สคส. ย้ำ พ.ร.ก.ไซเบอร์ฉบับใหม่ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล-ผู้เสียชีวิต ฝ่าฝืนเจอโทษหนักถึงจำคุก 5 ปี

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) ย้ำ พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า  “พ.ร.ก.ไซเบอร์” ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 13 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในมาตรา 11/2 ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการปกป้องข้อมูลเกี่ยวกับบุคคล ไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อม โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการซื้อขายข้อมูลมีโทษหนักขึ้นถึงจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) เปิดเผยว่า “พ.ร.ก.ไซเบอร์” ฉบับนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการจัดการกับปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ตั้งแต่ต้นทางโดยการป้องกันไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลถูกนำไปใช้ในการกระทำผิดทางอาญา  โดยเฉพาะ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” และมิจฉาชีพออนไลน์ที่ระบาดหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนจำนวนมาก

พ.ร.ก. ฉบับนี้ โดยเฉพาะในมาตรา 11/2 มีความสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลและข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมไปแล้ว โดยกำหนดบทลงโทษแก่ผู้ที่นำข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลและของผู้ถึงแก่กรรมไปใช้หรือให้บุคคลอื่นใช้ เพื่อกระทำความผิดทางอาญาหรืออาชญากรรมทางเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นการใช้โดยตรงหรือโดย

อ้อม โดยผู้กระทำผิดอาจได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลดังกล่าวโดยเจตนาไม่ชอบด้วยกฎหมาย จะมีโทษหนักขึ้นถึงจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

กฎหมายดังกล่าวสอดคล้องและเสริมความแข็งแกร่งกับ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) ซึ่งมีเป้าหมายในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนจากการถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับความยินยอมผิดวัตถุประสงค์ หรือการนำไปใช้ในทางทุจริต

สคส. ขอย้ำว่า ประชาชนควรตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ควรเปิดเผยข้อมูลสำคัญให้กับบุคคลที่ไม่รู้จัก และหากสงสัยว่าข้อมูลของตนเองอาจถูกละเมิดหรือถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด ควรแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที โดยทั้งนี้ สคส. ได้ยกระดับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง โดยจัดให้มีศูนย์เฝ้าระวังการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC Eagle Eye) เพื่อสำรวจตรวจสอบข้อมูลรั่วไหลหรือการละเมิดข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับตำรวจไซเบอร์ ซึ่งมีศูนย์ Cyber Eye ตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อพบการกระทำผิดก็พร้อมที่จะร่วมกันขยายผลบังคับใช้กฎหมายโดยทันที นอกจากนี้ยังร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมไซเบอร์

หากประชาชนพบเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล สามารถติดต่อได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) โทร. 02-111-8800 หรืออีเมล saraban@pdpc.or.th

โรงพยาบาลพระรามเก้า จัดกิจกรรม “วันพาร์กินสันโลก 2025”

นพ.เสถียร ภู่ประเสริฐ  กรรมการผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระรามเก้า เป็นประธานเปิดกิจกรรม
“วันพาร์กินสันโลก 2025” เพื่อส่งต่อความรู้และช่วยเพิ่มการตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคพาร์กินสัน ภัยเงียบโรคสมองเสื่อมที่ต้องระวัง โดยมี นพ.วิทยา วันเพ็ญ รองกรรมการผู้อำนวยการ และ นพ.สิทธิ เพชรรัชตะชาติ
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาและโรคพาร์กินสันและการเคลื่อนไหวผิดปกติ ร่วมงาน โดยภายในงานจะมีกิจกรรมให้ความรู้ที่หลากหลาย เช่น บูธข้อมูลเกี่ยวกับโรคพาร์กินสัน, แนวทางการดูแลรักษา, บูธโภชนาการแนะนำอาหารที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วย รวมถึงสัมมนาพิเศษ “พาร์กินสัน รู้เร็ว ป้องกันได้” ณ ลานกิจกรรม ชั้น 2 อาคาร A

กว่า 30 ปีแห่งความสำเร็จ! SUPARNO JEWELRY พลิกโฉมวงการจิวเวลรี่ไทย ปั้นแบรนด์เครื่องประดับให้เข้าถึงง่าย พร้อมบุกตลาดโลก

กว่า 30 ปีแห่งการเติบโตอย่างมั่นคงในวงการจิวเวลรี่ไทย SUPARNO JEWELRY ยืนหยัดด้วยแนวคิดที่แตกต่าง นำเสนอเครื่องประดับในฐานะ “เสียงสะท้อนตัวตน” ของผู้สวมใส่ ภายใต้ปรัชญา THE VOICE OF JEWELRY ที่เน้นความเข้าถึงง่าย คุ้มค่า และเปี่ยมด้วยความหมาย พร้อมเดินหน้าขยายตลาด OEM ซึ่งเติบโตสูงถึง 200–300% และต่อยอดด้วยการสร้างแบรนด์ของตัวเอง เพื่อเพิ่มมูลค่าในระยะยาว ล่าสุดเตรียมเปิดตัวบนเวทีระดับภูมิภาคในงาน Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2025 (JGAB 2025) เพื่อเชื่อมโยงกับคู่ค้าระดับพรีเมียมจากทั่วโลก

นายชยันกิติภัทร ยงค์พีระกุล กรรมการผู้จัดการ SUPARNO JEWELRY เล่าถึงจุดเริ่มต้นของธุรกิจว่า ย้อนกลับไปกว่า 30 ปี SUPARNO เริ่มต้นจากกิจการค้าพลอยในครอบครัว ซึ่งเป็นยุคเฟื่องฟูของทับทิมและไพลิน ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการต่อยอดและเพิ่มคุณค่าให้กับอัญมณีไทย จึงเกิดแนวคิดในการพัฒนาเป็นเครื่องประดับที่มีเอกลักษณ์ สะท้อนตัวตนผู้สวมใส่ และสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายมากขึ้น

แรงบันดาลใจของแบรนด์ซ่อนอยู่ในชื่อ “SUPARNO” ซึ่งนำมาจากชื่อคุณแม่ “สุพร” ผสานกับคำว่า “SOPRANO” จนเกิดเป็นชื่อที่เปี่ยมด้วยความหมายและความผูกพันทางใจ โดยแบรนด์ SUPARNO ไม่ได้ขายเพียงเครื่องประดับ แต่สื่อถึงเสียงที่สะท้อนบุคลิก ความรู้สึก และสไตล์ของผู้สวมใส่อย่างแท้จริง เราต้องการลบภาพจำเดิม ๆ ที่ว่าเครื่องประดับหรูเป็นของคนรวยเท่านั้น แต่ต้องการสร้าง “เครื่องประดับที่ทุกคนเข้าถึงได้”

อีกหนึ่งหัวใจของ SUPARNO JEWELRY คือการมีโรงงานผลิตของตัวเอง ซึ่งสามารถรองรับการผลิตทั้งในนามแบรนด์และ OEM ได้ครบทุกกลุ่มตลาด ทำให้สามารถควบคุมทุกกระบวนการผลิต ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งในด้านดีไซน์ คุณภาพ และระยะเวลา ส่งผลให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด

“ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี เราดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ จริงใจ ใส่ใจในความต้องการของลูกค้า เราอบรมทีมงานให้เน้นการสื่อสารและรับฟังลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าเป็นผู้กำหนดรูปแบบและงบประมาณ เพราะเราเชื่อว่าเครื่องประดับแต่ละชิ้นควรสะท้อนตัวตนของผู้สวมใส่ และต้องคุ้มค่ากับเงินทุกบาทที่จ่ายไป”

นายชยันกิติภัทร ยงค์พีระกุล กล่าวต่อว่า SUPARNO JEWELRY ผ่านจุดเปลี่ยนสำคัญในช่วงโควิด-19 ซึ่งทำให้เห็นว่าโรงงานจำนวนมากหันมาสร้างแบรนด์ของตัวเอง แต่เนื่องจากต้นทุนการตลาดสูง SUPARNO จึงปรับกลยุทธ์ ลดการโฟกัสแบรนด์ และมุ่งสู่การเป็นผู้ผลิต OEM รายใหญ่แทน กลายเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้ปัจจุบันสัดส่วน OEM คิดเป็น 90% และแบรนด์ของตัวเองอยู่ที่ 10% โดยมีฐานลูกค้า OEM หลักในยุโรปและอเมริกา พร้อมปรับกลยุทธ์ด้านราคาให้สินค้า “ดูมีมูลค่าสูงกว่าราคาที่จ่าย”

ในด้านการตลาด SUPARNO JEWELRY จะไม่เน้นโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดีย แต่จะใช้กลยุทธ์ “การบอกต่อ (Word of Mouth)” เพราะให้ความสำคัญกับคุณภาพมากกว่าปริมาณ พร้อมเข้าร่วมงานแฟร์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายฐานลูกค้าและเชื่อมโยงพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งในปีนี้บริษัทเตรียมเข้าร่วมงาน JGAB 2025 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23–26 เมษายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  โดยเราคาดว่าการร่วมงานครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการบุกตลาดต่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบ

  นายชยันกิติภัทร กล่าวปิดท้ายว่า อีกหนึ่งกระแสที่น่าจับตามองคือ Lab-grown Diamond หรือเพชรแล็บ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มลูกค้าที่มองหาเครื่องประดับดีไซน์เก๋ ราคาจับต้องได้ และเปลี่ยนได้บ่อยตามสไตล์ที่เปลี่ยนไปตามยุค นับเป็นโอกาสสำคัญในการขยายฐานลูกค้าและเปิดตลาดใหม่ ๆ พร้อมพลิกโฉมอุตสาหกรรมจิวเวลรี่ไทยให้ทัดเทียมระดับโลก

ให้ของเก่ากลับมามีชีวิตใหม่! เปลี่ยนขยะให้มีค่า เป็น “สินค้ารักษ์โลก จากวัสดุหมุนเวียน” ที่โฮมโปร

โฮมโปร สานต่อแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนก้าวสู่ความยั่งยืนเต็มรูปแบบ ส่ง Circular Products สินค้ารักษ์โลก จากวัสดุหมุนเวียน ผ่านโครงการ ‘แลกเก่าเพื่อโลกใหม่’ ลุยตลาดรักษ์โลก เปลี่ยนของเก่าที่ไม่ใช้แล้ว ให้กลับมาเป็นของใหม่ที่มีคุณค่า นำขยะอิเล็กทรอนิกส์และวัสดุเหลือใช้กลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างครบวงจร ตั้งแต่รับของเก่าจากบ้านลูกค้า (Trade-in) นำมาคัดแยก บด ล้าง หลอม เพื่อนำไปจัดการอย่างถูกวิธี เพื่อช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ ลดมลพิษ และสร้างคุณค่าให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมรักษ์โลก ยกระดับองค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน สู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี ค.ศ. 2050

คุณวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการ “แลกเก่าเพื่อโลกใหม่” ถูกขับเคลื่อนภายใต้แนวคิด Circular Economy” สร้างระบบหมุนเวียนที่ครบวงจร โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าเอาของเก่ามาแลก (Trade-in) แล้วส่งต่อของเก่านั้นเข้าสู่กระบวนการ บด-ล้าง-หลอม และนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี โดยไม่สร้างมลพิษแก่สิ่งแวดล้อม อีกทั้งชิ้นส่วนที่ใช้งานต่อได้จะถูกนำไปรีไซเคิลและผลิตใหม่ เป็นสินค้ารักษ์โลก (Circular Products) ที่สามารถนำทรัพยากรกลับมาใช้ซ้ำอย่างมีคุณค่า ลดขยะ ลดมลพิษ และช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน

ในระยะแรก สินค้ารักษ์โลก (Circular Products) ได้รับการพัฒนาให้หลากหลายขึ้น โดยใช้วัสดุหมุนเวียนที่มาจากหลายประเภท เช่น กระเบื้องรักษ์โลก ผลิตจากสุขภัณฑ์จากโครงการแลกเก่าเพื่อโลกใหม่ และกระเบื้องแตกหักที่เสียหายจากการขนส่ง, กล่องรักษ์โลก ถูกรีไซเคิลมาจากส่วนประกอบพลาสติกของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ชำรุด ที่โฮมโปรได้รับมาจากโครงการ “แลกเก่าเพื่อโลกใหม่” และถุงรักษ์โลก ที่รีไซเคิลมาจากสายรัดพลาสติก ที่โฮมโปรได้รับมาจากการขนส่งสินค้า

สินค้ากลุ่มนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม  สร้างกระแสตอบรับที่ี้ดีเยี่ยม ผลักดันให้โฮมโปร เดินหน้ายกระดับสินค้ารักษ์โลก โดยร่วมมือกับพันธมิตรแบรนด์ชั้นนำต่างๆ พัฒนานวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้ารักษ์โลก เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ ที่มองหาสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

“เครื่องใช้ไฟฟ้ารักษ์โลกทุกชิ้นจะมี PCR (Post-Consumer Recycled) หรือเม็ดพลาสติกจากชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าที่ได้จากโครงการ “แลกเก่าเพื่อโลกใหม่” เป็นส่วนประกอบหลัก เพื่อช่วยลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ ลดการฝังกลบและการเผาทำลาย รวมถึงช่วยลดมลพิษที่ออกสู่สิ่งแวดล้อม และช่วยให้ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้คนในระยะยาว” คุณวีรพันธ์ กล่าวเสริม

โดยปัจจุบัน สินค้ารักษ์โลก (Circular Products) ในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าที่โฮมโปรได้พัฒนาร่วมกับพันธมิตรชั้นนำ มีให้เลือกอย่างมากมาย เช่น

  • เครื่องทำน้ำอุ่นรักษ์โลก แบรนด์ STIEBEL ELTRON  และ แบรนด์ Mazuma ที่ผลิตจากพลาสติก ABS ซึ่งมีส่วนผสมของพลาสติก PCR (Post-Consumer Recycled) จากชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าของลูกค้าโฮมโปร

มีประสิทธิภาพในการทำน้ำอุ่นรวดเร็ว ควบคุมอุณหภูมิแม่นยำ พร้อมระบบป้องกันน้ำร้อนลวก และระบบความปลอดภัยที่แม่นยำ

  • ตู้เย็น และเครื่องซักผ้ารักษ์โลก แบรนด์ SAMSUNG และ แบรนด์ TOSHIBA ผลิตจากพลาสติก PP และ ABS ซึ่งมีส่วนผสมของพลาสติก PCR (Post-Consumer Recycled) จากชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าของลูกค้าโฮมโปร ที่ได้รับมาจากโครงการแลกเก่าเพื่อโลกใหม่ นำกลับมาผลิตเป็นสินค้าใหม่ เพื่อลดการใช้เม็ดพลาสติกใหม่่ิในการผลิต และช่วยลดปัญหาขยะพลาสติกได้อีกทางหนึ่ง

คุณวีรพันธ์ ทิ้งท้ายว่า โฮมโปรอยากให้ลูกค้าเชื่อมั่นว่า สินค้ารักษ์โลก จากวัสดุหมุนเวียน (Circular Products) นี้ นอกจากจะสามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพแล้ว เมื่อไม่ใช้ก็ยังคงเกิดคุณค่า สร้างความยั่งยืนได้ เพราะมีผู้เชี่ยวชาญช่วยนำไปจัดการให้อย่างถูกวิธี โดยสินค้ารักษ์โลก สังเกตง่ายๆ จะมีสัญลักษณ์ คือ โลโก้อินฟินิตี้ เพื่อการันตีถึงคุณภาพระดับสากล และเป็นเครื่องหมายยืนยันว่าผู้บริโภคได้มีส่วนช่วยในการรักษ์โลกอย่างแท้จริง

เชิญชวนคนรักบ้านร่วมรักษ์โลกกับโฮมโปร พิเศษสำหรับการซื้อสินค้ารักษโลก รับส่วนลดทันที 3%+2%* เมื่อชำระผ่านบัตรเครดิตโฮมโปร วีซ่า แพลทินัม (ที่โฮมโปรทุกสาขา) และลดทันที 2% เมื่อซื้อผ่านช่องทางโฮมโปรออนไลน์

#สินค้ารักษ์โลกจากวัสดุหมุนเวียน #CircularProducts #CircularEconomy #โฮมโปร #HomePro #BetterLifeเพื่อชีวิตที่ดีกว่าและยั่งยืน #ร่วมรักษ์โลกไปกับโฮมโปร #เมกาโฮม #MegaHome #Homepropr

ไดกิ้น คว้าใบรับรองห้องทดสอบ EMC มาตรฐานอาเซียน แห่งแรกในไทยและภูมิภาค ตอกย้ำแนวคิด “Perfecting the air” สร้างอากาศดีเพื่อคุณอย่างยั่งยืน

นายสึโทมุ คุริฮารา ประธานบริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด รับมอบใบรับรองห้องทดสอบ EMC มาตรฐานอาเซียน จากนายนรุณ สุขสมาน รองเลขาธิการสำนักงานมาตราฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม  ห้องทดสอบ EMC ก็ได้ยกระดับขึ้น ด้วยการได้รับรองขึ้นทะเบียนเป็นห้องปฏิบัติการทดสอบของประเทศเวียดนาม ภายใต้โครงการความตกลงว่าด้วยกฎระเบียบและการควบคุมสำหรับบริภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในกลุ่มอาเซียน (ASEAN EE MRA : AHEEERR) เป็นแห่งแรกในประเทศไทยและกลุ่มประเทศอาเซียน ด้วยศักยภาพของห้องทดสอบ EMC ที่มีระบบการทดสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศที่ได้มาตรฐานและแม่นยำ ตอกย้ำแนวคิด “Perfecting the air” มุ่งสร้างอากาศดีเพื่อคุณอย่างยั่งยืน ณ บริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด

ชี้แจงกรณีตรวจพบเหตุการณ์เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าออนไลน์บางราย

บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ โฮมโปร ได้ตรวจพบเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง มีการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าออนไลน์บางรายการ ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ตรวจสอบแล้ว ข้อมูลที่ถูกเข้าถึงเป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานของลูกค้าเท่านั้น ไม่มีข้อมูลอ่อนไหว และข้อมูลธุรกรรมทางการเงินใดๆ

บริษัทฯ ให้ความสำคัญสูงสุดต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ หลังจากตรวจสอบ ได้ทำการปิดกั้นการเข้าถึงโดยมิชอบนั้นทันที และได้ดำเนินการยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงของระบบ พร้อมประสานงานแจ้งหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแล และติดตามเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด รวมถึงได้ประกาศแจ้งให้ลูกค้าทราบ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ไม่ได้มีการเข้าถึงระบบหลักอื่นๆ ภายในองค์กรแต่อย่างใด ข้อมูลของลูกค้ายังคงมีมาตรฐานความปลอดภัยในระดับสูง และบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเพิ่มมาตรการในการรักษาความปลอดภัยข้อมูล และเพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแล เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ในอนาคต

บริษัทฯ ขออภัยอย่างสูงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอยืนยันความปลอดภัยข้อมูลของลูกค้า พร้อมแสดงความห่วงใย เพราะสิ่งสำคัญที่สุดที่โฮมโปรยึดมั่น คือการส่งมอบสินค้าและบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าคนสำคัญทุกท่าน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ไม่มีนโยบายให้พนักงานติดต่อ เพื่อขอข้อมูลลูกค้า หรือชักชวนลูกค้าให้ทำธุรกรรมทางการเงินใดๆ บริษัทฯ จึงขออนุญาตแนะนำวิธีการป้องกันตนเองจากมิจฉาชีพที่อาจเกิดขึ้น โดยโปรดหลีกเลี่ยงการกดลิงก์ที่ไม่น่าไว้ใจ หรือตอบกลับอีเมล์ที่น่าสงสัย ไม่ส่งข้อมูลส่วนบุคคล หรือ OTP ให้บุคคลอื่น และโปรดระมัดระวังการแอบอ้างชื่อบริษัทฯ ในการทำธุรกรรมต่างๆ

หากพบข้อความที่น่าสงสัย หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ โทร. 1284 (เวลา 9.00-21.00 น.) หรือ อีเมล์ : data_privacy@homepro.co.th

“ไวไว” ร่วมสนับสนุนโครงการ “สงกรานต์ปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุทางถนน” มอบของที่ระลึก-รณรงค์คนไทยกลับบ้านอย่างปลอดภัย

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุ “สงกรานต์ปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุทางถนน” โดยมี นายอำนวย อ่ำเจริญ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด แผนกประชาสัมพันธ์ บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “ไวไว” เป็นผู้แทนบริษัท เข้ามอบของที่ระลึกและให้การสนับสนุนโครงการฯ มอบของที่ระลึกให้ประชาชนที่กำลังเดินทางกลับภูมิลำเนา พร้อมร่วมปล่อยขบวนรณรงค์เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางและด้านข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุตลอดการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ ณ สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ เขตจตุจักร กรุงเทพมหานครฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้

ไดกิ้น คว้าใบรับรองห้องทดสอบ EMC มาตรฐานอาเซียน แห่งแรกในไทยและภูมิภาค ตอกย้ำแนวคิด “Perfecting the air” สร้างอากาศดีเพื่อคุณอย่างยั่งยืน

ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) ร่วมพิธีรับมอบใบรับรอง แต่งตั้งขึ้นทะเบียนห้องปฏิบัติการทดสอบภายใต้โครงการความตกลงว่าด้วยกฎระเบียบและการควบคุมสำหรับบริภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในกลุ่มอาเซียน (ASEAN EE MRA : AHEEERR) ด้วยศักยภาพของห้องทดสอบ EMC ที่มีระบบการทดสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศที่ได้มาตรฐานและแม่นยำ ตอกย้ำแนวคิด “Perfecting the air” มุ่งสร้างอากาศดีเพื่อคุณอย่างยั่งยืน

นายสึโทมุ คุริฮารา ประธานบริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไดกิ้น อินดัสทรีส์ ประเทศไทย มุ่งมั่นจะเป็นฐานการผลิตเครื่องปรับอากาศที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน-โอเชียเนีย (ASEAN-Oceania) โดยมุ่งเน้นผลิตเครื่องปรับอากาศที่มีครบทั้งคุณภาพและประสิทธิภาพ สอดคล้องกับแนวคิดหลักขององค์กรอย่าง Perfecting the air : สร้างอากาศดีเพื่อคุณ” โดยเฉพาะในกระบวนการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่ไดกิ้นให้ความสำคัญกับด้านการวิเคราะห์และการทดสอบอย่างมาก ซึ่งทุกผลิตภัณฑ์จะต้องผ่านการทดสอบความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMC) ที่ควบคุมผ่านห้องทดสอบที่มีระบบควบคุมคุณภาพและการจัดการด้านเทคนิคที่แม่นยำ เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น ด้านการประหยัดพลังงาน, ความปลอดภัย รวมถึงประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องปรับอากาศ

สำหรับห้องทดสอบ EMC (Electromagnetic Compatibility) ของ ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) ได้ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม 2560 ณ อาคารศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ของบริษัทฯ โดยประกอบด้วยห้องทดสอบประเภทต่าง ๆ ที่ทันสมัยและครอบคลุม เช่น ห้องทดสอบทั้งประเภทปิดกั้นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากึ่งสะท้อน (SAC chamber), ห้องทดสอบ EMC แบบเคลื่อนที่ (Portable Shielding Tent) และห้องทดสอบแบบเปิดโล่ง (Open Area Test Site : OATS)

ในปี 2566 ที่ผ่านมา ห้องทดสอบ EMC นี้กลายเป็นห้องทดสอบจากโรงงานผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศแห่งแรกในประเทศไทย ที่ได้รับการรับรองความสามารถ และระบบคุณภาพของห้องทดสอบตามมาตราฐาน ISO/IEC 17025 จากสถาบันมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) และจากสถาบัน IEC / IECEE ประเทศสวีเดน โดยมีขอบข่ายการทดสอบครอบคลุมทุกประเทศในแถบยุโรป รวมถึง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฮ่องกง และไต้หวัน โดยห้องทดสอบ EMC แบบเคลื่อนที่ (Portable Shielding Tent) และห้องทดสอบแบบเปิดโล่ง (Open Area Test Site : OATS) ถือเป็นห้องทดสอบที่แรกและที่เดียวในประเทศไทยที่ได้รับมาตรฐานนี้ในปีนั้น

อีกทั้ง ในปี 2567 ห้องทดสอบ EMC ก็ได้ยกระดับขึ้น ด้วยการได้รับรองขึ้นทะเบียนเป็นห้องปฏิบัติการทดสอบของประเทศเวียดนาม ภายใต้โครงการความตกลงว่าด้วยกฎระเบียบและการควบคุมสำหรับบริภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในกลุ่มอาเซียน (ASEAN EE MRA : AHEEERR) เป็นแห่งแรกในประเทศไทยและกลุ่มประเทศอาเซียน ในกลุ่มห้องทดสอบ EMC จากโรงงานผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศที่เข้าร่วมโครงการ ช่วยเพิ่มขอบข่ายการทดสอบให้ครอบคลุมทุกประเทศแถบยุโรป ตลอดจนกลุ่มประเทศอาเซียน โดยได้รับเกียรติจากนายนรุณ สุขสมาน รองเลขาธิการสำนักงานมาตราฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เป็นผู้มอบใบรับรอง เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา

“ไดกิ้นมุ่งมั่นอย่างมากในการเสริมสร้างความพร้อมทั้งด้านการทดสอบ วิจัย พัฒนา เพื่อจะส่งมอบผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศที่ดีที่สุดที่สามารถตอบสนองความต้องการด้านอากาศที่แตกต่างและหลากหลาย ตามแนวคิด Perfecting the Air : สร้างอากาศดีเพื่อคุณ” พร้อมสร้างความมั่นใจและความพึงพอใจสูงสุดให้กับผู้บริโภค รวมถึงเพื่อให้ไดกิ้นกลายเป็นรากฐานสำคัญของคุณภาพชีวิตที่ดีและยั่งยืนต่อไป” นายสึโทมุ ย้ำทิ้งท้าย

ตัวจริงที่ 1 !! โฮมโปรจัดโปรตัวจบรับซัมเมอร์ “ดับร้อนไว เปลี่ยนเครื่องใหม่ที่โฮมโปร” ลดฉ่ำตลอดหน้าร้อนรวมสูงสุด 5,000 บาท ฟรี! ส่ง-ติดตั้ง-รื้อถอน ภายในวัน! ถึง 31 พ.ค. นี้

ซัมเมอร์นี้อย่าปล่อยให้แอร์เก่ากินไฟเล่นๆ เปลี่ยนใหม่ตอนนี้ คุ้มกว่าทุกองศา! เพราะโฮมโปรจัดดีลแรง เย็นฉ่ำ ให้ทุกคนได้ไอเทมเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นใหญ่ ใหม่แกะกล่อง แบบไม่ต้องรอ …จัดเต็มความคุ้มม! ไปกับโปรโมชั่น “ดับร้อนไว เปลี่ยนเครื่องใหม่ที่โฮมโปร” ตัวจริงที่ 1 เรื่องบ้าน แจกโปรตัวจบ เอาใจสายชอป ให้ได้ชอปหมวดไอเทมดับร้อนที่โฮมโปร #แอร์ #ตู้เย็น #เครื่องซักผ้า #เครื่องอบผ้า #ทีวี รับเลยทันที สิทธิพิเศษสุดปัง 3 ต่อ ลดเพิ่มรวมสูงสุดถึง 5,000 บาท ตลอดหน้าร้อนนี้ !!

  • ต่อที่ 1 คูปองลดดับร้อน ลดเพิ่มสูงสุด 3,000 บาท/เครื่อง เมื่อซื้อเครื่องปรับอากาศ และตู้เย็น รุ่นที่ร่วมรายการ
  • ต่อที่ 2 สิทธิ์เก่าแลกใหม่ รับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท เมื่อซื้อสินค้ารุ่นที่ร่วมรายการ
  • ต่อที่ 3 รับเพิ่มคูปองส่วนลด มูลค่า 500 บาท จากบัตรเครดิตโฮมโปร วีซ่า แพลทินัม, บัตรโฮมโปร เฟิร์สช้อยส์, บัตรเครดิต CardX, บัตรเครดิตกรุงศรี, บัตรเครดิต ttb และบัตรเครดิตยูโอบี เมื่อซื้อเครื่องปรับอากาศ และตู้เย็น รุ่นที่ร่วมรายการ ตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป/เซลล์สลิป พิเศษ! สมาชิกบัตรเครดิตโฮมโปร วีซ่า แพลทินัม ได้ทั้งคูปองส่วนลด พร้อมรับเครดิตเงินคืนเข้าโฮมโปร วอลเล็ต สูงสุดถึง 5,000 บาท (เมื่อรูดเต็มจำนวนครบตามเงื่อนไข)

หมายเหตุ : ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% / กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 25% ต่อปี

ห้ามพลาด! รับเพิ่มอีกหลายความคุ้มค่า ทั้งสะดวก ทั้งรวดเร็วด้วยบริการ SAMEDAY INSTALLATION จัดส่ง-ติดตั้ง-รื้อถอน ฟรี! ภายในวัน (ไม่มีขั้นต่ำ) / ผ่อนนาน…ผ่อนน้อย ผ่อนชิลไม่แคร์อุณหภูมิ ด้วยสิทธิ์ Super Zero 0% นานสูงสุด 10 เดือน จ่ายเริ่มต้นเพียง 500 บาทต่อเดือน/ ใช้งานสบาย เย็นใจทั้งบ้าน รับฟรีบริการ Worry Free ดูแลเครื่องใช้ไฟฟ้าตลอดอายุประกัน นานสูงสุด 5 ปี! (สำหรับเครื่องปรับอากาศ และตู้เย็น รุ่นที่ร่วมรายการ)

ดับร้อนไว เปลี่ยนเครื่องใหม่ ต้องที่โฮมโปร ตัวจริงที่ 1 เท่านั้น! รับความคุ้มค่าตลอดหน้าร้อนนี้…เริ่ม 1 มีนาคม 2568 – 31 พฤษภาคม 2568 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.homepro.co.th หรือโทร Call Center หมายเลข 1284

#ดับร้อนไวเปลี่ยนเครื่องใหม่ที่โฮมโปร #แอร์ #ตู้เย็น #เครื่องซักผ้า #เครื่องอบผ้า #ทีวี #ซัมเมอร์ #โฮมโปร #HomePro #BetterLivingเพื่อชีวิตที่ดีกว่า#SAMEDAYInstallation #จัดส่งติดตั้งรื้อถอนฟรี!

Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2025 พร้อมเปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่รวบรวมสุดยอดอัญมณีและเครื่องประดับจากทั่วโลก สู่ศูนย์กลางการค้าของอาเซียน

อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับในอาเซียนกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีไทยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการค้าและการผลิตที่สำคัญ ในปีนี้ Jewellery & Gem ASEAN Bangkok (JGAB) 2025 พร้อมเปิดประตูสู่โอกาสทางธุรกิจระดับโลก งานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่ยิ่งใหญ่แห่งปี ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-26 เมษายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) นำเสนอแพลตฟอร์มเชื่อมโยงผู้ประกอบการ ผู้ผลิต ผู้ออกแบบ และผู้ซื้อจากทั่วโลก

นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ด้วยศักยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตและส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของอาเซียน JGAB 2025 ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ ภายในงานจะมีการจัดแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับคุณภาพสูง รวมถึงอุปกรณ์ เครื่องมือ และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ตลาดยุคใหม่

กิจกรรมไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้ใน JGAB 2025

  • The Jewellery & Gem ASEAN Summit
    สัมมนาระดับนานาชาติที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญ นักวิเคราะห์ตลาด และผู้ประกอบการชั้นนำ เพื่อเจาะลึกแนวโน้มธุรกิจอัญมณีในอนาคต พร้อมถกประเด็นสำคัญ เช่น การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค การใช้เทคโนโลยี AI ในการออกแบบเครื่องประดับ และแนวทางความยั่งยืนในอุตสาหกรรม
  • The ASEAN’s Masterpieces Gallery
    นิทรรศการพิเศษที่นำเสนอผลงานเครื่องประดับอันล้ำค่าจากทั่วอาเซียน สะท้อนเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและงานฝีมืออันประณีต
  • The Next Gem Awards 2025
    เวทีเฟ้นหานักออกแบบเครื่องประดับรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์ เปิดโอกาสให้ดีไซเนอร์หน้าใหม่ได้นำเสนอผลงานสู่ตลาดระดับโลก
  • JGAB Runway – “Jewels of the Orient”
    แฟชั่นโชว์เครื่องประดับสุดอลังการ นำเสนอคอลเลกชันพิเศษจากดีไซเนอร์ชั้นนำของภูมิภาค ถ่ายทอดศิลปะและความงดงามผ่านเครื่องประดับที่สะท้อนวัฒนธรรมและแนวโน้มแฟชั่นแห่งอนาคต
  • สัมมนาและเวิร์กช็อปด้านการตลาดและเทคโนโลยีอัญมณี
    อัปเดตแนวโน้มตลาดอัญมณีโลก กลยุทธ์การทำตลาดดิจิทัล และเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น AI และ Blockchain ที่เข้ามามีบทบาทในการซื้อขายอัญมณี

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมส่งเสริมธุรกิจ Business Matching & Networking Sessions โอกาสพิเศษสำหรับผู้ประกอบการไทยในการพบปะคู่ค้าจากทั่วโลก ผ่านกิจกรรมจับคู่ธุรกิจที่ออกแบบมาเพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนโซนจัดแสดงสินค้าหลากหลายประเภท ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ อาทิ เครื่องประดับสำเร็จรูป (Fine Jewellery) พลอยสี (Gemstone) เพชรสังเคราะห์ (Lab-Grown Diamond) เครื่องประดับเงิน (Silver) เครื่องมืออุปกรณ์และเทคโนโลยี (Tools & Equipment) บรรจุภัณฑ์ (Packaging) และเพชรแท้ (Diamond)

อย่าพลาดโอกาสสำคัญในการขยายธุรกิจและสร้างพันธมิตรใหม่ในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับระดับโลก ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 23-26 เม.ย. 68 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์สำหรับผู้ที่สนใจเข้าชมงาน Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2025 (JGAB) สามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่: https://bit.ly/3DNk2up หรือ จองพื้นที่ออกงานแสดงสินค้าhttps://bit.ly/3C3YIQp

ดูรายละเอียดและติดตามข่าวสารเพิ่มเติม: