Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2025 เปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ เวทีระดับโลกขับเคลื่อนอุตสาหกรรมความงามใจกลางอาเซียน

งานแสดงสินค้าธุรกิจความงามระดับโลกที่ทุกคนรอคอย Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2025 เปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ในวันที่ 25–27 มิถุนายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 17,000 คน ส่วนใหญ่จากกลุ่มประเทศอาเซียนและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พร้อมแบรนด์ความงามกว่า 2,000 แบรนด์ จากบริษัทผู้แสดงสินค้ากว่า 650 ราย ครอบคลุม 19 ประเทศจากทุกภูมิภาค บนพื้นที่จัดแสดงกว่า 25,000 ตารางเมตร ตอกย้ำบทบาทของประเทศไทย ในฐานะศูนย์กลางธุรกิจความงามของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างชัดเจน โดย Cosmoprof CBE ASEAN จัดแสดงครอบคลุมอุตสาหกรรมเครื่องสำอางแบบครบวงจร ตั้งแต่วัตถุดิบต้นน้ำ ไปจนถึงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปจากแบรนด์ชั้นนำ พร้อมด้วยเวทีสำคัญที่ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมความงามไม่ควรพลาด ปีนี้ งานยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้แสดงสินค้าใหม่เพิ่มขึ้นถึง 58% และมีการเข้าร่วมจากต่างประเทศถึง 57% ของจำนวนทั้งหมด สะท้อนความสำคัญในระดับโลก และบทบาทของงานนี้ในฐานะประตูสู่ตลาดความงามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ภายในงานพบกับ CosmoTalks โปรแกรมสัมมนาด้านความรู้จากเครือข่าย Cosmoprof ที่รวบรวมเหล่าผู้นำทางความคิดและผู้เชี่ยวชาญระดับโลก มาร่วมเจาะลึกประเด็นสำคัญต่าง ๆ อาทิ เทรนด์ความงามล่าสุด
กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ การพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วยเทคโนโลยี และแนวทางการเข้าสู่ตลาดอาเซียน
นอกจากนี้ ยังมี Buyer Program โปรแกรมจับคู่ธุรกิจที่คัดสรรอย่างเฉพาะเจาะจง เพื่อเชื่อมโยงผู้แสดงสินค้ากับผู้ซื้อรายสำคัญ เสริมโอกาสสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์และขยายธุรกิจ ไฮไลต์ของงานคือ CosmoTalks Seminar จัดขึ้นตลอด 3 วันของงาน โดยเปิดให้เข้าร่วมฟังฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย มอบประสบการณ์เรียนรู้ที่หาไม่ได้จากที่อื่น ผู้เข้าร่วมจะได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ เทรนด์ความงามระดับโลกปี 2025 พฤติกรรมผู้บริโภครุ่นใหม่ เทคนิคสร้างแบรนด์ในยุคโซเชียลมีเดียและอีคอมเมิร์ซ นวัตกรรมส่วนผสมล้ำสมัย แนวทางความงามรักษ์โลก (Green Beauty) และ กลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดอาเซียนและตลาดโลก โดยวิทยากรแนวหน้าและผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรม

งานนี้จัดขึ้นโดยความร่วมมืออันแข็งแกร่งระหว่าง BolognaFiere Group, Informa Markets และ Shanghai Baiwen Exhibition Co., Ltd. ซึ่งเป็น 3 ผู้นำระดับโลกที่มุ่งมั่นผลักดันให้เวทีความงามในอาเซียนแห่งนี้ กลายเป็น ศูนย์กลางของการเจรจาธุรกิจและการนำนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ความงามสู่ตลาดโลก

สัมผัสก่อนใครกับผลิตภัณฑ์ความงามกว่า 2,000 รายการ ที่ยังไม่เคยเปิดตัวในประเทศไทย ร่วมเปิดโลกนวัตกรรมความงาม และค้นพบสินค้าขายดีแห่งอนาคตกับผลิตภัณฑ์สุดล้ำสมัย พร้อมชมศักยภาพของความร่วมมือระดับโลกผ่าน 5 พาวิลเลียนจากประเทศและกลุ่มนานาชาติ ที่คัดสรรความงามระดับโลกมาไว้ในที่เดียว

  • Korea Pavillion – เกาหลี ผู้นำเทรนด์โลก K-Beauty กับเทคโนโลยีสกินแคร์อัจฉริยะและเมคอัพสุดล้ำ สูตรลับที่สายเกา และสายสกินต้องไม่พลาด
  • China Pavillion – จีน รวมซัพพลายเออร์จากจีนที่นำเสนอนวัตกรรมและโซลูชันบรรจุภัณฑ์ล้ำสมัย
  • Taiwan Pavilion – ไต้หวัน โดดเด่นเรื่องนวัตกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ มาพร้อมแนวคิด “Clean Beauty” ที่กำลังมาแรง
  • Italy Pavilion – อิตาลี ประเทศแห่งแฟชั่นและความงามระดับโลก นำความหรูหราและคุณภาพแบบยุโรปแท้ ๆ มาให้ได้สัมผัส
  • Thailand Pavilion – เฉลิมฉลองความสำเร็จของแบรนด์ความงามไทยที่พร้อมส่งออก นำเสนอวัตถุดิบคุณภาพพรีเมียม และผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงในราคาที่แข่งขันได้

เวทีเดียวจบ ครบทุกมิติของห่วงโซ่อุปทานธุรกิจความงาม

ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ งานนี้ถูกจัดแบ่งอย่างเป็นระบบในแต่ละโซนสำคัญ ได้แก่:

  • Supply Chain Zone – พื้นที่สำหรับซัพพลายเออร์ชั้นนำด้านวัตถุดิบและส่วนผสม การคิดสูตร การผลิตแบบรับจ้าง (Contract Manufacturing) บรรจุภัณฑ์ขั้นต้นและขั้นปลาย เครื่องจักร รวมถึงบริการ OEM/ODM ภายใต้แบรนด์ของลูกค้า เหมาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างสรรค์หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ความงามของตนเอง
  • Finished Product Zone – โซนจัดแสดงผลิตภัณฑ์ความงามสำเร็จรูปทุกหมวดหมู่ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหอมและของใช้ส่วนตัว ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกและความงามรักษ์โลก โซลูชันสำหรับร้านเสริมสวยและสปา ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม เล็บ อุปกรณ์เสริมความงาม และเครื่องมือความงามต่าง ๆ พร้อมพบกับแบรนด์ชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ Giffarine, MISTINE, Srichand, Plantnery และอีกมากมาย เป็นโอกาสสำคัญในการสร้างเครือข่ายการจัดจำหน่าย พันธมิตรทางธุรกิจ และการลงทุนเชิงกลยุทธ์ ตอกย้ำบทบาทของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางอุตสาหกรรมความงามแห่งภูมิภาค

Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2025 ไม่ใช่แค่งานแสดงสินค้า แต่คือเวทีแห่งการเชื่อมโยง ร่วมมือ
และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมความงามระดับโลก ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ประกอบการ นักลงทุน
ผู้ซื้อ หรือผู้หลงใหลในความงามและสุขภาพ นี่คืองานที่คุณไม่ควรพลาดเพื่อค้นพบอนาคตของวงการความงาม

นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้ร่วมจัดงาน Cosmoprof CBE ASEAN กล่าวว่า งานนี้เป็นเวทีสำคัญระดับนานาชาติสำหรับอุตสาหกรรมความงามทั่วโลก ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่คาดว่าจะกลายเป็นตลาดความงามที่ใหญ่ที่สุดของโลกในปีต่อ ๆ ไป โดยเฉพาะหมวดผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม น้ำหอม และบริการความงาม ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของความตระหนักเรื่องสุขภาพ ความยั่งยืน และเทคโนโลยีความงามที่กำลังนิยามอนาคตของการบริโภคความงามใหม่

จากข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย ตลาดความงามในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีมูลค่าประมาณ 34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.2 ล้านล้านบาท) ในปี 2567 และคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 16% ระหว่างปี 2567 ถึง 2571

Gianpiero Calzolari ประธาน BolognaFiere หนึ่งในผู้จัดหลักของงาน Cosmoprof CBE ASEAN 2025 กล่าวในงานว่า “Cosmoprof ไม่ใช่แค่งานแสดงสินค้า แต่มันคือเวทีที่ความเป็นเลิศของอิตาลีได้พบกับโอกาสระดับโลก เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มที่ไม่เพียงขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ยังช่วยยกระดับแบรนด์ความงามจากทั่วโลกสู่การยอมรับในระดับสากล งาน Cosmoprof CBE ASEAN กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและน่าตื่นเต้น ภายในระยะเวลาอันสั้น งานแสดงสินค้านี้ได้รับการยอมรับอย่างสูงในฐานะงานอ้างอิงสำคัญสำหรับผู้เล่นหลักทั้งหมดในภูมิภาคอาเซียน ช่วยส่งเสริมการเชื่อมโยงระหว่างซัพพลายเออร์กับ    แบรนด์ และเสริมสร้างการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง เราจะยังคงลงทุนในภูมิภาคนี้ต่อไป โดยมีเป้าหมายที่จะนำเสนอโอกาสความร่วมมือทางเลือกใหม่ ๆ และโซลูชันที่หลากหลายแก่ชุมชนระดับโลกของเรา”

Ying Sang, Executive Chairman of CBE China Beauty Expo, Shanghai Baiwen Exhibitions Co., Ltd.เปิดเผยว่า ความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการจากประเทศจีนและตลาดอาเซียนจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการแลกเปลี่ยนนวัตกรรมด้านความงามอย่างไร้ขีดจำกัด พร้อมสร้างบทสนทนาแห่งความคิดสร้างสรรค์และการเติบโตที่ยั่งยืน งานในครั้งนี้ไม่ใช่แค่เวทีสำหรับการจัดแสดงสินค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว และร่วมกันสำรวจศักยภาพใหม่ ๆ ของอุตสาหกรรมความงามในระดับภูมิภาคและระดับโลก

ด้วยความร่วมมืออันแข็งแกร่งระหว่าง BolognaFiere Group, Informa Markets และ Shanghai Baiwen Exhibition ทำให้งาน Cosmoprof CBE ASEAN ยังคงพัฒนาเป็นแพลตฟอร์มครบวงจรที่ครอบคลุมนวัตกรรม เทคโนโลยี ความยั่งยืน และการสร้างเครือข่ายธุรกิจเชิงลึกในภูมิภาค Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2025 จึงไม่ใช่แค่ตลาดซื้อขายสินค้า แต่เป็นแหล่งแรงบันดาลใจและความร่วมมือระหว่างประเทศ ที่ช่วยกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมความงามในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทั่วโลก

“ไวไว” เปิดตัวบะหมี่พรีเมียม ‘Waiwai WOW’ ด้วยราคา 11 บาท

นายยศสรัล แต้มคงคา ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายการตลาด พร้อมด้วย นายสุทธิพงษ์  พร้อมพงษ์ศรี รองผู้อำนวยการ บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์ไวไว (WaiWai) เปิดตัว ‘Waiwai WOW’ สินค้ากลุ่มพรีเมียมกับ 2 รสชาติเกาหลี-ญี่ปุ่น “รสโคเรี่ยน สไปซี่ซีฟู้ด และ รสแกงกะหรี่ญี่ปุ่นชีส” เสิร์ฟความอร่อยจากเส้น และซุปที่มีรสชาติเข้มข้น เจาะกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น หาซื้อได้ที่ 7-11 ทุกสาขา โดยมี นายธนปกรณ์ วูวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด (บริหารผลิตภัณฑ์) ร่วมเปิดตัวด้วย ณ บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด เมื่อวันก่อน

“รู้ทันโรคหัวใจ…ก่อนสายเกินไป” โรงพยาบาลพระรามเก้า ชูศักยภาพสถาบันหัวใจและหลอดเลือดครบวงจร พร้อมทีมแพทย์ดูแล 24 ชม. เน้นป้องกัน-รักษา-ฟื้นฟู ครอบคลุมทุกมิติ

โรคหัวใจและหลอดเลือดถือเป็น ฆาตกรเงียบที่คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นโรคที่มักไม่แสดงอาการชัดเจนในระยะเริ่มต้น แต่สามารถคร่าชีวิตได้อย่างเฉียบพลัน โรงพยาบาลพระรามเก้า จึงมุ่งยกระดับ “สถาบันหัวใจและหลอดเลือด” ให้เป็นศูนย์กลางด้านโรคหัวใจชั้นนำของประเทศ ที่พร้อมทั้งการป้องกัน วินิจฉัย รักษา และฟื้นฟูภายใต้แนวคิด “ดูแลหัวใจคุณ ด้วยหัวใจเรา

          นพ.อนุพงษ์ ปริณายก ผู้อำนวยการสถาบันหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลพระรามเก้า เปิดเผยว่า โรคหัวใจยังคงเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของโลก และในประเทศไทยอยู่ในอันดับสอง รองจากโรคมะเร็ง (รวมทุกอวัยวะ) โดยมีอัตราการเสียชีวิตเฉลี่ยสูงถึง 12% หรือประมาณ 2 รายต่อชั่วโมง อีกทั้งยังพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปีล่าสุดมีผู้ป่วยใหม่กว่า 400,000–500,000 ราย สะท้อนถึงความรุนแรงของโรคที่กำลังเพิ่มขึ้นในสังคมไทย

ปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่

            1.ปัจจัยปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เช่น พันธุกรรม (โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเสียชีวิตจากโรคหัวใจก่อนวัยอันควร), อายุที่มากขึ้น และในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน

2. ปัจจัยที่ควบคุมได้ ได้แก่ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง การบริโภคไขมันทรานส์ (ที่พบในเบเกอรี่ ครีมเทียม อาหารทอด), ภาวะอ้วน การสูบบุหรี่ (รวมถึงบุหรี่ไฟฟ้า), การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป การไม่ออกกำลังกาย ความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ และการละเลยควบคุมโรคประจำตัว ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่กระตุ้นให้โรคหัวใจกำเริบหรือรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว

นายแพทย์อนุพงษ์ ให้ข้อมูลต่อว่าอาการของโรคหัวใจ อาจแสดงออกแบบค่อยเป็นค่อยไป หรือเกิดขึ้นเฉียบพลัน โดยอาการค่อยเป็นค่อยไป เช่น เหนื่อยง่ายเวลาออกแรง แน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก ที่อาจร้าวไปยังกราม แขน หรือหลังได้  ซึ่งมักถูกมองข้าม ขณะที่บางรายไม่มีอาการเตือนใดๆ มาก่อน แต่กลับเกิดอาการเฉียบพลัน เช่น เจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง ร้าวไปที่กรามหรือไหล่ ร่วมกับความดันตก ซึ่งผู้ป่วยบางรายอาจเสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาล ผู้ป่วยที่มาถึงโรงพยาบาลแล้ว ยังมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 10% ดังนั้น การใส่ใจสัญญาณเตือน แม้เพียงเล็กน้อย จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

            ด้านการตรวจวินิจฉัยและรักษาแนะนำให้ผู้ชายอายุ 40 ปีขึ้นไป และผู้หญิงตั้งแต่อายุ 50 ปี ควรเริ่มตรวจสุขภาพหัวใจอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจ โดยการตรวจประกอบด้วยตรวจเลือดระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG), การเดินสายพาน (Exercise Stress Test) การตรวจเอคโคหัวใจ (Echocardiogram) เพื่อดูโครงสร้างและการทำงานของหัวใจ นอกจากนี้ ยังมีการตรวจเอกซเรย์หินปูนในหลอดเลือดหัวใจ (Calcium Score CT Scan) ซึ่งสามารถบ่งบอกระยะเริ่มต้นของไขมันในหลอดเลือดหัวใจได้อย่างแม่นยำ ซึ่งหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ เปรียบได้กับยอดภูเขาน้ำแข็งที่โผล่พ้นน้ำ ยังมีไขมันที่ซ่อนอยู่ภายในหลอดเลือดอีกมาก รวมทั้งยังมีการตรวจ MRI หัวใจ

            แม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้า เช่น การทำบอลลูน ใส่ขดลวด ผ่าตัดบายพาส หรือเปลี่ยนลิ้นหัวใจผ่านสายสวนแบบ TAVR แต่โรคหัวใจส่วนใหญ่ “ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้” การรักษาเป็นเพียงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า หากไม่ดูแลรักษาควบคุมปัจจัยเสี่ยงอย่างจริงจัง ก็มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้อีก จึงจำเป็นต้องได้รับการติดตามปัญหาจากแพทย์อย่างต่อเนื่อง

โรงพยาบาลพระรามเก้า โดยสถาบันหัวใจและหลอดเลือด มีความพร้อมเต็มที่ทั้งด้านบุคลากรและเทคโนโลยี ปัจจุบันมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจจำนวนกว่า 30 ท่าน ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งเคสทั่วไปและซับซ้อน พร้อมห้องสวนหัวใจ (Cath Lab) ที่ครบครันด้วยอุปกรณ์เฉพาะทาง เช่น Rotablator (กรอหินปูนในหลอดเลือด), IVUS (ตรวจขนาดหลอดเลือดด้วยคลื่นเสียง), เครื่องวัดการไหลเวียนเลือด นอกจากนี้ ยังมีระบบ Real-time Case Management ผ่านแอปพลิเคชัน ที่ช่วยให้ทีมแพทย์ประสานงานดูแลผู้ป่วยได้แบบเรียลไทม์ในการรักษาได้อย่างทันท่วงที โรงพยาบาลยังมีความสามารถเปิดหลอดเลือดฉุกเฉินได้ภายใน 60 นาทีหลังผู้ป่วยมาถึง ซึ่งเร็วกว่ามาตรฐานสากลที่ 90 นาที ซึ่งกรณีดังกล่าวหากสามารถเปิดหลอดเลือดได้เร็ว ก็จะลดอัตราการเสียชีวิตและช่วยรักษากล้ามเนื้อหัวใจได้มากขึ้น

            ในการดูแลผู้ป่วยต่างชาติ โรงพยาบาลพระรามเก้ามีความพร้อมอย่างยิ่ง โดยได้การรับรองมาตรฐาน JCI (Joint Commission International) มาอย่างต่อเนื่อง และมีศูนย์ International Center สำหรับการดูแลผู้ป่วยต่างชาติ ทั้งในด้านการให้ข้อมูล การประสานงาน เอกสารวีซ่า และการส่งกลับประเทศอย่างครบวงจร

            การติดตามผลผู้ป่วยก็เป็นอีกหนึ่งจุดแข็งสำคัญของสถาบันหัวใจแห่งนี้ โดยแพทย์จะมีรายชื่อผู้ป่วยที่ต้องติดตามผล พร้อมมีพยาบาลโทรติดตามอาการ หากผู้ป่วยไม่มาตามนัด จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อเพื่อไม่ให้การรักษาขาดตอนเพื่อความปลอดภัยของผู้รับบริการ

นายแพทย์อนุพงษ์ กล่าวปิดท้ายว่า “หัวใจของการดูแลสุขภาพหัวใจ ไม่ใช่แค่รักษาเมื่อเกิดโรค แต่คือการป้องกันไม่ให้เกิดโรคตั้งแต่แรก” ไม่ควรรอให้มีอาการก่อนแล้วจึงค่อยดูแล เพราะอาจไม่ทันท่วงที พฤติกรรมสุขภาพ เช่น การออกกำลังกายสม่ำเสมอ ลดความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ และควบคุมโรคประจำตัวอย่างเคร่งครัด เป็นสิ่งที่ทุกคนควรใส่ใจ อย่านิ่งนอนใจหากรู้สึกผิดปกติ เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของภัยเงียบที่รอวันทำร้ายชีวิตได้

​​​​​​​​​​​​​​​​สำหรับผู้ที่พบว่าตนมีความเสี่ยง สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ได้ที่ โทร. 1270 หรือ Line: https://lhco.li/3YR7rhZ และ Facebook: Praram9 Hospital โรงพยาบาลพระรามเก้า HEALTHCARE YOU CAN TRUST เรื่องสุขภาพ…ไว้ใจเรา #Praram9Hospital

1 ปี ที่โฮมโปร ชวนเปลี่ยนบ้านให้รักษ์โลก ด้วยนวัตกรรม “เครื่องใช้ไฟฟ้ารักษ์โลก” ร่วมกับ SCGC ย้ำความสำเร็จของการขับเคลื่อนแนวคิดเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม

โฮมโปร ผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการเรื่องบ้าน และเป็นรายแรกในไทยที่ขับเคลื่อนการรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ครบวงจร พร้อมด้วย เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC ผู้นำธุรกิจพอลิเมอร์และโซลูชันครบวงจรเพื่อความยั่งยืน ร่วมกันเดินหน้าขยายความสำเร็จ “โครงการเครื่องใช้ไฟฟ้ารักษ์โลกจากพลาสติกรีไซเคิล” ซึ่งดำเนินมาต่อเนื่องตลอด 1 ปีที่ผ่านมา พร้อมได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค มีลูกค้านำสินค้าเก่ามาร่วมโครงการ “แลกเก่าเพื่อโลกใหม่” (Trade-in) กว่า 200,000 ชิ้น

สะท้อนถึงความตื่นตัวในการเลือกใช้สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความเชื่อมั่นในแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับอนาคตของโลก โครงการฯ ดังกล่าว มุ่งสร้างสินค้าและบริการที่ไม่เพียงตอบโจทย์ด้านความยั่งยืน แต่ยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค ด้วยการจัดการเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าอย่างถูกวิธี เพื่อนำไปรีไซเคิลอย่างปลอดภัยและผลิตเป็นสินค้ารักษ์โลกตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยต้นปี 2568 นี้ เปิดตัวเครื่องใช้ไฟฟ้ารักษ์โลกจากแบรนด์ชั้นนำต่อเนื่อง ตั้งเป้าปี 2573 เพิ่มสัดส่วนขายสินค้ารักษ์โลกเป็น 20% จากยอดขายสินค้าทั้งหมด เพื่อมุ่งยกระดับสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนตามแนวคิด Make Every Change A Better Life

นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” เผยถึงการเติบโตอย่างยั่งยืน ของโฮมโปร และ ‘เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC’ พันธมิตรผู้นำธุรกิจพอลิเมอร์และโซลูชันครบวงจร ผ่านความร่วมมือพัฒนา Circular Products หรือผลิตภัณฑ์หมุนเวียน โดยเฉพาะ ‘เครื่องใช้ไฟฟ้ารักษ์โลก’ ที่ได้ดำเนินการต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2567 ด้วยการนำเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าจากบ้านลูกค้า ในโครงการ ‘แลกเก่าเพื่อโลกใหม่’ ไปเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลในระบบปิด (Closed-Loop) เพื่อผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง (High Quality PCR Resin) ภายใต้แบรนด์ SCGC GREEN POLYMERTM และนำมาผลิตเป็นสินค้ารักษ์โลกจากวัสดุหมุนเวียนหลากหลายประเภทที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค เช่น ตู้เย็นรักษ์โลก Haier พัดลมรักษ์โลก Venz เครื่องทำน้ำอุ่นรักษ์โลก Stiebel Eltron  

ในปี 2568 โฮมโปร และ SCGC ได้เดินหน้าขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้ารักษ์โลกกับแบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ช่วงต้นปีนี้ ได้มีการพัฒนาตู้เย็นและเครื่องซักผ้ารักษ์โลก Samsung เครื่องทำน้ำอุ่นรักษ์โลก Mazuma รวมถึงเครื่องซักผ้ารักษ์โลก Toshiba ความร่วมมือกับ SCGC ถือเป็นการช่วยสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนตามแนวคิด Make Every Change A Better Life และสร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เกิดเป็นรูปธรรม พร้อมเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้โฮมโปรกลายเป็นค้าปลีกรายแรกในไทย ที่ขับเคลื่อนการรีไซเคิลเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าและขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร (First Retailer Making Waste Electrical and Electronic Equipment (WEEE) to Closed Loop Circular Appliances)

“ความสำเร็จเหล่านี้ ได้กระตุ้นให้เรามุ่งมั่นจะเดินหน้าเพิ่มสินค้ารักษ์โลกจากวัสดุหมุนเวียนร่วมกับแบรนด์ชั้นนำอื่นๆ ต่อเนื่องในอนาคต โดยโฮมโปรตั้งเป้าหมายจำหน่ายสินค้ารักษ์โลกจากวัสดุหมุนเวียน (Circular Products) ขยายเป็นสัดส่วน 20% จากยอดขายสินค้าทั้งหมด ภายในปี 2573” นายวีรพันธ์ กล่าว

ด้าน นายชาตรี เอี่ยมโสภณา ประธานเจ้าหน้าที่สายงานพาณิชย์ เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) กล่าวว่า “SCGC ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความยั่งยืนมาโดยตลอด ตามแนวทาง ‘Low Waste, Low Carbon’ โดยนำพลาสติกในเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าจากความร่วมมือกับโฮมโปร เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลที่ได้มาตรฐานระดับสากล GRS (Global Recycled Standard) เพื่อผลิตเป็นเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง (High Quality PCR Resin) ที่นำไปผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่จากวัสดุหมุนเวียน (Circular Products) ซึ่งเทคโนโลยีของ SCGC สามารถออกแบบให้เม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูงมีคุณสมบัติเฉพาะทาง ตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละแบรนด์ได้อย่างครบถ้วน โดยยังคงคุณภาพ มีความปลอดภัย มีคุณสมบัติแข็งแรงทนทาน และรองรับการใช้งานที่หลากหลาย จึงเหมาะกับการนำไปประกอบในชิ้นส่วนของเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละประเภท ความร่วมมือนี้จึงเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ลดปริมาณขยะ สร้างคุณค่าใหม่ให้พลาสติกใช้แล้ว พร้อมยังตอบโจทย์ธุรกิจและเจ้าของแบรนด์สินค้า รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างรอบด้าน”

#สินค้ารักษ์โลกจากวัสดุหมุนเวียน #CircularProducts #CircularEconomy #ร่วมรักษ์โลกไปกับโฮมโปร #HomeProCircularProducts #สินค้ารักษ์โลก #โฮมโปร #HomePro #BetterLivingเพื่อชีวิตที่ดีกว่า #Homepropr #SCGC #SCGCGreenPolymer

สคส. ชี้แจงกรณีอ้างอิงประกาศของ สคส. ที่หมดอายุแล้ว

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) ขอเรียนให้ประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องทราบว่า ขณะนี้ได้ตรวจพบกรณีที่มีการนำ ประกาศของสคส.เพื่อแสดงว่าหลักสูตรมีเนื้อหาสอดคล้องตามที่ สคส.กำหนด ซึ่งหมดอายุแล้ว ไปใช้ในการประชาสัมพันธ์ผ่านเว็บไซต์และสื่ออื่น ๆ โดยอ้างอิงถึงความร่วมมือกับสำนักงานฯ

พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ สคส. ขอเรียนว่า ได้มีกลุ่มบุคคลได้นำ ประกาศของสคส.เพื่อแสดงว่าหลักสูตรมีเนื้อหาสอดคล้องตามที่ สคส.กำหนด ซึ่งประกาศนั้นได้หมดอายุแล้วนั้น โดยจะไม่สามารถนำไปใช้ในการแสดงสิทธิ ความร่วมมือ หรือรับรองคุณสมบัติใด ๆ ได้อีก หากมีการนำไปใช้ในลักษณะดังกล่าว อาจเข้าข่ายเป็นการแอบอ้างชื่อหน่วยงานรัฐ ซึ่งสำนักงานฯ ไม่ขอรับรองข้อมูลหรือเนื้อหาใด ๆ ที่ปรากฏบนสื่อของผู้เผยแพร่ดังกล่าว

ปัจจุบันสำนักงานฯ มีการจัดทำหลักสูตรด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้

  1. หลักสูตรการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ลูกจ้าง ผู้รับจ้าง
  2. หลักสูตรด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับประชาชนทั่วไป
  3. หลักสูตรการฝึกอบรมด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำหรับผู้บริหาร (Executive PDPA)

โดยเร็วๆนี้ สคส.จะมีหลักสูตรการเรียนรู้ออนไลน์ด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (E-learning) สำหรับประชาชนทั่วไป และหลักสูตรการเรียนรู้ออนไลน์ด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (E-learning) สำหรับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ลูกจ้าง และผู้รับจ้าง โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

ทั้งนี้ สำหรับประกาศสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) เรื่อง หลักเกณฑ์การรับรองหลักสูตรและการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และการขึ้นทะเบียนผู้สอน ได้ถูกยกเลิกแล้ว เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2567 สำนักงานฯ จึงไม่มีการรับรองหลักสูตรให้กับหน่วยงานใด ๆ แล้ว

เพื่อความถูกต้องในการตรวจสอบเอกสาร หรือข้อมูลการอบรมภายใต้ความรับผิดชอบของ
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.)
สามารถติดต่อได้ที่ โทร.
02-111-8800 หรืออีเมล: saraban@pdpc.or.th

ไวไว X ไปรษณีย์ไทย ส่งด่วนความว้าวถึงมือ “คนที่ว้าวที่สุด” เตรียมรับเซอร์ไพรส์สุดว้าวได้ทั่วประเทศ

บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์ “ไวไว” จับมือกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดตัวแคมเปญการตลาดรูปแบบใหม่ “Waiwai WOW – ไวไวส่งว้าวผ่านไปรษณีย์ไทย ให้คนที่ว้าวที่สุด” เพื่อสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่และน่าประทับใจให้กับผู้บริโภค ผ่านการจัดส่งผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ล่าสุดในกลุ่มพรีเมียม “Waiwai WOW” บะหมี่กึ่งสำเร็จรูประดับพรีเมียมที่มุ่งเน้นการยกระดับรสชาติ และคุณภาพให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภครุ่นใหม่ มีให้เลือก 2 รสชาติ ได้แก่ รสโคเรี่ยน สไปซี่ซีฟู้ด เผ็ดจัดจ้าน หอมเครื่องทะเลในสไตล์เกาหลีต้นตำรับ และรสแกงกะหรี่ญี่ปุ่นชีสหอมมันกลมกล่อม ผสานกลิ่นอายแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ โดยผลิตภัณฑ์ทั้งสองรสชาติจะถูกจัดส่งถึงบ้านคนที่ว้าวที่สุดทั่วประเทศเป็นครั้งแรก ผ่านระบบการจัดส่งของไปรษณีย์ไทย

นายยศสรัล แต้มคงคา ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัดกล่าวว่า “ไวไวมีความตั้งใจที่จะนำเสนอสิ่งใหม่ ๆ ให้กับผู้บริโภคอยู่เสมอ การเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียม ‘Waiwai WOW’ ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการยกระดับแบรนด์ พร้อมทั้งสร้างความประทับใจในทุกมิติของประสบการณ์ผู้บริโภค ความพิเศษของแคมเปญนี้ คือการผนึกกำลังกับไปรษณีย์ไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นองค์กรที่มีเครือข่ายการจัดส่งครอบคลุมทั่วประเทศ เรามั่นใจว่าความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยเสริมศักยภาพในการส่งมอบความว้าวไปยังผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพและเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย”

ด้าน นางสาวปิลันธนี สุวรรณบุบผา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานธุรกิจองค์กร บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า “ไปรษณีย์ไทยพร้อมสนับสนุนการตลาดยุคใหม่ให้กับทุกแบรนด์ไทย ด้วยการออกแบบระบบขนส่งให้สอดคล้องกับพัสดุทุกประเภท (Parcel Defined Logistic) ที่มีความยืดหยุ่น ครอบคลุม และตอบโจทย์การสร้างประสบการณ์ตรงถึงผู้บริโภค แคมเปญนี้ไม่ใช่แค่การส่งพัสดุ แต่คือการส่งความรู้สึกดีและความประทับใจตรงถึงมือผู้บริโภค สร้างสายสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และลูกค้าอย่างสร้างสรรค์ ไปรษณีย์ไทยมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นผู้ขับเคลื่อน EMS ส่งด่วนความว้าว พร้อมตอบโจทย์คนยุคใหม่ที่มองหาความรวดเร็ว ความแปลกใหม่ และความรู้สึกพิเศษในทุกการรับพัสดุซึ่งไปรษณีย์ไทยได้นำศักยภาพการให้บริการขนส่งที่ครอบคลุมทั่วประเทศ  มาผนวกกับกิจกรรมการตลาดของแบรนด์ไวไว เพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสความ “ว้าว” ถึงบ้านแบบไม่มีใครเหมือนด้วยบริการ EMS ส่งด่วนของไปรษณีย์ไทย”

ทั้งนี้ แคมเปญ “Waiwai WOW – ไวไวส่งว้าวผ่านไปรษณีย์ไทย ให้คนที่ว้าวที่สุด” ส่งมอบประสบการณ์เหนือความคาดหมายให้แก่ผู้บริโภค โดยคนที่ว้าวที่สุดจะได้รับผลิตภัณฑ์ “Waiwai WOW” ส่งตรงถึงหน้าบ้านในรูปแบบของพัสดุสุดพิเศษ ที่บรรจุความว้าวไว้อย่างเต็มเปี่ยม ถือเป็นอีกหนึ่ง    กลยุทธ์ที่สร้างความประทับใจให้แก่ผู้บริโภค ตั้งแต่ช่วงเวลาแห่งการเปิดกล่อง ไปจนถึงการลิ้มลองรสชาติที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์และความพรีเมียม

นายยศสรัล กล่าวปิดท้ายว่า จุดเริ่มต้นความร่วมมือในครั้งนี้ นับเป็นการบูรณาการระหว่างคุณภาพของผลิตภัณฑ์ กลยุทธ์ทางการตลาดเชิงสร้างสรรค์ และเครือข่ายการจัดส่งระดับประเทศ ที่จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนแบรนด์ไวไวให้สามารถสร้างความผูกพันกับผู้บริโภคได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

สำหรับผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสาร กิจกรรม

และรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญ “Waiwai WOW”

ได้ที่ Facebook: Waiwai และ Facebook: บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด

ครบครัน มั่นใจ ทุกเรื่องครัว KECH เปิดตัวแคมเปญใหม่ สะท้อนปัญหาจริงของคนใช้ครัว ผ่าน “KECH เดอะซีรีส์” ย้ำคำตอบ ครัวที่ดี…เริ่มจากอุปกรณ์ที่ดี และการจัดเก็บที่เป็นระเบียบ

ในครัวของทุกบ้าน ล้วนมี ‘เรื่องเล็กๆ’ ที่กลายเป็นปัญหาใหญ่ในชีวิตประจำวันได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็น ตู้เย็นที่อัดแน่นจนหาอะไรไม่เจอ ผักผลไม้ที่เหี่ยวเฉาในเวลาไม่กี่วัน กล่องที่เก็บกลิ่นไว้มากกว่าความสด หรือภาชนะที่เสียรูปทันทีที่เจอความร้อน ทั้งหมดนี้คือภาพสะท้อนความวุ่นวายที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน เพราะอุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ ในครัว อย่างกล่องเก็บอาหาร กล่องเก็บของ หรือลิ้นชัก …กลับถูกมองข้าม ทั้งที่สิ่งเหล่านี้มีผลโดยตรงต่อระเบียบและสุขอนามัยของทุกมื้ออาหารโดยตรง

KECH (เคช) แบรนด์อุปกรณ์เครื่องครัวและการจัดเก็บคุณภาพสูง จึงหยิบอินไซต์จากปัญหาจริงในครัวของผู้ใช้งาน มาถ่ายทอดผ่านแคมเปญ “KECH เดอะซีรีส์” ภายใต้แนวคิด ‘ครัวที่ดี เริ่มต้นจากอุปกรณ์ที่ดีและการจัดเก็บที่เป็นระเบียบ’ บอกเรื่องราวของปัญหาเหล่านี้ในรูปแบบออนไลน์ซีรีส์ ที่เล่าสถานการณ์ชีวิตจริงที่คนรุ่นใหม่ต้องเผชิญ ตั้งแต่เรื่องลิ้นชักรก ตู้เย็นไม่เป็นระเบียบ การใช้อุปกรณ์ที่ไม่ตอบโจทย์ ไปจนถึงผลกระทบจากวัสดุที่ไม่ปลอดภัย เพื่อชวนผู้บริโภคหันมาทบทวนว่า ครัวที่ดี …ควรเริ่มต้นจากอะไร

ด้วยความเข้าใจใน Pain Point ที่หลายบ้านต้องเจอ KECH จึงให้คำตอบสำหรับครัวที่ดี คือความใส่ใจในการออกแบบ ตั้งแต่อุปกรณ์พื้นฐาน จนถึงการจัดเก็บที่เป็นระบบ โดยใช้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์มา ‘แก้ปัญหา’ อย่างครอบคลุมทุกฟังก์ชัน ทั้งอุปกรณ์ทำครัวมือหนัก มือเบา ของใช้บนโต๊ะอาหาร ตลอดจนกลุ่มจัดเก็บอย่างกล่องอาหาร กล่องจัดเก็บในตู้เย็น และถาดเก็บของในลิ้นชักที่ปรับเปลี่ยนการจัดวางได้ตามขนาดลิ้นชัก ตอบโจทย์ทั้งในแง่การใช้งาน ความทนทาน และความปลอดภัย ตามแนวทาง “KECH ครบครัน มั่นใจ ทุกเรื่องครัว” ไม่ว่าจะเป็น…

  • กล่องอาหาร RENA Series ผลิตจากวัสดุ ‘บอโรซิลิเกต’ แก้วคุณภาพเดียวกับที่ใช้ในห้องทดลองวิทยศาสตร์ ทนความร้อน-เย็นได้ดี ไม่แตกร้าวง่าย ใช้งานได้กับไมโครเวฟ เตาอบ และเครื่องล้างจาน มีฝาปิดแบบ 4 พับ ที่ปิดได้แน่นสนิทกว่าที่เคย ช่วยป้องกันสิ่งสกปรกเล็ดลอดเข้าไปเจือปนอาหารของคุณ และป้องกันกลิ่นอาหารไม่ให้ออกมารบกวน
  • กล่องจัดเก็บตู้เย็น ผลิตจากพลาสติก PET คุณภาพสูง ได้มาตรฐาน มอก. และปราศจากสาร BPA ปลอดภัยทุกการใช้งาน มาพร้อมตะแกรงสะเด็ดน้ำ และวาล์วระบายอากาศ ที่ช่วยควบคุมความชื้นและรักษาความสดของผักผลไม้ พร้อมจัดการกลิ่นตกค้างได้อย่างดีเยี่ยม
  • อุปกรณ์จัดเก็บลิ้นชัก ดีไซน์ขอบมนเพื่อความปลอดภัย ปรับขนาดได้ตามใจ เลื่อนใช้งานเข้า-ออกง่าย สะดวก จัดระเบียบของใช้ภายในครัวให้เป็นสัดส่วน ประหยัดเวลา ไม่ต้องค้นหานาน

นอกจากฟังก์ชันที่ช่วยแก้ปัญหาได้จริง KECH ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในทุกการใช้งาน ด้วยการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง และได้รับการรับรองมาตรฐาน มอก. ในทุกผลิตภัณฑ์ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกงานครัวจะไม่เพียงแค่สะดวกเรียบร้อย แต่ยังปลอดภัยต่อสุขภาพของทุกคนในบ้านอีกด้วย

“เพราะห้องครัวไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ทำอาหาร แต่เป็นห้องที่ทุกคนจะได้ใช้ชีวิตร่วมกันในทุกๆ วัน แบรนด์จึงมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าให้ครบครันทั้งเรื่องการใช้งาน ความปลอดภัย และความเป็นระเบียบ เพื่อให้ทุกวันในครัว คือวันที่ง่าย สะดวก และพร้อมเอนจอยในทุกมื้ออาหารได้ทุกวันไปกับ KECH”

สำหรับผลิตภัณฑ์ KECH – ครบครัน มั่นใจ ทุกเรื่องครัว มีวางจำหน่ายที่โฮมโปรทุกสาขาทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center หมายเลข 1284 พร้อมกดติดตาม
FB:
HomePro Thailand เพื่อไม่พลาด “KECH เดอะซีรีส์” เร็ว ๆ นี้

#KECH #เคช #KECHเดอะซีรีส์ #โฮมโปร #HomePro #BetterLivingเพื่อชีวิตที่ดีกว่า #Homepropr#KECHครบครันมั่นใจทุกเรื่องครัว

ซูเลียน เปิดตัวสุดปัง หจก.พหุธน บุรีรัมย์ เอเจนซี่ (BRF) จุดประกายเครือข่ายภาคอีสาน สู่ความสำเร็จยั่งยืน

บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด จุดไฟแห่งความสำเร็จลุกโชนขึ้นอีกครั้งกลางเมืองบุรีรัมย์ เปิดตัวห้างหุ้นส่วนจำกัด พหุธน บุรีรัมย์ เอเจนซี่ (BRF) ศูนย์รวมพลังนักธุรกิจเครือข่ายสายเลือดใหม่ ภายใต้การนำของสองผู้นำรุ่นใหม่มากความสามารถ RCM ภุชงค์ สุดสวาท และ SE สาวิตรี สะอาดล้วน ที่ร่วมกันผลักดัน BRF ให้กลายเป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนเครือข่ายธุรกิจ  ซูเลียนแห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

บรรยากาศภายในงาน Grand Opening สุดยิ่งใหญ่ ซึ่งจัดขึ้น ณ ใจกลางอำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยได้รับเกียรติสูงสุดจาก ดร.ปิยะวัฒน์ จุลล์จักรวงศา ประธานกรรมการ บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด มาเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูง พันธมิตรทางธุรกิจ สมาชิก และแขกผู้มีเกียรติจากทั่วทุกสารทิศที่เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างล้นหลาม

ไฮไลต์ของงานอยู่ที่เวทีแห่งแรงบันดาลใจ ที่ได้ 3 สุดยอดวิทยากรระดับแนวหน้า RCD ปราโมทย์ คงชัย, RCD วิมุกดา ภูทับทิม และ RCD ไพบูลย์ เมืองอุดม มาร่วมแชร์ประสบการณ์จริง ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ และกลยุทธ์เด็ดที่ใช้ขับเคลื่อนชีวิตและธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง พร้อมปลุกพลังในตัวผู้ร่วมงานให้กล้าที่จะก้าวข้ามขีดจำกัด และเดินหน้าสู่ความฝันด้วยหัวใจที่เปี่ยมด้วยพลังบวก

งานในครั้งนี้ไม่ได้เป็นแค่การเปิดบ้าน BRF เท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึง “วิสัยทัศน์อันยิ่งใหญ่ของซูเลียน” ที่มุ่งมั่นสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่ง สร้างรายได้อย่างมั่นคง และมอบโอกาสให้กับผู้คนในภูมิภาคนี้ได้เติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งยังเป็นการประกาศอย่างชัดเจนว่า “ภาคอีสาน” พร้อมแล้วที่จะเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนธุรกิจซูเลียนในระดับประเทศ

ก่อนจบงานยังมีเซอร์ไพรส์สุดพิเศษกับกิจกรรม “จับแจกรางวัลอั่งเปาเงินสด” ที่สร้างทั้งเสียงหัวเราะ ความสุข และพลังใจให้กับสมาชิกทุกคนได้กลับบ้านไปพร้อมแรงบันดาลใจเต็มพิกัด!

BRF ไม่ใช่แค่ศูนย์ธุรกิจ แต่คือศูนย์กลางความฝันที่จับต้องได้ และก้าวต่อไปของความสำเร็จที่เริ่มต้นจากใจกลางบุรีรัมย์!

“อินฟอร์มา มาร์เก็ต” แถลงข่าวประกาศความพร้อมยกระดับเวทีความงามภูมิภาคสู่ระดับโลกจัดงาน “Cosmoprof CBE ASEAN 2025”

นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย พร้อมด้วย นางสาวแองเจิล ฟู ผู้อำนวยการโครงการ อินฟอร์มา มาร์เก็ต , นางสาวฟรานเชสกา โดนาติ ผู้บริหารด้านการตลาดระหว่างประเทศ
เอเชีย โบโลญญาเฟียร์ คอสโมพรอฟ  และ นางเกศมณี เลิศกิจจา นายกสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย แถลงข่าวจัดงาน Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2025  งานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมความงามระดับภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุด ระหว่างวันที่ 25–27 มิถุนายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ งานในปีนี้รวบรวมแบรนด์ความงามกว่า 2,000 แบรนด์จากผู้แสดงสินค้ากว่า 650 ราย พร้อมตอกย้ำบทบาทการเป็นเวทีสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมความงามอาเซียนสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนและแข่งขันได้ในระดับสากล โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ลุมพินี เมื่อเร็วๆ นี้

ติดตามข่าวสารและรายละเอียดงานเพิ่มเติมได้ที่ http://www.cosmoprofcbeasean.comลงทะเบียนออนไลน์เพื่อเข้าร่วมงานได้ที่ https://www.cosmoprofcbeasean.com/registration

โฮมโปร เปิดเกมรุกใหม่ สู่ผู้นำ ‘B2B Solutions’ ด้วยแพลตฟอร์ม “HomePro for Business” พาร์ทเนอร์ที่เข้าใจธุรกิจ เสริมแกร่งผู้ประกอบการ!

โฮมโปร เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ “HomePro for Business” รุกตลาดธุรกิจ B2B ครอบคลุมกว่า 11 กลุ่มธุรกิจ ภายใต้แนวคิด “มากกว่าร้านค้า คือ พาร์ทเนอร์ที่ร่วมขับเคลื่อนความสำเร็จของธุรกิจ” มุ่งส่งมอบโซลูชันครบวงจร ด้วยประสบการณ์ในธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการเรื่องบ้านมาเกือบ 30 ปี ด้วยสินค้ากว่า 75,000 SKU และบริการอย่างมืออาชีพ พร้อมสาขาและพาร์ตเนอร์ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ที่เข้าถึงง่าย สะดวก ส่งไว และให้สิทธิประโยชน์มากมาย ช่วยให้ผู้ประกอบการบริหารต้นทุนสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเติบโตอย่างมั่นคง

นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” กล่าวว่า การลงทุนผ่านแพลตฟอร์ม ‘HomePro for Business’ นับเป็นก้าวสำคัญของโฮมโปรในการขยายธุรกิจอย่างครอบคลุมในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะช่วยตอบโจทย์คุณภาพการทำธุรกิจที่ดีและง่ายยิ่งขึ้นของผู้ประกอบการ ภายใต้วิสัยทัศน์ที่ ‘เราจะเป็นที่ปรึกษา เพื่อร่วมสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจคุณ’ เราจึงมุ่งเน้นให้บริการลูกค้าแบบครบวงจร ตั้งแต่ให้คำปรึกษา ออกแบบโซลูชันที่เหมาะสมกับธุรกิจ ไปจนถึงสนับสนุนเพื่อสร้างการเติบโตระยะยาว เพื่อเป็นส่วนหนึ่งขับเคลื่อนธุรกิจให้มีประสิทธิภาพและมั่นคงในทุกๆ มิติ

จุดแข็งของ HomePro for Business มาจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญกว่า 30 ปี ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ พร้อมเครือข่ายสาขากว่า 130 แห่ง ที่ครอบคลุมทั่วประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากพาร์ตเนอร์แบรนด์ชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็นซัพพลายเออร์ แบรนด์สินค้า และสถาบันการเงิน มากกว่า 900 บริษัท ช่วยสร้างความพร้อมในการให้บริการครบวงจรกับกลุ่มธุรกิจ B2B ทุกประเภท ด้วยสินค้ามากกว่า 75,000 (SKU) รายการ และยังมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ทั้งฝ่ายพัฒนาสินค้าและทีมช่างโฮมโปร มือโปรประจำบ้านคุณ ที่ให้บริการอย่างมืออาชีพ ครอบคลุมบริการออกแบบ ติดตั้ง ปรับปรุง ซ่อมแซม และยังการันตีคุณภาพงาน ช่วยให้ลูกค้าสามารถควบคุมต้นทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลงทุนในธุรกิจหลักได้อย่างมั่นใจ

นายวีรพันธ์ กล่าวต่อว่า “ปัจจุบันความต้องการสินค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในภาคธุรกิจ B2B กำลังขยายตัวเติบโตขึ้นต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของภาคธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร รวมถึงธุรกิจดูแลสุขภาพ ส่งผลให้ HomePro for Business กลายเป็นโมเดลที่ตอบโจทย์ดีมานด์ของผู้ประกอบการ ด้วยโซลูชั่นครบวงจรในการพัฒนาและปรับปรุงที่พัก ร้านค้า หรือสถานประกอบการ รวมไว้ในที่เดียว ทั้งสินค้าโครงสร้าง เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่ง ไป

จนถึงสินค้าสิ้นเปลืองที่มีความต้องการซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง อาทิ น้ำยาทำความสะอาด กระดาษชำระ และของใช้ประจำวันของภาคธุรกิจองค์กร

ปัจจุบัน “HomePro for Business” ดูแลลูกค้ากลุ่มธุรกิจ B2B มากกว่า 300,000 ราย ครอบคลุมกว่า 11 ธุรกิจ ตั้งแต่ โครงการอสังหาริมทรัพย์และบริษัทรับสร้างบ้าน, ออฟฟิศ-สำนักงาน, ธุรกิจช่าง, โรงแรม-รีสอร์ต-สปา, ที่พักอาศัย, โรงงานอุตสาหกรรม, ร้านค้าช่วง-นายหน้า, ร้านอาหารและเครื่องดื่ม, หน่วยงานราชการ-สถานศึกษา, สถาปนิก-วิศวกร-ออกแบบตกแต่ง ไปจนถึงบริการด้านสุขภาพ เพื่อตอบโจทย์การเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจ โฮมโปรจึงยกระดับแพลตฟอร์มให้บริการกลุ่มธุรกิจ B2B ให้ครบวงจรยิ่งขึ้น ครอบคลุมทั้งงานให้บริการจาก ‘ช่างโฮมโปร’ (CHANG HomePro) ที่ให้บริการออกแบบ ติดตั้ง และดูแล โดยทีมงานมืออาชีพ พร้อมช่องทางสั่งซื้อสินค้าที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว ผ่าน Online Application รวมถึงสิทธิประโยชน์เฉพาะกลุ่มธุรกิจ เพื่อสร้างประสบการณ์ธุรกิจที่สะดวกและมีประสิทธิภาพสำหรับผู้ประกอบการ

สำหรับผู้ที่สนใจ HomePro for Business สมัครสมาชิกเพียงคลิก b2b.homepro.co.th หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “HomePro for Business” ได้ทั้งระบบ iOS และ Android รับสิทธิประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น

  • สินค้าหลากหลาย ครบทุกประเภทธุรกิจ
  • สินค้ายิ่งซื้อ ยิ่งคุ้ม เฉพาะผู้ประกอบการ พร้อมโปรโมชั่น “ราคาพิเศษทุกวัน ซื้อมาก ลดมาก”
  • จัดส่งฟรีทั่วประเทศ เมื่อซื้อครบ 500 บาทขึ้นไป หรือเลือกรับที่สาขาใกล้บ้าน
  • สะสมคะแนน Biz Card ทุก 1 บาท = 1 คะแนน แลกรับ Gift Card สูงสุด 200,000 บาท
  • เครดิตเทอมสูงสุด 30 วัน
  • ช่องทางชำระเงินสะดวก ผ่านบัตรเครดิต พร้อมเพย์
  • ระบบอนุมัติออนไลน์ พร้อมรายงานการสั่งซื้อ แบบเรียลไทม์

#HomeProforBusiness #B2B #โฮมโปร #HomePro #BetterLivingเพื่อชีวิตที่ดีกว่า #Homepropr