PDPC คว้ารางวัล “เลิศรัฐ” ปี 2568 ยืนหนึ่งบริการประชาชนยุคดิจิทัล

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC คว้ารางวัล “เลิศรัฐ” สาขาบริการภาครัฐ ประเภท “ขับเคลื่อนเห็นผล” ระดับดี จากสำนักงาน ก.พ.ร. ประจำปี 2568 สะท้อนความสำเร็จในการยกระดับการบริการประชาชนที่ทันสมัย โปร่งใส และมีมาตรฐาน

เบื้องหลังความสำเร็จนี้ มาจากผลงานของ ศูนย์บริการประชาชน (PDPA Center) ที่ถูกยกเป็น “หัวใจ” ของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพราะทำหน้าที่รอบด้าน ทั้งรับเรื่องร้องเรียน ให้คำปรึกษา เผยแพร่ความรู้ และพัฒนาระบบบริการ ให้เข้าถึงง่ายในทุกช่องทาง ถือเป็นโมเดลที่ช่วยเชื่อมโยงประชาชนกับการใช้กฎหมาย PDPA อย่างจับต้องได้จริง

ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล “พ.ต.อ. สุรพงศ์ เปล่งขำ” กล่าวถึงรางวัลนี้ว่า “นี่คือความสำเร็จของทั้งองค์กร ไม่ใช่เพียงใครคนใดคนหนึ่ง เราพยายามขับเคลื่อนการบังคับใช้กฎหมายโดยมุ่งให้ประชาชนมั่นใจว่าหากข้อมูลส่วนบุคคลถูกละเมิด จะมีที่พึ่งที่เข้าถึงได้และได้รับการดูแลอย่างเป็นธรรม”

การได้รับรางวัลเลิศรัฐ เป็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนว่า PDPC กำลังเดินหน้าในเส้นทางที่ถูกต้อง โดย PDPA Center เป็น 1 ใน 33 ผลงานจากทั่วประเทศที่ได้รับการยอมรับในปีนี้ และยังสะท้อนภาพลักษณ์องค์กรที่ได้เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนยุคดิจิทัล ว่า “ข้อมูลส่วนบุคคล” ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นสิทธิที่ทุกคนจะได้รับการคุ้มครองอย่างแท้จริง

ข้อมูลรั่วไหลเป็น “ศูนย์”

CEA Launches the 2nd “Content Project Market”Transforming Ideas into Opportunities – Elevating Thai Content to the World Stage and Fueling the Creative Economy with Soft Power

The Creative Economy Agency (Public Organization), or CEA, officially launched the Content Project Market (CPM) for its second year, held from 10 – 12 September 2025, at True Digital Park (East), Fl.  6 – 7. The event brings together over 70 leading producers, investors, and streaming platforms, reaffirming Thailand’s potential to leverage content as a soft power driver for economic growth and international recognition.

This year’s CPM features 54 selected projects:

  • 34 projects developed through CEA’s Content Lab 2025 programs, and
  • 20 projects submitted through an open call for professionals.

All projects are showcased through business matching sessions with more than 70 local and international investors and industry players, with CPM expected to generate over 300 business negotiations. As Thailand’s first dedicated content marketplace under Content Lab 2025, the platform connects Thai creators with buyers, investors, and leading platforms worldwide.

Mr. Chaiyong Ratana-Angkura, Chairperson of the Creative Economy Agency, highlighted CPM’s strategic role in advancing the Thai content industry: “Now in its second year, CPM has become a strategic tool for driving the growth of Thailand’s creative economy. More than a content marketplace platform, it is a business ecosystem — connecting Thai creators with film, series, and animation studios, investors, distributors, and global streaming platforms through pitching sessions, business matching, and networking.”

This year’s participants include over 70 prominent companies from Thailand and abroad, such as GDH, Netflix (Thailand), PCCW OTT Thailand (Viu), GMM TV, WeTV, True CJ Creations, The One Enterprise, Base Entertainment (Indonesia), Little Green White (Singapore), Mocha Chai Laboratories (Singapore), Mokster Films (Singapore), Skyline Media (Vietnam), Volos Films (Taiwan), Studio76 Original Productions (Taiwan), and Quezon City Film Commission / QCinema Project Market / Fire and Ice Media and Production (Philippines), etc.

In addition to project pitching, CPM hosts five industry forums featuring insights from 16 international and Thai experts. The talk sessions cover critical topics such as:

  • “Navigating the Landscape of Asian Film Funds: Opportunities and Challenges for Filmmakers”
  • “Co-production and Collaboration in the Asia-Pacific Film Industry: Moving Towards the Global Stage”
  • “Beyond Borders: Strategies for ASEAN Films and Series to Travel and Thrive Across the Region”
  • “Beyond the Budget: How Producers Shape Creative Vision”
  • “The Future of Thai Narrative: Trends Shaping Film and Series Production”

These sessions equip Thai creators and entrepreneurs with practical knowledge, funding access, and strategies to position their films and series effectively on the global stage.

A major highlight of CPM is its role in advancing projects from various programs under the Content Lab 2025 project: Mid-Career: Project, Mid-Career: Story, and Mid-Career: Animation — alongside open-call works, totaling 54 teams. Each team gains opportunities to pitch directly to investors and commercial partners, fostering both business potential and skill development towards international standards.

Mr. Chaiyong concluded: “CEA is dedicated to building a comprehensive creative economy ecosystem for the content industry — ranging from talent development and creator incubation to platforms for business negotiation and global networking. We recognize that Thai content is more than entertainment; it is a powerful form of soft power capable of generating revenue, creating jobs, and elevating the nation’s international image.

According to the 2020 Input-Output Table, investment in the content industry — particularly in film and series as well as broadcasting — delivers economic returns greater than the investment value. For every 1 baht invested in these sectors, an average of 1.8 baht is generated in overall economic value. This clearly demonstrates that investment in the content industry is a critical driver of Thailand’s broader economic growth.

Looking ahead to 2026, CEA aims to expand the Content Project Market onto the international stage, focusing on Asia as a key target market while fostering collaboration with partners across the region. The goal is to create a more connected and thriving creative ecosystem for both Thailand and Asia, elevating Thai content to global standards and positioning the country as a regional marketplace for content trading. The Content Project Market thus serves as a vital mechanism in driving Thailand toward becoming a future hub of the regional content industry.”

For more information about Content Lab 2025 and Content Project Market, visit the  Content Lab Facebook page.

CEA เปิดเวที “Content Project Market” ต่อเนื่องปีที่ 2 จากไอเดียสู่โอกาสจริง! ดันคอนเทนต์ไทยสู่เวทีโลก ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ ต่อยอดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ยั่งยืน

สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA เปิดงาน Content Project Market (CPM) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 10 – 12 กันยายน 2568 ณ True Digital Park (East) ชั้น 6 – 7 พร้อมดึงผู้ผลิต–นักลงทุน–แพลตฟอร์มสตรีมมิงกว่า 70 บริษัทเข้าร่วม โดยคาดว่าจะเกิดการเจรจาจับคู่ธุรกิจมากกว่า 300 คู่ ตอกย้ำศักยภาพคอนเทนต์ไทยในฐานะซอฟต์พาวเวอร์ที่ยกระดับเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ประเทศ สำหรับงานในปีนี้ได้นำเสนอผลงานจำนวน 54 ผลงานจากโปรแกรมที่ผ่านการคัดเลือกของโครงการ Content Lab 2025 จำนวน 34 ผลงาน และจากการเปิดรับผลงานจากมืออาชีพในวงการ (Open Call) อีก 20 ผลงาน โดยผลงานทั้งหมดนี้เข้าร่วมกิจกรรมBusiness Matching กับภาคธุรกิจและนักลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศ

นายไชยยง รัตนอังกูร ประธานกรรมการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เผยว่างาน Content Project Market ที่จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 นับเป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยผลักดันขีดความสามารถทางการแข่งขัน ของอุตสาหกรรมคอนเทนต์ไทย รวมถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน งานนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงเวทีนำเสนอผลงาน แต่ยังเป็นการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจระหว่างนักสร้างสรรค์ คอนเทนต์ไทย กับค่ายผู้ผลิตภาพยนตร์ ซีรีส์ แอนิเมชัน นักลงทุน ผู้จัดจำหน่าย และแพลตฟอร์มสตรีมมิง ระดับสากล ผ่านกิจกรรมการนำเสนอโครงการ (Pitching), กิจกรรมเจรจาธุรกิจ (Business Matching) และกิจกรรมสร้างเครือข่ายธุรกิจ (Networking Reception) อย่างครบวงจร สำหรับปีนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 70 บริษัทชั้นนำทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เช่น GDH, Netflix (Thailand), PCCW OTT Thailand (Viu), GMM TV, WeTV, True CJ Creations, The One Enterprise, Base Entertainment (Indonesia), Little Green White (Singapore), Mocha Chai Laboratories (Singapore), Mokster Films (Singapore), Skyline Media (Vietnam), Volos Films (Taiwan), Studio76 Original Productions (Taiwan), Quezon City Film Commission / QCinema Project Market / Fire and Ice Media and Production (Philippines) ฯลฯ 

Content Project Market ในปีนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมเสวนา (Forum) จำนวน 5 หัวข้อ โดยมีผู้เชี่ยวชาญ ในอุตสาหกรรมจากทั้งในและต่างประเทศกว่า 16 ท่าน มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์จริง และกลยุทธ์สร้างคอนเทนต์ให้โดดเด่นในตลาดโลก ซึ่งช่วยเปิดมุมมองใหม่ ๆ ให้กับนักสร้างสรรค์และ ผู้ประกอบการไทย พร้อมมอบโอกาสในพัฒนาทักษะ การเข้าถึงแหล่งเงินทุน และการมองเห็นทิศทางใน การต่อยอดผลงานภาพยนตร์และซีรีส์สู่ตลาดสากลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ เสวนา “Navigating the Landscape of Asian Film Funds: Opportunities and Challenges for Filmmakers” โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในภาพยนตร์เอเชีย, เสวนา “Co-production and Collaboration in the Asia-Pacific Film Industry: Moving Towards the Global Stage” ที่เจาะลึกการร่วมทุนสร้างในเอเชียแปซิฟิก – ความร่วมมือในภูมิภาคสู่ตลาดโลก และ “Beyond Borders: Strategies for ASEAN Films and Series to Travel and Thrive Across the Region” กลยุทธ์ข้ามแดนภาพยนตร์และซีรีส์อาเซียนสู่การเดินทางไกล ไปทั่วโลก นอกจากนี้ ยังมีเสวนาเรื่อง “Beyond the Budget: How Producers Shape Creative Vision” และ “The Future of Thai Narrative: Trends Shaping Film and Series Production” ให้ผู้เข้าร่วมเรียนรู้ กระบวนการสร้างสรรค์งานตั้งแต่ต้นจนจบ และเข้าใจเทรนด์ คอนเทนต์ไทย รวมถึงการจุดกระแสความนิยม ในภาพยนตร์และซีรีส์ในยุคปัจจุบัน

สำหรับไฮไลต์สำคัญของงาน Content Project Market คือการเป็นเวทีต่อยอดผลงานของนักสร้างสรรค์ จากโครงการ Content Lab 2025 ภายใต้ 3 โปรแกรมหลัก ได้แก่ Mid-Career: Project, Mid-Career: Story และ Mid-Career: Animation รวมทั้งผลงานจากผู้ผลิตคอนเทนต์มืออาชีพที่ผ่านการคัดเลือก (Open Call) รวมทั้งสิ้น 54 ทีม โดยทุกทีมจะได้รับโอกาสในการนำเสนอผลงานและเจรจาธุรกิจกับนักลงทุนและ พันธมิตรเชิงพาณิชย์โดยตรง ถือเป็นการสร้างโอกาสเชิงพาณิชย์ พร้อมพัฒนาทักษะของบุคลากรไทยให้ยกระดับ สู่มาตรฐานสากลอย่างยั่งยืน

“CEA มุ่งมั่นสร้างระบบนิเวศเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของอุตสาหกรรมคอนเทนต์ที่ครบวงจร ตั้งแต่การพัฒนาทักษะ การบ่มเพาะนักสร้างสรรค์ ตลอดจนการเปิดพื้นที่เจรจาธุรกิจและขยายเครือข่ายในระดับโลก ด้วยเล็งเห็นว่า คอนเทนต์ไทยไม่ใช่แค่สื่อบันเทิง แต่คือพลังซอฟต์พาวเวอร์ที่สามารถสร้างรายได้ สร้างงาน และยกระดับ ภาพลักษณ์ของประเทศได้อย่างมหาศาล ข้อมูลจากตารางปัจจัยการผลิตและผลผลิต (Input-Output Table) ในปี 2563 แสดงให้เห็นว่าการลงทุนด้านกลุ่มอุตสาหกรรมคอนเทนต์ โดยเฉพาะสาขาภาพยนตร์และซีรีส์ (Film & Series) รวมถึงการแพร่ภาพและกระจายเสียง (Broadcasting) สามารถสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ รวมที่สูงกว่ามูลค่าการลงทุน โดยทุก 1 บาทที่ลงทุนในอุตสาหกรรมเหล่านี้ จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยเฉลี่ย 1.8 บาท ข้อมูลนี้สะท้อนว่าการลงทุนด้านอุตสาหกรรมคอนเทนต์จะเป็นเครื่องมือสำคัญขับเคลื่อนการเติบโต ของเศรษฐกิจไทยในภาพรวม โดยในปี 2569 CEA ตั้งเป้าผลักดัน Content Project Market ให้เติบโตสู่ ระดับนานาชาติ โดยมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายตลาดในเอเชีย พร้อมสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับพันธมิตร จากทั่วภูมิภาค เพื่อให้ระบบนิเวศสร้างสรรค์อุตสาหกรรมคอนเทนต์ของไทยและเอเชีย มีความเชื่อมโยง และเติบโตไปพร้อม ๆ กัน ยกระดับคอนเทนต์ไทยให้ทัดเทียมกับนานาชาติ และปักหมุดไทยให้เป็นตลาดซื้อ ขายคอนเทนต์ของภูมิภาค งาน Content Project Market จึงเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการผลักดันประเทศไทย สู่การเป็นศูนย์กลางด้านคอนเทนต์ของภูมิภาคในอนาคต” นายไชยยง กล่าวสรุป

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ Content Lab 2025 และงาน Content Project Market ได้ที่เพจเฟซบุ๊ก Content Lab

เอเซอร์ เปิดตัวศูนย์บริการ “HSNT พระราม 3” โฉมใหม่ ยกระดับอาฟเตอร์เซอร์วิส สู่มาตรฐานใหม่ของบริการหลังการขาย

  • เปิดตัวศูนย์บริการ “HSNT พระราม 3” โฉมใหม่ ดีไซน์ทันสมัย กว้างขวาง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เพื่อมอบประสบการณ์ที่สะดวกสบายสำหรับลูกค้า
  • ครบทุกด้านของบริการหลังการขาย ด้วยโครงสร้างการจัดการ รับประกันความรวดเร็วและมาตรฐานระดับมืออาชีพ
  • ตอกย้ำแนวคิด “Global Brand, Local Touch” ยกระดับบริการด้วยมาตรฐานระดับโลกที่เข้าถึงง่าย พร้อมต่อยอดโมเดล B2B สู่ B2C เพื่อตอบโจทย์การเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง

Acer  เปิดตัวศูนย์บริการ “Highpoint Service Network” (HSNT) พระราม 3 โฉมใหม่ หลังการปรับโฉมครั้งใหญ่เพื่อยกระดับประสบการณ์ด้านบริการหลังการขายให้ครบวงจรยิ่งขึ้น ศูนย์บริการแห่งนี้มาพร้อมดีไซน์พื้นที่ที่กว้างขวาง สิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน และระบบสนับสนุนที่ทันสมัย รองรับลูกค้าได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมตั้งเป้าเป็นมาตรฐานใหม่ของการให้บริการด้านไอทีในประเทศไทย

นายเจฟ ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การรีโนเวทศูนย์บริการ HSNT พระราม 3 ครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงการปรับโฉมอาคาร แต่เป็นการลงทุนครั้งสำคัญที่สะท้อนวิสัยทัศน์ของเอเซอร์ ในการยกระดับบริการหลังการขายให้ครบวงจร เรามุ่งมั่นสร้างประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายให้กับลูกค้า เพราะเราเชื่อว่าบริการที่ดีคือหัวใจในการสร้างความไว้วางใจ และเป็นแรงขับเคลื่อนที่ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน”

ด้าน นายสมบัติ ต่อศักดิ์สิริ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไฮพอยท์ เซอร์วิส เน็ตเวิร์ค (ประเทศไทย) จำกัด เสริมว่า “ในการปรับโฉมครั้งนี้ เราตั้งใจออกแบบให้ศูนย์บริการให้มีความทันสมัยและกว้างขวาง พร้อมยกระดับการดูแลด้วยเครื่องมือและอะไหล่ที่ได้มาตรฐานสากล รวมถึงมีทีมวิศวกรที่ผ่านการฝึกอบรมจากแบรนด์ระดับโลกพร้อมให้บริการแบบรวดเร็วและมีคุณภาพ เพื่อช่วยแก้ปัญหาและตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าอย่างคุ้มค่ามากที่สุด”

HSNT ก่อตั้งขึ้นในปี 2561 ในฐานะสตาร์ทอัพภายใต้ Acer Group โดยเริ่มจากการให้บริการตรวจสอบ ซ่อมแซม และบำรุงรักษาผลิตภัณฑ์ไอทีและเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายประเภท ทั้งคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ เครื่องพิมพ์ และอุปกรณ์สำนักงาน ภายใต้ปรัชญา “Global Brand, Local Touch” ที่ผสานมาตรฐานชั้นนำระดับโลกเข้ากับการบริการที่เข้าถึงง่ายสำหรับลูกค้าทุกคน

ศูนย์บริการ HSNT ไม่เพียงรองรับลูกค้าแบบ Walk-in เท่านั้น แต่ยังมีบริการ One Stop Service ครอบคลุมทั้งทีม On-site, ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า, ฝ่ายช่วยเหลือ, ระบบคลังสินค้าและโลจิสติกส์ รวมถึงการจัดการอะไหล่แท้เพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพ โดยมีจุดแข็งที่เน้นจุดติดต่อเพียงจุดเดียว เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกและการสื่อสารกับลูกค้าทำได้ง่ายขึ้น และยังช่วยให้มั่นใจว่าทุกเคสจะได้รับการดูแลอย่างครบถ้วนทั่วถึง

ปัจจุบัน HSNT ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศูนย์บริการอย่างเป็นทางการจากหลากหลายแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ตอกย้ำความเชื่อมั่นในมาตรฐานการให้บริการที่เชื่อถือได้ นอกจากนี้ บริษัทยังต่อยอดจากฐานลูกค้า B2B ที่แข็งแกร่ง ขยายสู่ตลาด B2C เพื่อตอบโจทย์และเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรงได้มากยิ่งขึ้น

การรีโนเวทศูนย์บริการ HSNT สาขาพระราม 3 ถือเป็นก้าวสำคัญที่เอเซอร์และ HSNT จะต่อยอดไปยังสาขาอื่นทั่วประเทศ เพื่อสร้างมาตรฐานการบริการที่สม่ำเสมอในทุก Touchpoint พร้อมยืนยันความมุ่งมั่นในการเติบโตในฐานะ “ผู้ให้บริการไอทีมืออาชีพ” ที่ไม่เพียงแก้ไขปัญหา แต่ยังมอบประสบการณ์การใช้งานเทคโนโลยีที่มีคุณค่าและตอบโจทย์ลูกค้าอย่างแท้จริง ปัจจุบัน HSNT มีศูนย์บริการทั้งหมด 10 สาขา เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าจะได้รับการดูแลที่ใกล้และสะดวกที่สุด

วงการเกมสะเทือน! พลอยชมพูแท็กทีมโปรดิวเซอร์ตัวแม่ แอ้ม อัจฉริยา ปล่อย “The Biggest Dream Revision 2025” เวอร์ชันอินเตอร์สุดปัง!

ใกล้เข้ามาทุกทีสำหรับสุดยอดงานเกมระดับโลกที่ไม่ควรพลาด gamescom asia x Thailand Game Show  เตรียมสร้างความประทับใจอีกครั้งด้วยเพลงธีมของที่เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นและเป็นที่พูดถึงในทุกๆ ปี  และในปีนี้ก็ไม่ธรรมดาเลยตามเคย  คว้า “แอ้ม- อัจฉริยา ดุลยไพบูลย์” Queen of T-POP โปรดิวเซอร์และนักแต่งเพลงแถวหน้าของไทย ผู้อยู่เบื้องหลังเพลงดังมากมาย อาทิ พิง – นนท์ ธนนท์ , ชอบตัวเองตอนอยู่กับเธอ – บิวกิ้น , ภาพจำ – ป๊อป ปองกูล และอีก 200 กว่าเพลง มารับหน้าที่สร้างสรรค์ และโปรดิวซ์เพลงธีมในปีนี้อีกครั้ง หลังจากที่เธอเคยเสกให้เพลง The Bigger Dream เพลงธีมของงานในปี 2018  ติดหูกันไปทั่วบ้านทั่วเมืองมาแล้ว

และในปีนี้เพลงนี้ได้ถูกหยิบกลับขึ้นมาปัดฝุ่นอีกครั้ง  ในสไตล์แนวเพลงที่เป็น J- Rock ทันสมัยและมีความสากลมากขึ้นแถมยังได้ “โฟ วง 25Hours” มาทำดนตรีเพิ่มมิติทางดนตรีให้เข้ากับงานเกมระดับนานาชาติ และเปลี่ยนเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษตลอดทั้งเพลง และได้ “พลอยชมพู” นักร้องสาวลูกครึ่งไทย – เยอรมัน กลับมาร่วมสร้างสีสันถ่ายทอดเสียงทรงพลังในเวอร์ชันใหม่นี้อีกครั้ง พร้อมโชว์ฝีมือแต่งท่อนแร๊ปในภาษาเยอรมันเพื่อสะท้อนต้นกำเนิดของ งาน gamescom ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศเยอรมนี  และย้ำภาพลักษณ์ของงานที่ก้าวสู่การเป็นงานเกมระดับโลก  เราไปฟัง แอ้ม และ พลอยชมพู พูดถึงการทำงานและการได้กลับมาร่วมสร้างความประทับใจในเพลงนี้กันอักครั้ง

แอ้ม- อัจฉริยา ดุลยไพบูลย์ กล่าวว่า“สำหรับแอ้มดีใจมากที่เพลงนี้ถูกนำมาร้องอีกครั้งค่ะ จากที่ปีที่แล้วแค่เป็นการรีมาสเตอร์แต่ปีนี้เราขยับขึ้นไปอีกขั้นกับเวอร์ชันภาษาอังกฤษเต็มรูปแบบ ความท้าทายคือการเขียนเนื้อใหม่ทั้งหมด แต่ยังคงต้องรักษาความหมายดั้งเดิม เช่น คีย์เวิร์ดอย่าง Top Rank ที่แฟนๆ คุ้นเคยก็พยายามเก็บไว้ให้ใกล้เคียงที่สุด และเป็นน้องพลอยชมพูที่มาร้องก็สบายใจพลอยเป็นนักร้องที่เก่งและตั้งใจมาก ทุกครั้งที่ทำงานด้วยจะรู้เลยว่าเขาทำการบ้านมาเต็มที่ พอรู้ว่าเป็นพลอยก็ไม่ห่วงเลยคิดว่าต้องออกมาดีแน่นอน”

ด้าน พลอยชมพู เล่าว่า “สำหรับหนูเป็นเกียรติมากๆ ค่ะ ขนาดปีที่แล้วการได้ร้องเพลงธีมให้กับงาน ก็เหมือนฝันที่เป็นจริงเพราะหนูก็โตมากับงานนี้ ติดตามมานาน ปีนี้ได้กลับมาอีกครั้งในฐานะนักร้องหลักคนเดียว รู้สึกเหมือนใช้แต้มบุญคุ้มสุดๆ ความท้าทายคือเนื้อเพลงที่แทบทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ และมีท่อนแร็ปภาษาเยอรมันที่หนูแต่งเองด้วย ยากมากแต่ก็เข้ากับธีม World of Gaming ได้อย่างสมบูรณ์ เพราะมันแสดงถึงความเป็นสากล และตัวตนของหนูเองที่เป็นลูกครึ่งเยอรมัน ได้ทำงานกับพี่แอ้มก็สนุกมาก พี่เขาคอยเชียร์อัพและปล่อยให้ร้องในสไตล์ของหนูเอง ปีนี้ร้องคนเดียวทั้งหมด เลยต้องใส่พลังเต็มที่เพื่อส่งต่อความยิ่งใหญ่ของงานนี้ไปถึงผู้ฟัง ทั้งชาวไทยและต่างชาติ”

ติดตามการกลับมาของ The Bigger Dream ในเวอร์ชันใหม่ The Biggest Dream Revision 2025  นี้ นอกจากจะเป็นการเชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบันแล้ว ยังตอกย้ำภาพลักษณ์ของงานในปีนี้ ในฐานะงานเกมที่เติบโตสู่เวทีโลก ทั้งในแง่ของ เกม คอนเทนต์ ดนตรี และวัฒนธรรมอีกด้วย แฟนๆ สามารถฟังเพลงธีมใหม่ได้แล้ววันนี้ทุกแพลตฟอร์ม และร่วมสัมผัสความยิ่งใหญ่ไปพร้อมกันที่งาน gamescom asia x Thailand Game Show วันที่ 16 – 19 ตุลาคม 2025 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และซื้อบัตรได้แล้วที่ https://www.zipeventapp.com/e/GCAxTGS2025

รับฟังและชมมิวสิควีดีโอ เพลง The Biggest Dream Revision 2025

Streaming : https://mcn.solutiononeholding.com/OLS/?p=blg1tvLn

MV : https://youtu.be/wsQvKTBg4uU

Servier (Thailand) Opens New Office “New Office, Moved by You”Lighting Inspiration, Driving Healthcare Innovation for the Future

BANGKOK, September 9, 2025 – Servier (Thailand) Co., Ltd., a leading French pharmaceutical company with over 50 years of operations in Thailand, has officially inaugurated its new office in central Bangkok under the concept “New Office, Moved by You”

The concept captures Servier’s core values “Moved by You”—inspired by patients who drive research breakthroughs, trusted by healthcare professionals who use the company’s portfolio, and relied upon by patients needing accessible, quality healthcare solutions.

This new office goes beyond a traditional workspace, serving as a center of inspiration and promoting sustainable healthcare innovations to improve patients’ lives and benefit Thai society.

“For us, ‘Innovation’ means more than just technology; it represents truly transforming patients’ lives,” stated: Mr. Bradley Lloyd, Regional Managing Director – APAC. “At Servier, we are deeply committed to continuously developing medical innovations. One of our key areas of focus is the research and development of Single Pill Combinations (SPCs). These treatments are important because they help improve medication effectiveness and patient adherence, particularly in managing chronic diseases such as high blood pressure and diabetes.”

“For us, innovation is not just about technology — “it’s about truly improving patients’ lives. We believe the future of healthcare lies in a system that combines precision, personalized care, and sustainability. Our new office is more than just a workplace — it represents our strong commitment to creating accessible and sustainable healthcare solutions.”

Mr. Yanick Girard, Thailand Managing Director, stated: “Our ‘Moved by You’ philosophy guides everything we do—from the medicines we create to the partnerships we establish. Over the past five decades, Servier has built a strong foundation in Thailand through comprehensive patient care, strategic collaborations with healthcare providers, and innovations tailored to local patient needs. Today, our new office represents more than just a workspace—it marks the beginning of our next chapter in driving innovation that truly transforms patients’ lives. We are committed to continuing our investments in research, drug development, and social impact initiatives to ensure all Thai people have access to high-quality care and a healthier, sustainable future.”

His Excellency Mr. Jean-Claude Poimboeuf, Ambassador of France to Thailand, addressed: “As the representative of the French Republic, I would like to emphasize the importance of innovation in the healthcare and pharmaceutical sectors. Innovation plays a vital role in improving people’s quality of life, while also helping to build a more sustainable and efficient healthcare system. It is not only a key driver of economic growth, but also a foundation for international cooperation in addressing global health challenges.”

“I would also like to highlight the significance of the ongoing EU–Thailand Free Trade Agreement negotiations. The goal of this agreement is to promote sustainable trade and investment between both parties. As a member of the European Union, France strongly believes that this partnership will strengthen economic ties and create new opportunities for businesses in both Europe and Thailand.”

The opening of this new office is a significant milestone for Servier Thailand, reflecting the company’s “Moved by You” commitment to global excellence, international collaboration, and patient-focused innovation. This facility serves as a symbol of inspiration for healthcare advancement in Thailand and the Asia-Pacific region.

เซอร์เวียร์ (ประเทศไทย) เปิดสำนักงานใหม่ “New Office, Moved by You”จุดประกายแรงบันดาลใจ สร้างสรรค์ยาและนวัตกรรมด้านสุขภาพสู่อนาคตที่ยั่งยืน

กรุงเทพฯ – บริษัท เซอร์เวียร์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทยาและเวชภัณฑ์ชั้นนำจากประเทศฝรั่งเศสที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 50 ปี เปิดสำนักงานใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ ภายใต้แนวคิด “New Office, Moved by You” พื้นที่ทำงานแห่งใหม่นี้ไม่เพียงเป็นสำนักงาน แต่เป็นศูนย์รวมแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสุขภาพอย่างยั่งยืน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ป่วยและสังคมไทย

นายแบรดลีย์ ลอยด์ กรรมการผู้จัดการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค กล่าวว่า “บริษัทเซอร์เวียร์ ให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาสูตรยารวมเม็ดเดียว              (Single Pill Combinations – SPCs) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและความร่วมมือของการใช้ยา และช่วยส่งเสริมการควบคุมโรคเรื้อรัง อาทิ โรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน ได้อย่างมีประสิทธิผล”

“สำหรับเรา ‘นวัตกรรม’ ไม่ได้หมายถึงเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่คือการเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้ป่วยอย่างแท้จริง เรามองการแพทย์ในอนาคตเป็นระบบที่ผสมผสานระหว่างความแม่นยำ การดูแลเฉพาะบุคคล และความยั่งยืน สำนักงานใหม่ของเราไม่ใช่เพียงพื้นที่ทำงาน แต่เป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสุขภาพที่เข้าถึงได้และยั่งยืน”

นายญานีค ฌีรารด์ กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย กล่าวว่า “ปรัชญา ‘Moved by You’ เป็นแรงขับเคลื่อนทุกสิ่งที่เราทำ ตั้งแต่การพัฒนายา การสร้างพันธมิตร ไปจนถึงการดูแลผู้ป่วย ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา เซอร์เวียร์ได้สร้างรากฐานที่มั่นคงในประเทศไทย ทั้งด้านการดูแลผู้ป่วย การสร้างความร่วมมือกับแพทย์และโรงพยาบาล รวมถึงการพัฒนายาและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCD) เช่น โรคซึมเศร้า โรคเบาหวาน โรคหัวใจ รวมถึงโรคมะเร็ง ในประเทศไทย  วันนี้ สำนักงานใหม่ของเราไม่ใช่เพียงพื้นที่ทำงาน แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการขับเคลื่อนนวัตกรรมที่เปลี่ยนชีวิตผู้ป่วยอย่างแท้จริง เรามีเป้าหมายต่อยอดการลงทุนในงานวิจัย พัฒนายา และสนับสนุนโครงการเพื่อสังคม เพื่อให้คนไทยทุกคนมีสุขภาพชีวิตที่ดีและยั่งยืน”

นายฌ็องโกลด ปวงเบิฟ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนของสาธารณรัฐฝรั่งเศส ผมขอย้ำถึงความสำคัญของ นวัตกรรมในภาคอุตสาหกรรมสุขภาพและเภสัชกรรม ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน พร้อมทั้งส่งเสริมระบบสาธารณสุขให้มีความยั่งยืนและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นวัตกรรมไม่เพียงแต่เป็นปัจจัยผลักดันทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจของความร่วมมือระหว่างประเทศในการรับมือกับความท้าทายด้านสุขภาพทั่วโลก”ในโอกาสนี้ ผมขอเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างสหภาพยุโรปและประเทศไทย ซึ่งกำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างสองฝ่ายอย่างยั่งยืน ฝรั่งเศสในฐานะสมาชิกของสหภาพยุโรป มีความเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าความตกลงนี้จะช่วยเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างแน่นแฟ้น และเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้แก่ภาคธุรกิจทั้งในยุโรปและประเทศไทย”

การเปิดสำนักงานใหม่ครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของเซอร์เวียร์ ประเทศไทย สะท้อนถึงปรัชญา ‘Moved by You’ และความมุ่งมั่นด้านมาตรฐานทางการแพทย์ระดับโลก ความร่วมมือระหว่างประเทศ และการสร้างนวัตกรรมยาเพื่อผู้ป่วย สำนักงานใหม่นี้จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งแรงบันดาลใจและมาตรฐานใหม่ด้านสุขภาพในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค

เอเซอร์เผยโฉมVeriton GN100 AI Mini Workstation ขับเคลื่อนด้วยพลัง NVIDIA GB10 Superchip

  • AI Workstation ขนาดกะทัดรัด มาพร้อม NVIDIA® GB10 Grace Blackwell Superchip รองรับหน่วยความจำสูงสุด 128GB และสตอเรจ 4TB มอบสมรรถนะสูงสุดถึง 1 PFLOPS (FP4 AI)
  • รองรับการประมวลผลโมเดล AI ขนาดใหญ่แบบ Local และสามารถขยายศักยภาพการทำงานได้ด้วยการเชื่อมต่อ Veriton GN100 สองเครื่องผ่าน NVIDIA ConnectX-7 SmartNIC มาพร้อมซอฟต์แวร์ AI รุ่นล่าสุดจาก NVIDIA
  • ดีไซน์กะทัดรัด มั่นใจด้วยความปลอดภัยจาก Kensington lock รองรับการประมวลผลโมเดล AI ขนาดใหญ่สูงสุด 405 พันล้านพารามิเตอร์ เพื่อตอบโจทย์งานซับซ้อนขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ

เบอร์ลิน (3 กันยายน 2025) – เอเซอร์ เปิดตัว Veriton GN100 AI Mini Workstation เวิร์กสเตชันขนาดกะทัดรัดแต่ทรงพลัง ออกแบบมาเพื่อรันโมเดล AI ขนาดใหญ่ได้ภายในเครื่อง ลดการพึ่งพาคลาวด์ พร้อมช่วยให้องค์กรควบคุมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องได้

ขับเคลื่อนด้วย NVIDIA® GB10 Grace Blackwell Superchip ที่ให้สมรรถนะสูงสุด 1 PFLOPS (FP4 AI) ผสาน CUDA® Cores เจเนอเรชันใหม่, Tensor Cores รุ่น 5 และซีพียู Arm-based 20 คอร์ พร้อมแรม 128GB และสตอเรจ NVMe M.2 SSD 4TB ทำให้ได้สมรรถนะระดับเซิร์ฟเวอร์ในขนาด Mini-PC

Veriton GN100 มาพร้อม NVIDIA AI software stack ครบชุด ช่วยให้ผู้ใช้งานทดลอง ปรับแต่ง และใช้งานเฟรมเวิร์กยอดนิยมอย่าง PyTorch, Jupyter และ Ollama ได้ทันที รองรับการ deploy โมเดลภาษา (LLM) ขนาดใหญ่บนเครื่องโดยตรง หรือขยายไปยังคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์ที่รองรับการเร่งความเร็วได้อย่างราบรื่บ

ด้านการเชื่อมต่อ Veriton GN100 รองรับ NVIDIA ConnectX-7 NIC ช่วยให้เชื่อมต่อเครื่องสองเครื่องเข้าด้วยกัน รองรับโมเดล AI ที่มีพารามิเตอร์สูงสุด 405 พันล้าน นอกจากนี้ยังมาพร้อม Wi-Fi 7, พอร์ต USB 3.2 Type-C 4 ช่อง, HDMI, Ethernet และระบบความปลอดภัย Kensington lock ให้การปกป้องและเชื่อมต่ออย่างมั่นใจ

Acer Veriton GN100 AI Mini Workstation เตรียมวางจำหน่ายในอเมริกาเหนือ ราคาเริ่มต้น USD 3,999 / EMEA ราคาเริ่มต้น EUR 3,999 / ออสเตรเลีย ราคาเริ่มต้น AUD 6,499

รายละเอียดสเปก ราคา และความพร้อมใช้งานจะแตกต่างตามภูมิภาค ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวางจำหน่าย ข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ และราคาในการจัดจำหน่าย โปรดติดต่อสำนักงาน Acer ผ่านทาง www.acer.com

สำหรับประกาศอย่างเป็นทางการและภาพผลิตภัณฑ์ทั้งหมด สามารถเข้าชมได้ที่เว็บไซต์ IFA 2025 Press Kit site.

Specifications

NameAcer Veriton GN100 AI Mini Workstation
ModelGN100
Operating SystemDGX Base OS & NVIDIA AI Software Stack
Processors20-core Arm-based processor, up to 1 PFLOPS of FP4 AI performance
GraphicsNVIDIA GB10 Grace Blackwell Superchip
Memory128 GB LPDDR5x Coherent Unified System memory
StorageUp to 4 TB M.2 NVMe with self-encryption
AudioHDMI multi-channel audio output
PortsFour USB 3.2 Type C, HDMI 2.1b, RJ-45 connector, NVIDIA ConnectX-7 Smart NIC
NetworkingWi-Fi 7, Bluetooth 5.1 or above
Network Interface CardNVIDIA ConnectX-7 Smart NIC
SecurityKensington lock, Local AI Model Execution (data privacy)
Dimensions/Weight150 (W) x 150 (D) x 50.5 (H) mm (5.91 x 5.91 x 1.99 inches)/ less than 1.5 kg 

เอเซอร์เปิดตัวแล็ปท็อปTravelMate X14 AI พร้อมโปรเจ็กเตอร์รักษ์โลก Vero เพิ่มศักยภาพ SMEs เติมเต็ม Work from Anywhere

  • TravelMate X14 AI แล็ปท็อปน้ำหนักเบา พร้อมฟีเจอร์ Copilot+PC ระบบประมวลผล Intel® Core™ Ultra Processors (Series 2) ให้ประสิทธิภาพสูงสุด 115 TOPS ช่วยให้ทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิผล
  • พกพาสะดวกเพราะมีน้ำหนักเพียง 1.27 กก. บาง 15.9 มม. ผ่านมาตรฐาน MIL-STD 810H ให้ทั้งความคล่องตัว ทนทานพร้อมตัวเลือกหน้าจอ OLED เพื่อภาพคมชัดสมจริงสำหรับทุกการทำงาน
  • โปรเจ็กเตอร์เลเซอร์ Vero 3 รุ่นใหม่ มากับดีไซน์รักษ์โลก ให้ภาพคมชัด สว่างสดใส ติดตั้งง่าย และออกแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับการใช้งานในออฟฟิศ

เบอร์ลิน (3 กันยายน 2025) – เอเซอร์เผยโฉมโซลูชันธุรกิจรุ่นล่าสุดในงาน IFA 2025 ประกอบด้วย แล็ปท็อป Acer TravelMate X14 AI Copilot+ PC และ โปรเจ็กเตอร์ตระกูล Vero 3 รุ่นใหม่ ได้แก่ Vero XL2320p, Vero XL2521 และ Vero SL2520n ออกแบบมาเพื่อ ยกระดับศักยภาพการทำงานของ SMEs และรองรับ Work from Anywhere อย่างเต็มประสิทธิภาพ

“เมื่อ AI มีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการทำงานยุคใหม่ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจึงต้องการอุปกรณ์ที่ครบถ้วน ทั้ง เครื่องมืออัจฉริยะ ความปลอดภัย และความคล่องตัว” เจมส์ ลิน (James Lin) ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายโน้ตบุ๊ก บริษัท เอเซอร์ อิงค์ กล่าว “TravelMate X14 AI ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นี้ ด้วยขุมพลังจากโปรเซสเซอร์ Intel Core Ultra รุ่นล่าสุด และประสบการณ์ Copilot+ PC จึงให้โซลูชันที่ทั้งเบาและทนทาน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และรองรับการทำงานร่วมกันจากทุกที่”

มาร์ก ลินตัน (Mark Linton), รองประธานฝ่าย Device Partner Sales, Global Partner Solutionsยังกล่าวเสริมว่า “Acer TravelMate X14 AI แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการทำงานร่วมกันระหว่างฮาร์ดแวร์ล้ำสมัยและโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ ที่ให้ทั้งสมรรถนะสูง ความปลอดภัย และประสบการณ์ AI ที่โดดเด่น นี่จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับมืออาชีพยุคใหม่ที่มองหา PC ที่ตอบโจทย์ทั้งการพกพาและสมรรถนะในเครื่องเดียว”

TravelMate X14 AI: เบา ทนทาน ปลอดภัย ยกระดับการทำงานด้วย AI

TravelMate X14 AI (TMX414-51) ออกแบบมาเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ต้องการ เครื่องมือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน รวมถึงผู้ใช้ที่ต้องการ อุปกรณ์พกพาสะดวก แต่ยังมั่นใจใน ความปลอดภัย ขับเคลื่อนด้วย Intel® Core™ Ultra 7 258V ให้ประสิทธิภาพรวมถึง 115 TOPS รองรับ แรม 32GB LPDDR5X และ SSD PCIe 1TB จึงสามารถทำงานหลายหน้าต่างได้อย่างลื่นไหลและรวดเร็ว

ตัวเครื่องรันบน Windows 11 Pro และรองรับประสบการณ์ Copilot+ PC ที่รวมฟีเจอร์ อย่าง Recall (preview), Click to Do (preview), Windows Search เวอร์ชันใหม่, Cocreator ใน Microsoft Paint และ Live Captions สำหรับการแปลภาษาแบบเรียลไทม์

ด้วยน้ำหนักเพียง 1.27 กิโลกรัม ดีไซน์เพรียวบางแค่ 15.9 มม. ช่วยเสริมภาพลักษณ์มืออาชีพ พร้อมมาตรฐานความทนทาน MIL-STD 810H ที่สามารถรับมือกับแรงสั่นสะเทือน ความชื้น และอุณหภูมิสุดขั้ว TravelMate X14 AI จึงเป็นคู่หูทำงานที่ทั้งเบาและแข็งแกร่ง เหมาะสำหรับทั้งผู้ที่เดินทางบ่อยและการทำงานจากระยะไกล

หน้าจอขนาด 14 นิ้ว อัตราส่วน 16:10 ความละเอียด WUXGA ให้มุมมองที่กว้างขึ้นและใช้งานได้เต็มตา พร้อมตัวเลือก OLED panel ความสว่างสูงสุด 500 nits ครอบคลุมสีสันสดใส และได้รับการรับรอง TÜV Rheinland Low Blue Light ช่วยถนอมสายตา รองรับเทคโนโลยี Acer PurifiedView™ 2.0 และ Acer PurifiedVoice™ 2.0 ผสานกับ ลำโพง DTS:X® Ultra Audio ทำให้การประชุมผ่านวิดีโอ คมชัดและเสียงสมจริง

นอกจากนี้ TravelMate X14 AI ยังผ่านการรับรอง TCO certification และมาพร้อมระบบความปลอดภัย เช่น Acer UserSensing™ 2.0 ที่ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับผู้ใช้งานเพื่อลดความสว่างหรือปิดหน้าจออัตโนมัติเมื่อออกห่างจากตัวเครื่อง รวมถึงการเชื่อมต่อ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4, พอร์ต Thunderbolt™ 4 (2 ช่อง), USB 3.2 Type-A, USB 2.0 Type-A, HDMI 2.1 และ Gigabit Ethernet ช่วยให้เชื่อมต่อได้รวดเร็วและเสถียร รองรับทั้งการสตรีม วิดีโอคอล และโอนถ่ายไฟล์

Acer Vero Projectors: พลังฉายคมชัด พร้อมแนวคิดรักษ์โลก

Acer Vero XL2320p, Vero XL2521 และ Vero SL2520n เป็นโปรเจ็กเตอร์เลเซอร์ปราศจากสารปรอทที่เน้นความยั่งยืน ใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 30,000 ชั่วโมง และใช้พลังงานน้อยกว่าโปรเจ็กเตอร์แบบหลอดไฟถึง 40% ลดทั้งต้นทุนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะรุ่น Vero SL2520n ที่เป็น short-throw สามารถฉายภาพ 100 นิ้วได้จากระยะเพียง 1.1 เมตร เหมาะกับพื้นที่จำกัดเป็นอย่างดี

โปรเจ็กเตอร์ทั้งสามรุ่นให้ความละเอียดสูงสุด Full HD และความสว่าง 4,000 ANSI lumens รองรับการฉายภาพ 360 องศา มีโหมดแนวตั้ง และการปรับภาพ keystone 4 มุม เพื่อความยืดหยุ่นสูงสุด ใช้งานได้ต่อเนื่อง 24/7 และมีมาตรฐานกันฝุ่น IP6X ให้ความทนทานสูง ขอบเขตสีกว้าง 93% Rec.709 และอัตราคอนทราสต์ 50,000:1 มอบภาพสมจริงยิ่งขึ้น เสริมด้วยลำโพงในตัว 15W พร้อมการติดตั้ง HDMI สองพอร์ต รองรับการติดตั้งที่ยืดหยุ่น และยังมีโหมดภาพเฉพาะ เช่น football mode ในซีรีส์ Vero XL2 และ golf mode ในรุ่น SL2520n ซึ่งมาพร้อมพอร์ต Ethernet ในตัวด้วย

โปรเจ็กเตอร์ Vero ทั้งสามรุ่น ยังคงยึดมั่นในแนวทางรักษ์โลก ด้วยการใช้พลาสติกรีไซเคิล (PCR) 50% ในตัวเครื่อง และบรรจุภัณฑ์สามารถรีไซเคิลได้ 100% ซึ่งไม่เพียงช่วยลดขยะพลาสติก แต่ยังสะท้อนถึงความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอนการผลิต ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเอเซอร์ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ทรงประสิทธิภาพและยั่งยืนอย่างแท้จริง

ราคาและการวางจำหน่าย

รุ่นราคาเริ่มต้นช่วงวางจำหน่าย
TravelMate X4 14 AI (TMX414-51)USD 1,399.99 / EUR 899 / AUD 2,499อเมริกาเหนือ: Q4 2025 / EMEA: ก.ย. 2025 / ออสเตรเลีย: Q4 2025
Vero XL2320pEUR 699 / RMB 8,999EMEA: ธ.ค. 2025 / จีน: ต.ค. 2025
Vero XL2521EUR 899EMEA: ธ.ค. 2025
Vero SL2520nEUR 1,199 / RMB 16,999EMEA: ธ.ค. 2025 / จีน: ต.ค. 2025

รายละเอียดสเปก ราคา และความพร้อมใช้งานจะแตกต่างตามภูมิภาค ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวางจำหน่าย ข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ และราคาในการจัดจำหน่าย โปรดติดต่อสำนักงาน Acer ผ่านทาง www.acer.com

สำหรับประกาศอย่างเป็นทางการและภาพผลิตภัณฑ์ทั้งหมด สามารถเข้าชมได้ที่เว็บไซต์ IFA 2025 Press Kit site.

“ต่อมน้ำลายอักเสบ” อันตรายกว่าที่คิด!!!

แม้อาการปวด บวม แดง หรือบวมยุบซ้ำ ๆ ในช่องปากอาจดูเหมือนไม่รุนแรง แต่แท้จริงแล้วอาจเป็นสัญญาณเตือนของ “ต่อมน้ำลายอักเสบ” ภัยเงียบที่หลายคนมักมองข้าม และหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจลุกลามจนกลายเป็นนิ่ว ฝีหนอง หรืออาจพบมีเนื้องอกซ่อนอยู่ภายในต่อมน้ำลาย
พญ. วรรนธนี อภิวัฒนเสวี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโสต ศอ นาสิกวิทยา และภูมิแพ้ ด้านโพรงจมูกและไซนัส โรงพยาบาลพระรามเก้า ให้ข้อมูลว่า “ต่อมน้ำลาย” แม้จะมีขนาดเล็ก แต่มีหน้าที่สำคัญต่อสุขภาพร่างกาย โดยผลิตน้ำลายที่ช่วยย่อยอาหาร หล่อลื่นการพูด การเคี้ยวและการกลืน เคลือบฟันป้องกันฟันผุ ฆ่าเชื้อโรค และปรับสมดุลกรด–ด่างในช่องปาก การทำงานของต่อมน้ำลายจึงเปรียบเสมือนเกราะป้องกันตามธรรมชาติ แต่เมื่อเกิดการอักเสบ อาการเล็ก ๆ ที่ดูไม่น่ากังวลอาจเป็นจุดเริ่มต้นของโรคร้ายแรงได้
โดยปกติร่างกายคนเรามีต่อมน้ำลาย 3 คู่หลัก ได้แก่ ต่อมพาโรติด (หน้าหู), ต่อมซับแมนดิบูลาร์       (ใต้ขากรรไกร), และต่อมซับลิงกัวล์ (ใต้ลิ้น) รวมถึงต่อมน้ำลายขนาดเล็กอีกจำนวนมาก ซึ่งจะลำเลียงน้ำลายมาตามท่อส่งและเข้ามาเปิดตามรูเปิดภายในช่องปากที่บริเวณกระพุ้งแก้มและใต้ลิ้นทางด้านหน้า เมื่อเกิดภาวะที่
 
น้ำลายน้อยลงจากสาเหตุต่างๆ เช่น การขาดน้ำ การได้รับยาบางชนิด หรือการได้รับรังสีรักษาบริเวณใบหน้าและลำคอ เชื้อแบคทีเรียในช่องปากที่ไม่สมดุลนั้นสามารถก่อให้เกิดการอักเสบติดเชื้อย้อนกลับเข้าไปสู่ท่อน้ำลายส่งผลให้ต่อมสร้างน้ำลายทำงานผิดปกติ จนอาจมีหนองสีเหลืองปนมากับน้ำลาย หรือหากติดเชื้อบ่อยๆ เป็นเวลานาน อาจเกิดการสะสมของตะกอนแคลเซียมกลายเป็นก้อนนิ่วอุดตันภายในท่อของต่อมน้ำลายได้เช่นเดียวกัน

พญ. วรรนธนี กล่าวเพิ่มเติมว่า “โรคต่อมน้ำลายอักเสบเป็นภัยเงียบที่ผู้ป่วยจำนวนมากมักไม่ทันสังเกต แต่สามารถส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพช่องปาก การรับประทานอาหาร การพูดคุย รวมถึงความสวยงามของใบหน้า หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่ระยะแรก”

          สาเหตุหลักของโรค มักเกิดจากการติดเชื้อ โดยเชื้อแบคทีเรียเป็นสาเหตุที่พบบ่อย รองลงมาคือเชื้อไวรัส ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยเสี่ยง เช่น การดื่มน้ำน้อย สุขภาพเหงือกและฟันที่มีปัญหา ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด (เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาลดน้ำมูก ยาต้านซึมเศร้า) รวมถึงโรคประจำตัวอย่างเบาหวานและไตวาย ที่ทำให้เกิดภาวะปากแห้งและเสี่ยงติดเชื้อมากยิ่งขึ้น

โรคนี้แบ่งระยะของโรคได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่

ชนิดเฉียบพลัน ผู้ป่วยมักมีอาการปวด บวม แดง ร้อน โดยเฉพาะที่ต่อมหน้าหูและใต้ขากรรไกร ทำให้รับประทานอาหารลำบาก อ้าปากได้น้อยลง และบางรายมีไข้ร่วมด้วย

ชนิดเรื้อรัง เกิดจากการอักเสบติดเชื้อซ้ำ ๆ หรือมีนิ่วอุดตันในท่อน้ำลาย ส่งผลให้มีอาการปวด บวมเป็นๆหายๆ และอาการมักเป็นมากขึ้นหลังรับประทานอาหาร ซึ่งสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดื่มน้ำน้อย ภาวะเครียดและพักผ่อนไม่เพียงพอ ในบางรายอาจพบมีเนื้องอกซ่อนอยู่ภายในต่อมน้ำลาย ที่อาจโตขึ้นเรื่อยๆ จนมีการกดเบียดส่วนของท่อน้ำลายหรือกดเบียดเส้นประสาทของใบหน้า

กลุ่มเสี่ยงที่พบบ่อย ได้แก่ วัยทำงาน ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับรังสีบริเวณใบหน้า/ลำคอ และส่วนน้อยในทารกแรกเกิดที่ยังได้รับน้ำและสารอาหารไม่เพียงพอ

 สัญญาณเตือนที่ควรระวังคือ อาการปวด บวม ซ้ำ ๆ หรือการมีก้อนเนื้อที่โตมากขึ้น ซึ่งควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย อาทิเช่น การตรวจร่างกาย อัลตราซาวด์ (Ultrasound) หรือ CT Scan เพื่อค้นหาสาเหตุตำแหน่งและขนาดของก้อนนิ่วหรือฝีหนองอักเสบที่อยู่ภายใน

พญ. วรรนธนี กล่าวปิดท้ายว่า “หากปล่อย ‘ต่อมน้ำลายอักเสบ’ ไว้โดยไม่รักษา อาจก่อให้เกิดการติดเชื้อลุกลาม นิ่วอุดตันเรื้อรัง หรือเนื้องอกที่อาจกลายเป็นมะเร็งและแพร่กระจายได้ การรักษาจึงขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของโรค

 สำหรับการอักเสบติดเชื้อเบื้องต้น การให้ยาฆ่าเชื้อ การดูแลสุขภาพช่องปากทั้งเหงือกและฟัน การนอนพักผ่อนและดื่มน้ำให้เพียงพอเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำลายด้วยอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีรสเปรี้ยว เช่น น้ำมะนาว น้ำส้ม ลูกอมรสเปรี้ยว รวมถึงการประคบอุ่นเพื่อลดอาการปวดบวม ส่วนกรณีที่พบมีก้อนนิ่วอุดตัน การส่องกล้องเพื่อนำนิ่วออกถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการรักษานอกเหนือจากการผ่าตัด”

“ต่อมน้ำลายอักเสบ” ดูเหมือนเรื่องเล็ก แต่ความจริงแล้วอาจส่งผลเสียอย่างมากต่อการดำเนินชีวิต การใส่ใจดูแลสุขภาพช่องปาก ดื่มน้ำให้เพียงพอ และพบแพทย์ตั้งแต่เริ่มมีอาการ จะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายและรักษาสุขภาพให้แข็งแรงได้ในระยะยาว

สำหรับผู้ที่มีอาการ บวม แดง ร้อน บริเวณต่อมน้ำลาย โดยเฉพาะต่อมหน้าหูและต่อมใต้ขากรรไกร สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 1270 หรือ Website: www.praram9.com / Line: lin.ee/vR9xrQs หรือ @praram9hospital และ Facebook: Praram9 Hospital โรงพยาบาลพระรามเก้า HEALTHCARE YOU CAN TRUST เรื่องสุขภาพ…ไว้ใจเรา #Praram9Hospital อย่าลืมชวนคนที่คุณรัก มาร่วม “โอบกอดสุขภาพดีไปด้วยกัน” เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นในทุก ๆ วัน