่งเราเชิญมาจากทั่วโลก อาทิ จีน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ กัมพูชา มาเลเซีย อินเดีย เวียดนาม ญี่ปุ่น แอฟริกาใต้ อินโดนีเซีย ศรีลังกา ออสเตรเลีย ฮ่องกง เยอรมนี และ สหรัฐอเมริกา

“เราเชื่อมั่นว่า JGAB 2025 จะเป็นพื้นที่ที่จุดประกายโอกาสใหม่ให้กับนักธุรกิจ ผู้ประกอบการ นักออกแบบ และนักลงทุนจากทั่วอาเซียน และทั่วโลก พร้อมสร้างเครือข่ายการค้าในอุตสาหกรรมอัญมณีที่แข็งแรงและยั่งยืนยิ่งขึ้น”

ด้าน นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า นอกจากนี้ JGAB 2025 ยังเป็นเวทีสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการไทยได้พบปะเจรจาธุรกิจกับผู้เข้าชมงาน และผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างประเทศแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยในภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอัญมณีและเครื่องประดับ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ได้มีโอกาสแสดงศักยภาพสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยโดยฝีมือคนไทยให้เป็นที่ประจักษ์ในระดับนานาชาติอีกด้วย สำหรับงาน Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2025 ในปีนี้ จะมีไฮไลต์สำคัญภายในงานได้แก่ โซน The Jewellery & Gem ASEAN Summit สัมมนาระดับนานาชาติที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญ นักวิเคราะห์ตลาด และผู้ประกอบการชั้นนำ เพื่อเจาะลึกแนวโน้มธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับในอนาคต The ASEAN’s Masterpieces Gallery นิทรรศการพิเศษที่นำเสนอผลงานเครื่องประดับอันล้ำค่าจากทั่วอาเซียน สะท้อนเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและงานฝีมืออันประณีต The Next Gem Awards 2025 เวทีเฟ้นหานักออกแบบเครื่องประดับรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์ เปิดโอกาสให้ดีไซเนอร์หน้าใหม่ได้นำเสนอผลงานสู่ตลาดระดับโลก JGAB Runway – “Jewels of The New Era” และ “Symphony of Light” แฟชั่นโชว์เครื่องประดับสุดอลังการ นำเสนอคอลเลกชันพิเศษจากแบรนด์ชั้นนำของภูมิภาค ถ่ายทอดศิลปะและความงดงามผ่านเครื่องประดับที่สะท้อนวัฒนธรรมและแนวโน้มแฟชั่นแห่งอนาคต และโซนสัมมนาและเวิร์กช็อปด้านการตลาดและเทคโนโลยีอัญมณีและเครื่องประดับ อัปเดตแนวโน้มตลาดอัญมณีและเครื่องประดับโลก กลยุทธ์การทำตลาดดิจิทัล และเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น AI และ Blockchain ที่เข้ามามีบทบาทในการซื้อขายอัญมณีและเครื่องประดับ

ดูรายละเอียดและติดตามข่าวสารเพิ่มเติม:

  • Website: https://jewellerygemaseanbkk.com
  • Facebook: https://www.facebook.com/JGABThailand
  • Instagram: https://www.instagram.com/jewelleryandgemaseanbangkok
  • LinkedIn: https://www.linkedin.com/in/jewellery-and-gem-asean-bkk
  • Line: https://lin.ee/cp9sd85

“โฮมโปร” เขย่าตลาดบ้านปี 68 พลิกเกมค้าปลีก สู่ “Home Solution & Living Experience”ลุยขยาย 12 สาขา พร้อมเปิดตัวแอป “CHANG HomePro” ชูจุดแข็ง Emergency Service-เรียกช่างได้ 24 ชั่วโมง

บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ โฮมโปร ผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการเรื่องบ้านเบอร์หนึ่งของไทย เขย่าวงการบ้านรับปี 68 ด้วยกลยุทธ์ใหม่ ที่เป็นมากกว่า “ขายสินค้า” แต่ยกระดับทั้งองค์กรสู่การเป็น “Home Solution & Living Experience” ศูนย์รวมสินค้าและบริการเรื่องบ้านครบวงจร ที่มุ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ในทุกๆ มิติ ตั้งแต่การเลือกซื้อสินค้า ติดตั้ง ซ่อมแซม รีโนเวท ไปจนถึงบริการหลังการขาย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นภายในบ้านอย่างแท้จริง พร้อมเดินหน้าขยายสาขาใหม่อีก 12 แห่งทั่วประเทศ ทั้งในรูปแบบโฮมโปร เมกาโฮม และ “ไฮบริดสโตร์” ที่รวมโฮมโปรและเมกาโฮมไว้ในที่เดียว เสริมแกร่งทุกเซกเมนต์ลูกค้าตั้งแต่เจ้าของบ้านไปจนถึงผู้รับเหมา โดยในช่วงกลางปีนี้ เตรียมเปิดตัวแอปพลิเคชัน “CHANG HomePro” ที่จะเปลี่ยนทุกบ้านให้มี “ช่างโฮมโปร มือโปรประจำบ้านคุณ” เรียกใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง

นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” เปิดเผยว่า
ธุรกิจค้าปลีกเรื่องบ้านในตลาดทุกวันนี้ มีการแข่งขันสูง ถือเป็นเรื่องปกติ ขึ้นอยู่กับว่าจะปรับตัวอย่างไรให้ตรงใจลูกค้า ซึ่งเราเชื่อว่า การเข้าใจลูกค้าคือหัวใจของความสำเร็จ โฮมโปร “ไม่ใช่แค่ร้านค้าจำหน่ายสินค้าอีกต่อไป” แต่คือ “ศูนย์รวมสินค้าและบริการเรื่องบ้านครบวงจร” ซึ่งความได้เปรียบเชิงโครงสร้างธุรกิจของโฮมโปรเกิดจากการมี 2 แบรนด์หลัก คือ “โฮมโปร” ที่จับกลุ่มลูกค้าบ้านเก่า-บ้านใหม่ กับ “เมกาโฮม” ที่จับกลุ่มลูกค้าช่างและผู้รับเหมา โดยล่าสุดเตรียมพัฒนาโมเดล “ไฮบริดสโตร์” ที่รวมทั้งสองไว้ในจุดเดียว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกสูงสุด รองรับทุกกลุ่มลูกค้าของเรา แต่สิ่งที่ทำให้โฮมโปรแตกต่างอย่างแท้จริงไม่ใช่แค่นี้ แต่คือ การขยับแบรนด์ให้เป็นมากกว่าการขายสินค้า แต่เป็น Home Solution & Living Experience

Home Solution & Living Experience เป็นวิสัยทัศน์ของเราที่ต้องการผลักดัน และยกระดับจากร้านค้าจำหน่ายสินค้า ให้กลายเป็นศูนย์รวมสินค้าและบริการเรื่องบ้านครบวงจร โดยเน้นสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ซึ่งแนวคิดนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่มีสินค้าครบ แต่เรารวมบริการเข้าไว้ด้วยกัน อาทิ การรีโนเวทบ้านทั้งหลัง โดยช่างโฮมโปรที่ได้มาตรฐาน การบริการจัดส่ง ติดตั้ง รื้อถอน ซ่อมแซม การออกแบบพื้นที่พิเศษเพื่อรองรับผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยพักฟื้น ไปจนถึงบริการหลังการขายที่ครอบคลุมตลอดอายุการใช้งานสินค้า แม้ว่าจะไม่ได้ซื้อสินค้าจากโฮมโปรก็สามารถเรียกใช้บริการได้

ซึ่งโฮมโปรมีการขยายศูนย์ซ่อมมืออาชีพทั่วประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาให้ลูกค้า ไม่ต้องรอซ่อมนาน ลดระยะเวลาในการซ่อมจาก 30-60 วัน เหลือเพียง 3-7 วัน ที่สำคัญเราคิดในมุมของลูกค้า จึงเกิดเป็นบริการเครื่องใช้ไฟฟ้าสำรองระหว่างรอซ่อม ขึ้นมา เช่น ตู้เย็น ปั๊มน้ำ และเครื่องซักผ้า เพื่อให้ลูกค้าใช้ชีวิตต่อได้อย่างราบรื่น

นอกจากนี้ ยังเปิดบริการ “Emergency Service” เรียกช่างโฮมโปรได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมถึงหน้างานภายใน 2 ชั่วโมง รองรับเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไฟดับ น้ำไม่ไหล และอีกหนึ่งบริการคือ “Same Day Delivery” ซึ่งเดิมมีอยู่แล้ว แต่ปีนี้จะเป็นปีแรกที่มีบริการจัดส่ง-ติดตั้ง Same Day Delivery ฟรี ภายในวันเดียว สำหรับสินค้าที่ร่วมรายการ เพราะเราต้องการให้ลูกค้าได้สินค้าที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้ทันที

นายวีรพันธ์ กล่าวต่อว่า อีกก้าวสำคัญคือ การพัฒนาแอปพลิเคชัน “Home Service” เป็นแอป CHANG HomePro” เตรียมเปิดตัวกลางปีนี้ พร้อมสโลแกน “ช่างโฮมโปร มือโปรประจำบ้านคุณ” ที่จะทำให้การเปลี่ยนหลอดไฟ ซ่อมก๊อกน้ำ หรือซ่อมแอร์ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป ด้วยปลายนิ้วเดียวก็สามารถเรียกช่างโฮมโปรมาถึงบ้านอย่างสะดวก รวดเร็ว และมั่นใจในคุณภาพมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ

ไม่เพียงแค่นั้น โฮมโปรยังเดินหน้าสู่องค์กรด้านความยั่งยืน ตั้งเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 พร้อมขับเคลื่อน Lifetime Eco-System เพื่อส่งมอบคุณค่าแห่งการอยู่อาศัยที่ยั่งยืน ตลอดช่วงอายุของการใช้งานสินค้าและบริการ ตลอดจนเข้าไปแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้า ช่วยจัดการของเก่าให้อย่างถูกวิธี ผ่านโครงการ “แลกเก่าเพื่อโลกใหม่” ลูกค้าสามารถนำเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าที่ไม่ใช้แล้ว มาแลกเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าใหม่ และยังแลกข้ามประเภทสินค้าภายในหมวดเดียวกันได้ โดยสินค้าที่ไม่ใช้แล้วจากบ้านลูกค้าโฮมโปรจะนำไปจัดการอย่างถูกวิธี โดยมีบริษัทที่มีใบรับรองตามกฎหมายเป็นผู้ดำเนินการ โดยวัสดุเหล่านี้จะถูกนำไปผลิตเป็น “สินค้ารักษ์โลก จากวัสดุหมุนเวียน” หรือ Circular Products และนำกลับมาวางจำหน่ายในโฮมโปรอีกครั้ง เช่น กระเป๋าช้อปปิ้งจากพลาสติกหุ้มสินค้า หรือกระเบื้องจากสุขภัณฑ์เก่า พร้อมร่วมมือกับพันธมิตรผลักดัน Circular Economy อย่างจริงจัง

นายวีรพันธ์ กล่าวปิดท้ายว่า ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ท้าทายจากปัญหาหนี้ครัวเรือนและกำลังซื้อที่ลดลง โฮมโปรยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากกลุ่มลูกค้าบ้านเก่าที่ต้องการปรับปรุงบ้าน อีกทั้งยังมีฐานสมาชิกกว่า 7 ล้านราย ที่นำมาวิเคราะห์และต่อยอดการทำตลาด นำเสนอสินค้าและบริการอย่างแม่นยำ ขณะเดียวกันก็ขยายฐานใหม่ไปยังกลุ่มเจ้าของบ้านใหม่ กลุ่มโปรเจกต์เชิงพาณิชย์ เช่น โรงแรม ร้านอาหาร รวมถึงเพิ่มสินค้ากลุ่ม Health & Wellness ตอบรับเทรนด์สุขภาพที่มาแรง

ตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปีของโฮมโปร มาจากการพัฒนาที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ทั้งในแง่ของสินค้า บริการ รูปแบบร้านค้าจำหน่ายสินค้า และเทคโนโลยีต่างๆ ที่นำมาใช้ในกระบวนการทำงาน เพื่อสร้าง “Customer Success” ไม่ใช่แค่ประสบการณ์ที่ดี แต่คือ ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เมื่อลูกค้าที่ซื้อสินค้าและบริการของเราแล้ว จะได้ตามสิ่งที่คาดหวังจริงๆ ความสำเร็จของโฮมโปรไม่ได้วัดแค่ยอดขายหรือจำนวนสาขา แต่ยังสะท้อนจากการได้รับรางวัลระดับประเทศและนานาชาติอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น รางวัล 2025 Thailand’s Most Admired Brand ในกลุ่ม Modern Trade วัสดุก่อสร้าง ที่สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์

โฮมโปร ไม่ได้แค่ขายสินค้า… แต่เราสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนให้กับคนไทย
ด้วยการพัฒนาธุรกิจให้เป็นHome Solution & Living Experience – ศูนย์รวมสินค้าและบริการเรื่องบ้านครบวงจร
ปี 2568 นี้ ไม่ใช่แค่ปีแห่งการเติบโต แต่คือปีแห่ง “การเปลี่ยนเกม” ที่ทั้งประเทศจะต้องจับตา!

#HomePro #โฮมโปร #BetterLivingเพื่อชีวิตที่ดีกว่า #Homepropr