อัลไซเมอร์-พาร์กินสัน-หลอดเลือดสมอง 3 โรคร้าย ทำลายสมองแบบไม่รู้ตัว!!!เตือนคนไทยอย่าชะล่าใจ “สมองป่วยได้” และอาจเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิต

“สมอง” จะเป็นอวัยวะที่เราใช้งานอยู่ตลอดเวลา แต่หลายคนกลับไม่ทันตระหนักว่า สมองก็สามารถเจ็บป่วยได้ และหากเกิดขึ้นแล้ว อาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิต

โรงพยาบาลพระรามเก้าขอเชิญชวนทุกคนใส่ใจสุขภาพสมองให้มากขึ้น โดยเฉพาะการรู้เท่าทัน 3 โรคสมองอันตราย ที่พบบ่อยในสังคมไทย ได้แก่ โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน และโรคหลอดเลือดสมอง

โรคอัลไซเมอร์ เป็นสาเหตุสำคัญของภาวะสมองเสื่อม พบในผู้สูงอายุไทยถึง 5.43% (ข้อมูลจากสถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ ปี 2563) เกิดจากการสะสมของโปรตีนผิดปกติในสมอง ทำลายเซลล์ประสาทจนสมองฝ่อ ผู้ป่วยจะมีอาการจำไม่ค่อยได้ ถามซ้ำ ลืมเรื่องสำคัญ หงุดหงิดง่าย และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและดูแลอย่างเหมาะสม

โรคพาร์กินสัน เป็นโรคสมองเสื่อมที่เกี่ยวข้องกับการลดลงของสาร “โดปามีน” ซึ่งควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย ผู้ป่วยมักเริ่มมีอาการสั่น กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง เคลื่อนไหวช้า หรือทรงตัวไม่ดี มักพบทั้งเพศชายและหญิง หากเริ่มมีอาการ ควรรีบพบแพทย์

โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เป็นโรคที่มาแบบไม่ทันตั้งตัว เกิดอาการฉับพลัน เช่น หน้าเบี้ยว พูดไม่ชัด แขนขาอ่อนแรงซีกเดียว เดินเซ หรือเห็นภาพซ้อน สาเหตุหลักมักมาจากความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ หรือไขมันในเลือดสูง หากสงสัยว่ามีอาการ อย่ารอช้า! รีบไปโรงพยาบาล เพื่อลดความเสี่ยงต่อความพิการและเพิ่มโอกาสรอดชีวิต

โรงพยาบาลพระรามเก้า ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสมอง จึงขอแนะนำโปรแกรมตรวจคัดกรองความเสี่ยงระบบประสาทและสมอง เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการ เช่น เวียนศีรษะ ทรงตัวไม่ดี คลื่นไส้ หูอื้อ ตาพร่ามัว เดินเซ ชักเกร็ง หมดสติ ความจำเสื่อม กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง หรือมีอาการชาบริเวณใบหน้า ด้วยโปรแกรมคัดกรอง ได้แก่

  • โปรแกรมคัดกรองหลอดเลือดสมอง (Stroke Screening Program) ราคา 19,900 บาท สำหรับผู้ที่เคยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง หรือมีความเสี่ยง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
  • โปรแกรมคัดกรองโรคพาร์กินสัน (Parkinson Screening Program) ราคา 18,500 บาท สำหรับผู้ที่มีอาการสั่น เคลื่อนไหวช้า เดินลำบาก หรือมีประวัติครอบครัวเป็นโรคพาร์กินสัน
  • โปรแกรมคัดกรองโรคสมองเสื่อม (Dementia Screening Program) ราคา 19,500 บาท สำหรับผู้ที่เริ่มมีภาวะความจำเสื่อม หรือมีประวัติครอบครัวเป็นโรคสมองเสื่อม

อย่าลืมว่า “สมอง” คือศูนย์กลางของชีวิต เริ่มดูแลได้ตั้งแต่วันนี้ ด้วยการตรวจสุขภาพประจำปี และรู้เท่าทันโรคร้าย เพราะ “รู้เร็ว รักษาไว” คือกุญแจสำคัญของคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว

สำหรับทุกคนที่ต้องการดูแลสุขภาพสมองของตนเองและคนที่รัก สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมโปรแกรมตรวจคัดกรองสมอง สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 1270 หรือ Website: www.praram9.com / Line: lin.ee/vR9xrQs หรือ @praram9hospital และ Facebook: Praram9 Hospital โรงพยาบาลพระรามเก้า HEALTHCARE YOU CAN TRUST เรื่องสุขภาพ…ไว้ใจเรา #Praram9Hospital อย่าลืมชวนคนที่คุณรัก มาร่วม “โอบกอดสุขภาพดีไปด้วยกัน” เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นในทุก ๆ วัน

ไวไว เสิร์ฟความม่วน สาดความมันส์ร่วมสืบสาน “ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่ 2568” ต้อนรับสงกรานต์ม่วนขนาด

“เชียงใหม่” ระเบิดความสนุกต้อนรับสงกรานต์แบบล้านนากับงาน “ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่ ประจำปี 2568” ซึ่งปีนี้จัดใหญ่กว่าเดิม ภายใต้แนวคิดสุดจี๊ด “เสิร์ฟความม่วน สาดความมัน สีสันปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่” งานนี้จัดเต็มตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ ระหว่างวันที่ 7 – 16 เมษายน 2568 ณ ข่วงประตูท่าแพ ใจกลางเมืองเชียงใหม่ ที่รวบรวมทั้งวัฒนธรรม ประเพณี และความบันเทิงมาให้สัมผัสแบบครบเครื่อง โดย “ไวไว” แบรนด์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขวัญใจคนไทย ร่วมสืบสานวัฒนธรรมล้านนา พร้อมส่งมอบความสนุกผ่านกิจกรรมหลากหลายตลอดช่วงเทศกาล
ภายในงาน ได้รับเกียรติจาก นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดงานในครั้งนี้ พร้อมด้วยผู้บริหารจาก บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ “ไวไว” เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง โดยมี นางสาวณิชรัตน์ ชำนาญกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการตลาด, นายศิริชัย คำลม, นางสาวนิรชา บุญจิตธรรม และ นายธนปกรณ์ วูวงศ์ ลงพื้นที่ร่วมสร้างบรรยากาศแห่งความสุขให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

บรรยากาศงานปีนี้เรียกได้ว่า “ม่วนขนาด” ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เริ่มต้นด้วยกิจกรรมอิ่มบุญในช่วงเช้า ได้แก่ พิธีสรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ ณ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ตลอดเดือนเมษายน และพิธีทำบุญตักบาตรในวันที่ 13 เมษายน ที่ข่วงประตูท่าแพ ก่อนเข้าสู่ช่วงบ่ายกับขบวนแห่สุดยิ่งใหญ่บนเส้นทางสะพานนวรัฐ–ประตูท่าแพ–วัดพระสิงห์ และไปสนุกสุดเหวี่ยงกับคอนเสิร์ตและกิจกรรมบันเทิงยามค่ำคืนในงาน “World Songkran Thapae Chiang Mai 2025” บริเวณถนนท่าแพ ระหว่างวันที่ 13–15 เมษายน ซึ่งทุกคนจะได้สัมผัสกับความเปียกชุ่ม   สดชื่นสะใจ ท่ามกลางสายน้ำแห่งความสุขและเสียงดนตรีสุดมัน

นางสาวณิชรัตน์ ชำนาญกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด กล่าวว่า“เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของงานป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองเชียงใหม่ในปีนี้ เพราะสงกรานต์ไม่ใช่แค่เทศกาลแห่งความสนุกเท่านั้น แต่มันคือการรวมใจ สืบสานวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าของชาวล้านนา และยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นได้อย่างมหาศาล ‘ไวไว’ ก็อยากร่วมส่งต่อรอยยิ้มและความอร่อยให้กับทุกคนในช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ค่ะ ไม่ว่าคุณจะเล่นน้ำอยู่ที่ไหน แค่มี ‘ไวไว’ ติดไว้ ก็อร่อยถูกใจ ได้ทุกที่ ทุกเวลา”

กระแสแรงเกินคาด! “วันช่างโฮมโปร” #ซ่อมฟรี คนเชียงใหม่แห่รับบริการแน่นใน 2 วัน เตรียมปักหมุดลุ้นสาขาโฮมโปรครั้งถัดไป เริ่มปลายเดือนเมษานี้

กระแสตอบรับแรงเกินคาด! สำหรับโปรเจกต์ “วันช่างโฮมโปร” ที่เปิดให้บริการ #ซ่อมฟรี
ณ โฮมโปร สาขาเชียงใหม่ รวมโชค ตลอด 2 วันที่ผ่านมา ท่ามกลางชาวเชียงใหม่ที่หลั่งไหลมารอต่อคิวรับบริการ #ซ่อมฟรีกันอย่างคึกคัก ตั้งแต่สโตร์เปิดตลอดทั้งสองวัน บรรยากาศหน้าสโตร์กลายเป็นลานซ่อมที่คึกคัก ลูกค้านำเครื่องใช้ไฟฟ้ามาใช้บริการมากมาย

กิจกรรมซ่อมฟรีครั้งนี้ เกิดจากแนวคิดผู้บริหารที่เห็น ‘ช่องว่าง’ ของบริการหลังการขาย ในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะกับสินค้าขนาดเล็กขนาดกลาง ที่ลูกค้าส่วนใหญ่มักไม่รู้ว่าต้องนำไปซ่อมที่ไหน หรือไม่มั่นใจในคุณภาพของช่าง

จุดนี้เองที่ทำให้โฮมโปร ปิ๊งไอเดียสร้าง Customer Lifetime Value โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า พร้อมปักธงแนวคิด “หากสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าเสีย คิดถึงช่างโฮมโปร มือโปรประจำบ้านคุณเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าทุกคนและทำให้เข้าถึงบริการซ่อมแซมหลังการขายที่ง่าย อุ่นใจ และเป็นมิตร โดยเปิดให้บริการรวม 2 รูปแบบ คือ

  • On-Site Service: บริการซ่อมถึงบ้านส่วนใหญ่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดกลางขนาดใหญ่ อาทิ เครื่องปรับอากาศ, เครื่องซักผ้า, ปั๊มน้ำ, ตู้เย็น, ทีวี รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆ ที่ขนย้ายไม่สะดวก
  • Carry-In Service: บริการซ่อมสินค้าที่ลูกค้านำมาที่สาขา โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก อาทิ เครื่องมือช่าง, เครื่องมือทำสวน, พัดลม, เตารีด, เครื่องปั่นน้ำผลไม้, หม้อหุงข้าว ซึ่งบริการนี้ได้รับความนิยมเป็นพิเศษ และเปลี่ยนให้พื้นที่หน้าสโตร์กลายเป็นลานซ่อมขนาดย่อมที่คึกคักตลอดทั้งวัน

“ลูกค้าหลายคนบอกว่า รู้สึกดีใจที่มีบริการซ่อมฟรีใกล้บ้าน และที่สำคัญยังเป็นช่างโฮมโปร ที่ได้มาตรฐาน เชื่อถือได้ ก็อุ่นใจ บรรยากาศ 2 วันนี้ ทำให้เห็นพี่น้องคนเชียงใหม่ พ่อบ้านแม่บ้าน วัยทำงาน หรือผู้สูงวัย
นำเครื่องใช้ไฟฟ้าเดินทางมาใช้บริการและกลับออกไปพร้อมรอยยิ้มตลอดทั้งวัน ซึ่งพอเราได้เห็นรอยยิ้ม
ได้พูดคุยกับลูกค้า บางทีจากเหนื่อยๆ ก็รู้สึกเพลินไปทั้งวัน”

“วันช่างโฮมโปร” เป็น 1 ในกิจกรรมที่มีส่วนสำคัญสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น (Better Living) ที่โฮมโปรตั้งใจทำอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2568 นี้ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าชีวิตที่ดี ง่าย และสะดวกสบาย มีได้ไม่ใช่แค่ตอนซื้อสินค้า แต่รวมถึงตอนเข้ารับบริการหลังการขาย ซึ่งเป็นหนึ่งในช่วงชีวิตของการใช้งานสินค้าและบริการที่โฮมโปรเราอยากดูแลลูกค้าด้วย โดยตลอดทั้ง 2 วันนี้ มีลูกค้านำเครื่องใช้ไฟฟ้ามาเข้ารับบริการมากมาย ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสินค้าพัดลมและกาน้ำร้อน

ปรากฏการณ์ #ซ่อมฟรี ในครั้งนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของชีวิตที่ดีกว่าที่ลูกค้าโฮมโปรจะได้รับ เพราะโปรเจกต์ “วันช่างโฮมโปร” เตรียมขยายให้บริการโฮมโปรสาขาอื่นๆ ต่อเนื่องปลายเดือนเมษายนนี้ รับรองว่างานนี้ไม่ใช่แค่ซ่อมฟรี แต่โฮมโปรตั้งใจดูแลลูกค้าทุกคนอย่างดีในระยะยาว

ติดตามพิกัด “วันช่างโฮมโปร” พิกัดถัดไปได้ที่ www.facebook.com/homeprothailand

#วันช่างโฮมโปร #ซ่อมฟรี #ช่างโฮมโปร #ช่างโฮมโปรมือโปรประจำบ้านคุณ #CHANGHomePro #โฮมโปร #HomePro #BetterLifeเพื่อชีวิตที่ดีกว่า #Homepropr

สคส. ย้ำ พ.ร.ก.ไซเบอร์ฉบับใหม่ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล-ผู้เสียชีวิต ฝ่าฝืนเจอโทษหนักถึงจำคุก 5 ปี

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) ย้ำ พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า  “พ.ร.ก.ไซเบอร์” ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 13 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในมาตรา 11/2 ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการปกป้องข้อมูลเกี่ยวกับบุคคล ไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อม โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการซื้อขายข้อมูลมีโทษหนักขึ้นถึงจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) เปิดเผยว่า “พ.ร.ก.ไซเบอร์” ฉบับนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการจัดการกับปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ตั้งแต่ต้นทางโดยการป้องกันไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลถูกนำไปใช้ในการกระทำผิดทางอาญา  โดยเฉพาะ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” และมิจฉาชีพออนไลน์ที่ระบาดหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนจำนวนมาก

พ.ร.ก. ฉบับนี้ โดยเฉพาะในมาตรา 11/2 มีความสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลและข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมไปแล้ว โดยกำหนดบทลงโทษแก่ผู้ที่นำข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลและของผู้ถึงแก่กรรมไปใช้หรือให้บุคคลอื่นใช้ เพื่อกระทำความผิดทางอาญาหรืออาชญากรรมทางเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นการใช้โดยตรงหรือโดย

อ้อม โดยผู้กระทำผิดอาจได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลดังกล่าวโดยเจตนาไม่ชอบด้วยกฎหมาย จะมีโทษหนักขึ้นถึงจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

กฎหมายดังกล่าวสอดคล้องและเสริมความแข็งแกร่งกับ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) ซึ่งมีเป้าหมายในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนจากการถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับความยินยอมผิดวัตถุประสงค์ หรือการนำไปใช้ในทางทุจริต

สคส. ขอย้ำว่า ประชาชนควรตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ควรเปิดเผยข้อมูลสำคัญให้กับบุคคลที่ไม่รู้จัก และหากสงสัยว่าข้อมูลของตนเองอาจถูกละเมิดหรือถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด ควรแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที โดยทั้งนี้ สคส. ได้ยกระดับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง โดยจัดให้มีศูนย์เฝ้าระวังการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC Eagle Eye) เพื่อสำรวจตรวจสอบข้อมูลรั่วไหลหรือการละเมิดข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับตำรวจไซเบอร์ ซึ่งมีศูนย์ Cyber Eye ตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อพบการกระทำผิดก็พร้อมที่จะร่วมกันขยายผลบังคับใช้กฎหมายโดยทันที นอกจากนี้ยังร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมไซเบอร์

หากประชาชนพบเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล สามารถติดต่อได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) โทร. 02-111-8800 หรืออีเมล saraban@pdpc.or.th

โรงพยาบาลพระรามเก้า จัดกิจกรรม “วันพาร์กินสันโลก 2025”

นพ.เสถียร ภู่ประเสริฐ  กรรมการผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระรามเก้า เป็นประธานเปิดกิจกรรม
“วันพาร์กินสันโลก 2025” เพื่อส่งต่อความรู้และช่วยเพิ่มการตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคพาร์กินสัน ภัยเงียบโรคสมองเสื่อมที่ต้องระวัง โดยมี นพ.วิทยา วันเพ็ญ รองกรรมการผู้อำนวยการ และ นพ.สิทธิ เพชรรัชตะชาติ
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาและโรคพาร์กินสันและการเคลื่อนไหวผิดปกติ ร่วมงาน โดยภายในงานจะมีกิจกรรมให้ความรู้ที่หลากหลาย เช่น บูธข้อมูลเกี่ยวกับโรคพาร์กินสัน, แนวทางการดูแลรักษา, บูธโภชนาการแนะนำอาหารที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วย รวมถึงสัมมนาพิเศษ “พาร์กินสัน รู้เร็ว ป้องกันได้” ณ ลานกิจกรรม ชั้น 2 อาคาร A

กว่า 30 ปีแห่งความสำเร็จ! SUPARNO JEWELRY พลิกโฉมวงการจิวเวลรี่ไทย ปั้นแบรนด์เครื่องประดับให้เข้าถึงง่าย พร้อมบุกตลาดโลก

กว่า 30 ปีแห่งการเติบโตอย่างมั่นคงในวงการจิวเวลรี่ไทย SUPARNO JEWELRY ยืนหยัดด้วยแนวคิดที่แตกต่าง นำเสนอเครื่องประดับในฐานะ “เสียงสะท้อนตัวตน” ของผู้สวมใส่ ภายใต้ปรัชญา THE VOICE OF JEWELRY ที่เน้นความเข้าถึงง่าย คุ้มค่า และเปี่ยมด้วยความหมาย พร้อมเดินหน้าขยายตลาด OEM ซึ่งเติบโตสูงถึง 200–300% และต่อยอดด้วยการสร้างแบรนด์ของตัวเอง เพื่อเพิ่มมูลค่าในระยะยาว ล่าสุดเตรียมเปิดตัวบนเวทีระดับภูมิภาคในงาน Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2025 (JGAB 2025) เพื่อเชื่อมโยงกับคู่ค้าระดับพรีเมียมจากทั่วโลก

นายชยันกิติภัทร ยงค์พีระกุล กรรมการผู้จัดการ SUPARNO JEWELRY เล่าถึงจุดเริ่มต้นของธุรกิจว่า ย้อนกลับไปกว่า 30 ปี SUPARNO เริ่มต้นจากกิจการค้าพลอยในครอบครัว ซึ่งเป็นยุคเฟื่องฟูของทับทิมและไพลิน ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการต่อยอดและเพิ่มคุณค่าให้กับอัญมณีไทย จึงเกิดแนวคิดในการพัฒนาเป็นเครื่องประดับที่มีเอกลักษณ์ สะท้อนตัวตนผู้สวมใส่ และสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายมากขึ้น

แรงบันดาลใจของแบรนด์ซ่อนอยู่ในชื่อ “SUPARNO” ซึ่งนำมาจากชื่อคุณแม่ “สุพร” ผสานกับคำว่า “SOPRANO” จนเกิดเป็นชื่อที่เปี่ยมด้วยความหมายและความผูกพันทางใจ โดยแบรนด์ SUPARNO ไม่ได้ขายเพียงเครื่องประดับ แต่สื่อถึงเสียงที่สะท้อนบุคลิก ความรู้สึก และสไตล์ของผู้สวมใส่อย่างแท้จริง เราต้องการลบภาพจำเดิม ๆ ที่ว่าเครื่องประดับหรูเป็นของคนรวยเท่านั้น แต่ต้องการสร้าง “เครื่องประดับที่ทุกคนเข้าถึงได้”

อีกหนึ่งหัวใจของ SUPARNO JEWELRY คือการมีโรงงานผลิตของตัวเอง ซึ่งสามารถรองรับการผลิตทั้งในนามแบรนด์และ OEM ได้ครบทุกกลุ่มตลาด ทำให้สามารถควบคุมทุกกระบวนการผลิต ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งในด้านดีไซน์ คุณภาพ และระยะเวลา ส่งผลให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด

“ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี เราดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ จริงใจ ใส่ใจในความต้องการของลูกค้า เราอบรมทีมงานให้เน้นการสื่อสารและรับฟังลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าเป็นผู้กำหนดรูปแบบและงบประมาณ เพราะเราเชื่อว่าเครื่องประดับแต่ละชิ้นควรสะท้อนตัวตนของผู้สวมใส่ และต้องคุ้มค่ากับเงินทุกบาทที่จ่ายไป”

นายชยันกิติภัทร ยงค์พีระกุล กล่าวต่อว่า SUPARNO JEWELRY ผ่านจุดเปลี่ยนสำคัญในช่วงโควิด-19 ซึ่งทำให้เห็นว่าโรงงานจำนวนมากหันมาสร้างแบรนด์ของตัวเอง แต่เนื่องจากต้นทุนการตลาดสูง SUPARNO จึงปรับกลยุทธ์ ลดการโฟกัสแบรนด์ และมุ่งสู่การเป็นผู้ผลิต OEM รายใหญ่แทน กลายเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้ปัจจุบันสัดส่วน OEM คิดเป็น 90% และแบรนด์ของตัวเองอยู่ที่ 10% โดยมีฐานลูกค้า OEM หลักในยุโรปและอเมริกา พร้อมปรับกลยุทธ์ด้านราคาให้สินค้า “ดูมีมูลค่าสูงกว่าราคาที่จ่าย”

ในด้านการตลาด SUPARNO JEWELRY จะไม่เน้นโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดีย แต่จะใช้กลยุทธ์ “การบอกต่อ (Word of Mouth)” เพราะให้ความสำคัญกับคุณภาพมากกว่าปริมาณ พร้อมเข้าร่วมงานแฟร์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายฐานลูกค้าและเชื่อมโยงพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งในปีนี้บริษัทเตรียมเข้าร่วมงาน JGAB 2025 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23–26 เมษายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  โดยเราคาดว่าการร่วมงานครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการบุกตลาดต่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบ

  นายชยันกิติภัทร กล่าวปิดท้ายว่า อีกหนึ่งกระแสที่น่าจับตามองคือ Lab-grown Diamond หรือเพชรแล็บ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มลูกค้าที่มองหาเครื่องประดับดีไซน์เก๋ ราคาจับต้องได้ และเปลี่ยนได้บ่อยตามสไตล์ที่เปลี่ยนไปตามยุค นับเป็นโอกาสสำคัญในการขยายฐานลูกค้าและเปิดตลาดใหม่ ๆ พร้อมพลิกโฉมอุตสาหกรรมจิวเวลรี่ไทยให้ทัดเทียมระดับโลก

ให้ของเก่ากลับมามีชีวิตใหม่! เปลี่ยนขยะให้มีค่า เป็น “สินค้ารักษ์โลก จากวัสดุหมุนเวียน” ที่โฮมโปร

โฮมโปร สานต่อแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนก้าวสู่ความยั่งยืนเต็มรูปแบบ ส่ง Circular Products สินค้ารักษ์โลก จากวัสดุหมุนเวียน ผ่านโครงการ ‘แลกเก่าเพื่อโลกใหม่’ ลุยตลาดรักษ์โลก เปลี่ยนของเก่าที่ไม่ใช้แล้ว ให้กลับมาเป็นของใหม่ที่มีคุณค่า นำขยะอิเล็กทรอนิกส์และวัสดุเหลือใช้กลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างครบวงจร ตั้งแต่รับของเก่าจากบ้านลูกค้า (Trade-in) นำมาคัดแยก บด ล้าง หลอม เพื่อนำไปจัดการอย่างถูกวิธี เพื่อช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ ลดมลพิษ และสร้างคุณค่าให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมรักษ์โลก ยกระดับองค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน สู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี ค.ศ. 2050

คุณวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการ “แลกเก่าเพื่อโลกใหม่” ถูกขับเคลื่อนภายใต้แนวคิด Circular Economy” สร้างระบบหมุนเวียนที่ครบวงจร โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าเอาของเก่ามาแลก (Trade-in) แล้วส่งต่อของเก่านั้นเข้าสู่กระบวนการ บด-ล้าง-หลอม และนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี โดยไม่สร้างมลพิษแก่สิ่งแวดล้อม อีกทั้งชิ้นส่วนที่ใช้งานต่อได้จะถูกนำไปรีไซเคิลและผลิตใหม่ เป็นสินค้ารักษ์โลก (Circular Products) ที่สามารถนำทรัพยากรกลับมาใช้ซ้ำอย่างมีคุณค่า ลดขยะ ลดมลพิษ และช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน

ในระยะแรก สินค้ารักษ์โลก (Circular Products) ได้รับการพัฒนาให้หลากหลายขึ้น โดยใช้วัสดุหมุนเวียนที่มาจากหลายประเภท เช่น กระเบื้องรักษ์โลก ผลิตจากสุขภัณฑ์จากโครงการแลกเก่าเพื่อโลกใหม่ และกระเบื้องแตกหักที่เสียหายจากการขนส่ง, กล่องรักษ์โลก ถูกรีไซเคิลมาจากส่วนประกอบพลาสติกของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ชำรุด ที่โฮมโปรได้รับมาจากโครงการ “แลกเก่าเพื่อโลกใหม่” และถุงรักษ์โลก ที่รีไซเคิลมาจากสายรัดพลาสติก ที่โฮมโปรได้รับมาจากการขนส่งสินค้า

สินค้ากลุ่มนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม  สร้างกระแสตอบรับที่ี้ดีเยี่ยม ผลักดันให้โฮมโปร เดินหน้ายกระดับสินค้ารักษ์โลก โดยร่วมมือกับพันธมิตรแบรนด์ชั้นนำต่างๆ พัฒนานวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้ารักษ์โลก เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ ที่มองหาสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

“เครื่องใช้ไฟฟ้ารักษ์โลกทุกชิ้นจะมี PCR (Post-Consumer Recycled) หรือเม็ดพลาสติกจากชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าที่ได้จากโครงการ “แลกเก่าเพื่อโลกใหม่” เป็นส่วนประกอบหลัก เพื่อช่วยลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ ลดการฝังกลบและการเผาทำลาย รวมถึงช่วยลดมลพิษที่ออกสู่สิ่งแวดล้อม และช่วยให้ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้คนในระยะยาว” คุณวีรพันธ์ กล่าวเสริม

โดยปัจจุบัน สินค้ารักษ์โลก (Circular Products) ในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าที่โฮมโปรได้พัฒนาร่วมกับพันธมิตรชั้นนำ มีให้เลือกอย่างมากมาย เช่น

  • เครื่องทำน้ำอุ่นรักษ์โลก แบรนด์ STIEBEL ELTRON  และ แบรนด์ Mazuma ที่ผลิตจากพลาสติก ABS ซึ่งมีส่วนผสมของพลาสติก PCR (Post-Consumer Recycled) จากชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าของลูกค้าโฮมโปร

มีประสิทธิภาพในการทำน้ำอุ่นรวดเร็ว ควบคุมอุณหภูมิแม่นยำ พร้อมระบบป้องกันน้ำร้อนลวก และระบบความปลอดภัยที่แม่นยำ

  • ตู้เย็น และเครื่องซักผ้ารักษ์โลก แบรนด์ SAMSUNG และ แบรนด์ TOSHIBA ผลิตจากพลาสติก PP และ ABS ซึ่งมีส่วนผสมของพลาสติก PCR (Post-Consumer Recycled) จากชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าของลูกค้าโฮมโปร ที่ได้รับมาจากโครงการแลกเก่าเพื่อโลกใหม่ นำกลับมาผลิตเป็นสินค้าใหม่ เพื่อลดการใช้เม็ดพลาสติกใหม่่ิในการผลิต และช่วยลดปัญหาขยะพลาสติกได้อีกทางหนึ่ง

คุณวีรพันธ์ ทิ้งท้ายว่า โฮมโปรอยากให้ลูกค้าเชื่อมั่นว่า สินค้ารักษ์โลก จากวัสดุหมุนเวียน (Circular Products) นี้ นอกจากจะสามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพแล้ว เมื่อไม่ใช้ก็ยังคงเกิดคุณค่า สร้างความยั่งยืนได้ เพราะมีผู้เชี่ยวชาญช่วยนำไปจัดการให้อย่างถูกวิธี โดยสินค้ารักษ์โลก สังเกตง่ายๆ จะมีสัญลักษณ์ คือ โลโก้อินฟินิตี้ เพื่อการันตีถึงคุณภาพระดับสากล และเป็นเครื่องหมายยืนยันว่าผู้บริโภคได้มีส่วนช่วยในการรักษ์โลกอย่างแท้จริง

เชิญชวนคนรักบ้านร่วมรักษ์โลกกับโฮมโปร พิเศษสำหรับการซื้อสินค้ารักษโลก รับส่วนลดทันที 3%+2%* เมื่อชำระผ่านบัตรเครดิตโฮมโปร วีซ่า แพลทินัม (ที่โฮมโปรทุกสาขา) และลดทันที 2% เมื่อซื้อผ่านช่องทางโฮมโปรออนไลน์

#สินค้ารักษ์โลกจากวัสดุหมุนเวียน #CircularProducts #CircularEconomy #โฮมโปร #HomePro #BetterLifeเพื่อชีวิตที่ดีกว่าและยั่งยืน #ร่วมรักษ์โลกไปกับโฮมโปร #เมกาโฮม #MegaHome #Homepropr

ไดกิ้น คว้าใบรับรองห้องทดสอบ EMC มาตรฐานอาเซียน แห่งแรกในไทยและภูมิภาค ตอกย้ำแนวคิด “Perfecting the air” สร้างอากาศดีเพื่อคุณอย่างยั่งยืน

นายสึโทมุ คุริฮารา ประธานบริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด รับมอบใบรับรองห้องทดสอบ EMC มาตรฐานอาเซียน จากนายนรุณ สุขสมาน รองเลขาธิการสำนักงานมาตราฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม  ห้องทดสอบ EMC ก็ได้ยกระดับขึ้น ด้วยการได้รับรองขึ้นทะเบียนเป็นห้องปฏิบัติการทดสอบของประเทศเวียดนาม ภายใต้โครงการความตกลงว่าด้วยกฎระเบียบและการควบคุมสำหรับบริภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในกลุ่มอาเซียน (ASEAN EE MRA : AHEEERR) เป็นแห่งแรกในประเทศไทยและกลุ่มประเทศอาเซียน ด้วยศักยภาพของห้องทดสอบ EMC ที่มีระบบการทดสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศที่ได้มาตรฐานและแม่นยำ ตอกย้ำแนวคิด “Perfecting the air” มุ่งสร้างอากาศดีเพื่อคุณอย่างยั่งยืน ณ บริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด

ชี้แจงกรณีตรวจพบเหตุการณ์เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าออนไลน์บางราย

บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ โฮมโปร ได้ตรวจพบเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง มีการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าออนไลน์บางรายการ ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ตรวจสอบแล้ว ข้อมูลที่ถูกเข้าถึงเป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานของลูกค้าเท่านั้น ไม่มีข้อมูลอ่อนไหว และข้อมูลธุรกรรมทางการเงินใดๆ

บริษัทฯ ให้ความสำคัญสูงสุดต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ หลังจากตรวจสอบ ได้ทำการปิดกั้นการเข้าถึงโดยมิชอบนั้นทันที และได้ดำเนินการยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงของระบบ พร้อมประสานงานแจ้งหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแล และติดตามเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด รวมถึงได้ประกาศแจ้งให้ลูกค้าทราบ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ไม่ได้มีการเข้าถึงระบบหลักอื่นๆ ภายในองค์กรแต่อย่างใด ข้อมูลของลูกค้ายังคงมีมาตรฐานความปลอดภัยในระดับสูง และบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเพิ่มมาตรการในการรักษาความปลอดภัยข้อมูล และเพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแล เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ในอนาคต

บริษัทฯ ขออภัยอย่างสูงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอยืนยันความปลอดภัยข้อมูลของลูกค้า พร้อมแสดงความห่วงใย เพราะสิ่งสำคัญที่สุดที่โฮมโปรยึดมั่น คือการส่งมอบสินค้าและบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าคนสำคัญทุกท่าน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ไม่มีนโยบายให้พนักงานติดต่อ เพื่อขอข้อมูลลูกค้า หรือชักชวนลูกค้าให้ทำธุรกรรมทางการเงินใดๆ บริษัทฯ จึงขออนุญาตแนะนำวิธีการป้องกันตนเองจากมิจฉาชีพที่อาจเกิดขึ้น โดยโปรดหลีกเลี่ยงการกดลิงก์ที่ไม่น่าไว้ใจ หรือตอบกลับอีเมล์ที่น่าสงสัย ไม่ส่งข้อมูลส่วนบุคคล หรือ OTP ให้บุคคลอื่น และโปรดระมัดระวังการแอบอ้างชื่อบริษัทฯ ในการทำธุรกรรมต่างๆ

หากพบข้อความที่น่าสงสัย หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ โทร. 1284 (เวลา 9.00-21.00 น.) หรือ อีเมล์ : data_privacy@homepro.co.th

“ไวไว” ร่วมสนับสนุนโครงการ “สงกรานต์ปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุทางถนน” มอบของที่ระลึก-รณรงค์คนไทยกลับบ้านอย่างปลอดภัย

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุ “สงกรานต์ปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุทางถนน” โดยมี นายอำนวย อ่ำเจริญ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด แผนกประชาสัมพันธ์ บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “ไวไว” เป็นผู้แทนบริษัท เข้ามอบของที่ระลึกและให้การสนับสนุนโครงการฯ มอบของที่ระลึกให้ประชาชนที่กำลังเดินทางกลับภูมิลำเนา พร้อมร่วมปล่อยขบวนรณรงค์เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางและด้านข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุตลอดการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ ณ สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ เขตจตุจักร กรุงเทพมหานครฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้