“CAT EXPO 12” สนุกไม่รู้ลืม ปลื้มทุกศิลปิน บรรยากาศสุดฟินเย็นสบายยอดบริจาคช่วยน้ำท่วมภาคใต้ทะลุกหลักแสนหอบบุญกลับบ้านสบายใจ

ผ่านพ้นไปอย่างประทับใจเต็มอิ่ม “CAT EXPO 12” เทศกาลดนตรีของคนเล็กๆ กับตลาดเพลงไทยแห่งความสุข สนุกไม่รู้ลืม ในบรรยากาศไม่เหมือนใคร ศิลปินและแฟนๆ มาจอยกันทั้งในเวที และในตลาดที่ศิลปินและค่ายเพลงจัดคอลเลกชั่นผลิตภัณฑ์เพลง เสื้อยืด ของที่ระลึก ของแรร์ให้อุดหนุน ส่งกำลังใจใกล้ชิดมีโมเมนต์ร่วมกันแบบครั้งหนึ่งในชีวิต ศิลปินเองก็เดินทักทายเพื่อนเก่าเพื่อนใหม่อย่างเป็นกันเอง ณ สวนสยาม เป็น แคท เอกซ์โป ในบรรยากาศใหม่

นอกจากแต่ละเวทีจะอยู่ในโลเคชั่นของสวนสนุกและเมืองจำลองที่เดินถ่ายรูปกันเพลินแล้ว อากาศก็เป็นใจ เย็นสบาย ชิลล์ที่สุดเท่าที่งานนี้เคยจัด เรียกว่าขาประจำเซอร์ไพรส์ ส่วนคนที่มาใหม่ก็ประทับใจแรกพบ โชว์ 6 เวทีสุดร้อนแรง “เดือด” “ทะเลทราย” “ร้อนแดดสายลมยามบ่าย” “ละลาย” “กระทะทองแดง” “ถ่านไฟเก่า” ที่แพ็กศิลปินหลากแนวหลายเจน ร้อยกว่าวง ก็รัวความสนุกไม่หยุด

ด้วยการแสดงสดที่แต่ละศิลปินจัดเพลงลิสต์ให้พิเศษ หลายเพลงไม่เคยเล่นที่ไหน ส่วนเพลงฮิตในใจแฟนก็ร้องตามกันกระหึ่ม ดีไซน์การแสดงแต่ละคนก็หลากหลายตามสไตล์ พร้อมโมเมนต์ดีต่อใจ เจฟ ซาเตอร์ นนท์ ธนนท์ ที่มาแจมพูดคุยบนเวทีให้แฟนๆ จอยต่อเนื่อง มามิโอ และ ซิลวี่ ที่แจมกันได้เปี่ยมพลังทั้งเสียงและความฟิน น้องสตางค์ ตริษา และพี่ๆ โนวันเอลส์ ก็ทำให้เพลงรักน่ารักขึ้นอีก ส่วนสายอินดี้ วงศิริมงคล จากเชียงใหม่ ก็ได้ นพ มือกีตาร์สายลึกวงอินสไปเรทีฟรุ่นพี่โพสต์ร็อกมาร่วมแจมได้สะใจ

ส่วนโชว์ของสาวๆ ก็ทรงพลัง ทั้ง วิโอเลต วอเทียร์ โบกี้ไลอ้อน พิกซี่ BNK48 PIXXIE รุ่นพี่อย่าง สิงโต นำโชค สครับบ พราว เดอะพาร์กินสัน สเลอ โยคีย์เพลย์บอย ก็ใส่สุด ขวัญใจวัยรุ่น ปัน (PUN) , ไดซ์ (DICE), เพอร์เซส (PERSES) ก็ครบเครื่องเรื่องโชว์ แฟนๆ ฟินสุด ชาวร็อกปีนี้ก็สะใจมาก ทั้ง บอมบ์ แอท แทร็ก ในเวทีกระทะทองแดง และพี่ๆ น้องๆ ในเวทีเดือด ที่เปิดตัวพิกัดใหม่ ปีแรกก็จัดเต็มสายเมทัล อาทิ สลีปปิงชีป ดีไฟอิ้งดีเคย์ ทรยศ (TORRAYOT) เดือดสมชื่อเวทีทั้งสองวัน วงต่างประเทศก็มาจอยทั้งสายป๊อป U&PIA (JP) สายร็อก KROI (JP) สายอินดี้ THE BOWLS (KR), HATHAW9Y (KR), FOOL AND IDIOT (TW) สร้างสีสันให้เวทีและบูทศิลปิน อินดี้ไทยที่งานนี้ดีงามทั้งเพลงและของขายในตลาดเพลงไทยเสมอมา ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ทั้ง ภูมิ วิภูริศ เดสทอปเออเรอร์ มูฟวิ่ง แอนด์ คัต เป้ อารักษ์ เดปท์ เซฟแพลนเน็ต เรียกว่าเต็มที่ทั้งบนเวทีและในตลาด เป็นบรรยากาศเฉพาะงานนี้ ปีนี้ทอปอัปความสนุกไปอีก มีเครื่องเล่นแบบอะเมซิ่งในสวนสนุกให้ผู้ชมเล่นไปดูคอนเสิร์ตไป ศิลปินหลายคนก็ขึ้นไปจอย

นอกจากความสนุกของทุกคนในงานแล้ว แคท เอกซ์โป ยังร่วมส่งกำลังใจให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ โดยเชิญชวนทุกคนร่วมกิจกรรมในงานที่บูท แคท เรดิโอ สมทบทุนมอบเงินบริจาคให้มูลนิธิกระจกเงา ซึ่งได้รับความร่วมมือจากศิลปิน ผู้ชม และผู้สนับสนุนจำนวนมาก ขอขอบคุณทุกคนไว้ ณ ที่นี้ ได้ยอดบริจาครวม 163,963 บาท

เทศกาลดนตรีที่ไม่จำกัดแนวดนตรีและความสนุกแบบนี้ โดย แคท เรดิโอ ยังมีจัดให้อย่างต่อเนื่อง ปีหน้าขอนัดเลยที่งาน “แคท มือที่สอง” ที่ศิลปินทั้งมาส่งต่อของน่าใช้และเพลงน่าฟัง 17-18 ม.ค. 69 ส่วนกิจกรรมต่อๆ ไปพร้อมเพลงใหม่ทุกวัน เสิร์ฟให้ไม่หยุด
ที่ www.thisiscat.com app: Cat Radio

“ไวไว” เดินเกมรุกชานเมืองด้วยกลยุทธ์ Controlled Growth สุดแกร่งเปิด “ควิกเทอเรส” สาขา 6 (บ้านแพ้ว) ตั้งเป้าเป็นโชว์รูมสินค้าไวไวครบไลน์ครั้งแรก

บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไวไว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปควิกแสบ เส้นหมี่อบแห้งไวไว และผงปรุงสำเร็จตรารสเด็ด เดินหน้าเสริมทัพธุรกิจร้านอาหารภายใต้แบรนด์ “ควิกเทอเรส (Quick Terrace)” ด้วยการเปิดสาขาใหม่ที่ “บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร” โดยสาขาล่าสุดนี้สะท้อนวิสัยทัศน์การเติบโตแบบยั่งยืน ควบคุมได้ทุกมิติ และรักษาภาพลักษณ์ของแบรนด์อย่างเข้มแข็งยิ่งขึ้นกว่าเดิม

นายยศสรัล แต้มคงคา ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า ควิกเทอเรส สาขา 6 บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร เป็นการต่อยอดธุรกิจที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน ไม่ใช่การเร่งขยายแบบหวือหวา หากแต่เป็นการวางรากฐานเพื่อการเติบโตที่แข็งแรงสำหรับอนาคต โดยในสาขาบ้านแพ้วนี้ ยังคงนำเสนอเมนูราคาจับต้องได้ อาทิ เมนูยอดนิยมในช่วงราคา 69 / 79 / 89 บาท รวมถึงเมนูพรีเมียมอย่าง “ต้มยำหม้อไฟ” ราคา 199 บาท ที่ยังคงรักษาคุณภาพและความคุ้มค่าตามมาตรฐานของแบรนด์

ทั้งนี้ การขยายควิกเทอเรสยังคงยึดกลยุทธ์การเติบโตแบบควบคุม (Controlled Growth) โดยบริษัทให้ความสำคัญกับการดูแลคุณภาพด้วยตัวเองทุกสาขา 100% ไม่ปล่อยให้บุคคลภายนอกเข้ามาบริหาร เพราะ “ภาพลักษณ์แบรนด์คือสิ่งที่มีคุณค่าที่สุด และต้องรักษาไว้เหนือสิ่งอื่นใด” พร้อมเสริมว่า “ทุกอย่างค่อย ๆ โตอย่างมั่นคง ใช้ทีมงานที่เรามั่นใจ เพื่อให้คุณภาพยังคงเดิมทุกชาม ทุกวัน ทุกสาขา”

สำหรับการเลือกทำเลของควิกเทอเรส บริษัทจะหลีกเลี่ยงการเปิดสาขาในใจกลางเมืองที่มีการแข่งขันสูงและค่าเช่าพื้นที่เฉลี่ย 700–800 บาทต่อตารางเมตร และหันไปขยายในย่านชานเมือง พื้นที่ชุมชน และเส้นทางผ่านไปต่างจังหวัด ซึ่งมีศักยภาพมากกว่า ทั้งในแง่จำนวนผู้สัญจรและโอกาสในการซื้อสินค้ากลับบ้าน

นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าว่า “ควิกเทอเรสทุกสาขา” จะทำหน้าที่เป็น “โชว์รูมสินค้าไวไวครบไลน์” เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ในเครือไวไวได้สะดวกยิ่งขึ้น ทั้งสินค้าใหม่ สินค้าพิเศษ ราคาพิเศษ และสินค้าพรีเมียมที่มีเฉพาะในบางสาขา ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสจำหน่ายสินค้า และเสริมความแข็งแรงของแบรนด์ในอีกมิติหนึ่ง

นายยศสรัล กล่าวปิดท้ายว่า การเปิดควิกเทอเรส สาขาใหม่ที่บ้านแพ้วครั้งนี้ เป็นการยืนยันวิสัยทัศน์ของไวไวที่ไม่เพียงต้องการเพิ่มจำนวนสาขา แต่ต้องการสร้าง “ฐานธุรกิจที่มั่นคง แข็งแรง และควบคุมได้ทุกขั้นตอน” พร้อมยกระดับแบรนด์เข้าสู่ร้านอาหารยุคใหม่ ที่เป็นทั้งจุดรับประทานอาหารและโชว์รูมสินค้าในคราวเดียวกัน ช่วยขยายทั้งธุรกิจร้านอาหารและธุรกิจสินค้าในเครือไปพร้อมกันอย่างมีพลังและยั่งยืน

โตชิบาห่วงใย ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ มอบบริการฟรีค่าแรง – ส่วนลดอะไหล่ 50%

จากผลกระทบของน้ำท่วมครั้งใหญ่ทางภาคใต้ ซึ่งสร้างผลกระทบให้กับประชาชนในพื้นที่เป็นจำนวนมาก
โตชิบา แสดงความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมออกมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนเพื่อ บรรเทาความเดือดร้อนของผู้ใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน ด้วยบริการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าโตชิบาที่เสียหายด้วยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญโดยไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมมอบส่วนลดค่าอะไหล่ 50% สำหรับลูกค้าในจังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่ นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส สามารถเข้ารับบริการกับร้านค้าที่ร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันนี้ – วันที่ 31 ธ.ค. 68 หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อได้ที่ LINE Official Account: @toshibathailand, โทร. 02-511-7777 ในเวลาทำการวันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 08.00 – 17.00 น. และ วันเสาร์ – วันอาทิตย์ เวลา 09.00-16.00 น.

ททท. เปิดเส้นทางนักชิม ชวนตามรอย 13 ร้านใหม่ใน Bib Gourmand 2569

Bib Gourmand ต่อยอดเศรษฐกิจท่องเที่ยว ด้วยรายชื่อร้านอาหารที่คุ้มค่า “ความคุ้มค่า” คือเงื่อนไขหลักของการเลือกลงทุนในประสบการณ์ โดยเฉพาะในด้าน “อาหาร” ที่ราคาต้องเข้าถึงได้ และไม่ลดทอนมาตรฐานความอร่อยลง การประกาศรายชื่อ 137 ร้าน ‘Bib Gourmand’ ปี 2569 จึงสอดคล้องกับบรรยากาศเศรษฐกิจและพฤติกรรมการท่องเที่ยวปัจจุบันได้อย่างลงตัว รายชื่อเหล่านี้รวมถึง 13 ร้านหน้าใหม่ สะท้อนให้เห็นว่าของอร่อยในราคาที่เข้าถึงได้นั้นซ่อนอยู่ทั่วประเทศ และกำลังกลายเป็นแผนที่ใหม่สำหรับการออกเดินทางเพื่อค้นหารสชาติในแต่ละพื้นที่

สิ่งที่ทำให้ผู้คนสนใจ Bib Gourmand มากขึ้น คือความน่าเชื่อถือของสถาบันที่อยู่เบื้องหลังอย่าง MICHELIN ทำให้การเลือกของกินง่ายขึ้นในยุคที่รีวิวออนไลน์มีความน่าเชื่อถือไม่เท่าเดิม Gwendal Poullennec ผู้อำนวยการจัดทำคู่มือ MICHELIN ระบุว่า รายชื่อปีนี้ครอบคลุม 16 ประเภทอาหาร สะท้อนบทบาทของร้าน Casual Dining ที่กระจายตัวครอบคลุมมากกว่า 9 พื้นที่ ทำให้เห็นภาพโครงสร้างรสชาติของไทยที่หลากหลายขึ้นเรื่อย ๆ

“พลังของวัตถุดิบไทย” กลายเป็นจุดแข็งสำคัญ ต่อยอดร่วมกับแนวคิด Sustainable Sourcing จนเกิดเป็นรสชาติที่มีเอกลักษณ์สะท้อนภาพภูมิศาสตร์ของแต่ละพื้นที่ Bib Gourmand จึงเป็นพื้นที่ของความภูมิใจทั้งสำหรับผู้ประกอบการท้องถิ่นและสำหรับผู้ที่อยากพาเพื่อนต่างชาติมาสัมผัสรสมือดั้งเดิมของเมืองต่าง ๆ ในไทย

การกินที่ดีในราคาที่ย่อมเยากำลังกลายเป็นแรงส่งสำคัญของ Gastronomy Tourism การเติบโตของร้านใน Bib Gourmand จึงชี้ให้เห็นว่าอาหารท้องถิ่นกำลังทำหน้าที่เป็นโครงสร้างหนึ่งของเศรษฐกิจการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามรางวัลนี้เป็นเพียงหนึ่งในหลายเส้นทางที่ช่วยชี้นำ แต่รสชาติที่ “ดีที่สุด” ยังขึ้นกับประสบการณ์ส่วนบุคคล และยังมีอีกหลายร้านในแต่ละเมืองที่รอให้ค้นพบเช่นกัน

พี่กลางชวนเที่ยว #การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย #AmazingThailand #BibGourmand #MICHELINGuideTH #MICHELINStar26 #มิชลินไกด์ไทยแลนด์

MustTaste

“ผ้าห่มผืนเขียว” สัญลักษณ์แห่งความอบอุ่น และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

ตลอด 26 ปีที่ผ่านมา โครงการ “ไทยเบฟ…รวมใจต้านภัยหนาว” ได้ส่งมอบความอบอุ่น                    และโอกาส เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่หนาวเย็นกว่า 15 จังหวัดทั่วภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภายใต้การส่งต่อไออุ่น โครงการยังมุ่งเน้นการสร้างโอกาสในการเรียนรู้                     การดูแลสุขภาพ การพัฒนาคุณภาพชีวิต พร้อมปลูกฝังจิตสำนึกเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชนในพื้นที่

กิจกรรมที่ได้รับความสนใจจากน้อง ๆ นักเรียนเป็นพิเศษ คือ การเรียนรู้ขั้นตอนการผลิตผ้าห่มผืนเขียวรักษ์โลก ผ่านบูทนิทรรศการที่ถ่ายทอดขั้นตอนการแปลงขวด PET เป็นผ้าห่มผืนเขียวรักษ์โลก ตั้งแต่การเก็บรวบรวม คัดแยก ล้าง บด และผลิตเป็นเม็ดพลาสติก ก่อนนำไปปั่นเป็นเส้นใย rPET และเข้าสู่กระบวนการทอเป็นผ้าห่มผืนเขียวรักษ์โลกที่ยังคงคุณภาพให้มีความนุ่มและอบอุ่น ด้วยนวัตกรรม Eco Friendly Blanket โครงการไทยเบฟ…รวมใจต้านภัยหนาว ได้ส่งมอบผ้าห่มผืนเขียวรักษ์โลกปีละ 200,000 ผืน ซึ่งผลิตจากการ                  รีไซเคิลขวด PET ได้ถึงปีละ 7.6 ล้านขวด จนปัจจุบันได้เพิ่มมูลค่าให้ขวด PET และส่งต่อประโยชน์ต่อสังคม แล้วกว่า 45.6 ล้านขวด ส่งมอบเป็นผ้าห่มผืนเขียวรักษ์โลก 1,200,000 ผืน ซึ่งผ้าห่มหนึ่งผืนเทียบเท่าการ                  รีไซเคิลขวด PET 38 ขวด

อีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญ คือ “แยกทันที ดีต่อโลก” โดยมี บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ รีไซเคิล จำกัด (TBR) บริษัทในเครือของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ที่เป็นผู้จัดการบรรจุภัณฑ์                  หลังการบริโภค มาถ่ายทอดความรู้ให้กับน้อง ๆ นักเรียน ที่ให้ความสนใจเรื่องการคัดแยกขยะมาร่วม                      ทำกิจกรรมกันอย่างคับคั่ง

ด้าน นางสาวสุกัญญา ต๊ะนาม นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนบ้านรักแผ่นดิน จังหวัดเชียงราย                  เล่าว่า “ที่โรงเรียนมีการแยกขยะ เป็นขวดพลาสติก ขวดแก้ว เศษอาหาร โดยมีครูมาสอนแยกค่ะ ขยะที่แยกสำหรับ   รีไซเคิลและนำกลับมาใช้ประโยชน์ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกกล่อง และขวดพลาสติก โดยจะเอามาทำงานประดิษฐ์ เช่น กล่องนมโรงเรียนเอามาทำหมวก สานกระเป๋า สานเป็นเสื่อสำหรับนั่ง โดยแยกกล่องนมโรงเรียนที่กินแล้ว นำไปล้างให้สะอาด และพับเก็บให้สะอาดเพื่อนำไปประดิษฐ์ในคาบเรียนค่ะ”

นอกจากการมอบผ้าห่มผืนเขียวรักษ์โลกแล้ว โครงการยังได้มอบโอกาสความช่วยเหลือและพัฒนาคุณภาพชีวิตในมิติต่าง ๆ ทั้งด้านการศึกษา สาธารณสุขและกีฬา โดยมี บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) สานต่อปณิธานแห่งการ “ให้” ด้วยการผสานความร่วมมือกับ กระทรวงมหาดไทย โดย                    กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมด้วยเครือข่ายพันธมิตรทุกภาคส่วนดำเนินการช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัยหนาวมาอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำแนวคิด “BEYOND THE GREEN BLANKET… A SUSTAINABLE COMMUNITY OF GIVING” หรือ “มากกว่าความอบอุ่น คือสังคมแห่งการให้ที่ยั่งยืน”  โดยมุ่งหวังให้เกิดพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วน ในการร่วมกันสร้างสังคมแห่งการให้ที่ยั่งยืนต่อไป

สุดละมุน! “เพลิน CGM48” อัดคลิปเล่นดนตรี โชว์อะคูสติกขอบคุณแฟนคลับ

จะหยุดน่ารักกี่โมง? แฟนๆ ต่างแชร์คลิป ศิลปินไอดอล (เพลิน)ปณลี อักษรวนิช หรือ เพลิน CGM48 จากค่าย iAM ที่เพิ่งปล่อยผลงานเพลง“ได้(ด้าย)ไหม” ล่าสุด MV ครบแสนวิวปุ๊ป! ก็ทำเซอร์ไพรส์ออกมาเล่นดนตรีอัดคลิปสั้นเพื่อขอบคุณแฟนคลับในเวอร์ชั่นอะคูสติก งานนี้ทำเอาแฟนคลับใจเหลวกันหมดต่างแชร์คลิปชื่นชมความสามารถของ เพลิน กันอย่างมากมาย สามารถดูคลิปได้ทาง https://vt.tiktok.com/ZSfgDGft8/

“ได้(ด้าย)ไหม” เป็นเพลงหลักซิงเกิลลำดับที่ 10 และเป็นเพลง Original Song ซึ่งเป็นแนวเพลง J-pop ผสมผสานกับดนตรีล้านนาซึ่งมีดับเบิ้ลเซ็นเตอร์ นำทีมโดย (เพลิน)ปณลี อักษรวนิช และ (นิชา)ณัฏฐณิชา สุภาพงษ์ พร้อมสมาชิกเซ็มบัตสึประกอบด้วย (จิงจิง)อรัญญา แก้วมาลัย, (แพร) ณัฐภรณ์ ภิญโญยิ่ง, (ขวัญ)ธิดาทิพย์ จิระพันธุ์, (ลูกเกด)พิมพ์ลภัส สุวรรณน้อย, (นานา)เพ็ญพิชญา บุญเสนอ, (เอมม่า)ศศิชา วงศ์วัฒนอนันต์, (จีนน่า)มัญชุภา มูลกลาง, (หลิงหลิง)ศิรตรีทิพย์ พนาชนาภัทร์, (เอลฟ์)อนัญญา กุศลครอง และ (ชีเน่)ปวริศา สิงห์เพ็ชร

สามารถติดตามฟังเพลงซิงเกิลหลักที่ 10 ของศิลปินCGM48เพลง “ได้(ด้าย)ไหม” ได้แล้วทุกสตรีมมิ่ง และสามารถติดตามชม MV ได้ทาง Youtube CGM48 : https://www.youtube.com/watch?v=nWPeawAIMl0

#CGM48_ได้ด้ายไหม

#CGM4810thSINGLE

#CGM48

“เธอทีน สตูดิโอ” ประเดิมปี 2026 ส่ง “สแคร์รั่วมูฟวี่ฯ” เรียกเสียงฮา

ส่งสัญญาณเดินหน้าลุยวงการหนังปี 2026 ต่อเนื่อง สำหรับ “เธอทีน สตูดิโอ” ค่ายหนังสยองขวัญสุดเท่ ที่มุ่งเน้นสร้างภาพยนตร์สยองขวัญหลากหลายรสชาต ล่าสุดเผยโฉมทีเซอร์โปสเตอร์ภาพยนตร์ “สแคร์รั่วมูฟวี่ ล้อหนังดัง ยำหนังจี้” หนังสยองขวัญที่ใส่อารมณ์ขันเสิร์ฟผู้ชมในสไตล์หยิบหนังดังมายำให้ฮา ผลงานการกำกับของ บรรจง สินธนมงคลกุล โดยมี คุ้ย-ทวีวัฒน์ วันทา หรือผู้กำกับ คุ้ย ธี่หยด 1 และ 2 นั่งแท่นโปรดิวเซอร์

สำหรับภาพทีเซอร์โปสเตอร์ที่ปล่อยให้ชมนั้นเป็นภาพผีหน้าดำลิ้นยาวภายใต้หน้ากากทุเรียน งานนี้คอหนังตัวจริงน่าจะเดาได้ไม่ยากว่าผู้กำกับ บรรจง หยิบหนังเรื่องไหนมาล้อเลียนบ้าง เตรียมพบกับ “สแคร์รั่วมูฟวี่ ล้อหนังดัง ยำหนังจี้” มาแน่! วันที่ 19 มีนาคม  2026

ALEX KIM ซูเปอร์สตาร์ K-Pop ลุคหล่อเท่ดุดันขวัญใจแฟนเพลงทั่วโลกรับบทโดย เก่ง หฤษฎ์ ใน “ดีว่า..ราวี” มาพร้อมเพลงแดนซ์ “BEAST” สุดกร้าวใจที่ใคร ๆ ก็ยอมสยบ

กลุ่มศิลปินตัวจี๊ดใน ดีว่า..ราวี อภิมหาภาพยนตร์ส่งท้ายปีจาก GDH ไม่ได้มีแต่ TAKHLI GANG (แก๊งตาคลี) และดีว่าสาวดาวค้างฟ้าจากยุค ‘90s อย่าง Plaifun Margaret Heng (ปลายฝัน มาร์กาเรต เฮง) เท่านั้น ยังมีไพ่ลับอีกคนอย่าง เก่ง หฤษฎ์ ที่รับบทเป็น ALEX KIM ซูเปอร์สตาร์ K-Pop แห่งยุคที่โดดเด่นด้วยพลังอันล้นเหลือ ขโมยใจสาว ๆ ได้ในทุกครั้งที่เปล่งเสียงร้องสุดเท่ และจากทุกท่วงท่าเต้นสุดดุดัน เรียกได้ว่านาทีนี้เขาคือศิลปินที่ฮอตที่สุด และทุกคนรอชมผลงานของเขามากที่สุด

“BEAST” เพลงล่าสุดจาก ALEX KIM ซูเปอร์สตาร์ K-Pop ขวัญใจแฟน ๆ ชาวไทยและทั่วโลก เป็นเพลงป็อปแดนซ์สุดดุเดือด ที่ถ่ายทอดพลังความรักอันเร่าร้อน โดยพูดถึงแรงดึงดูดอันรุนแรง เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่หลงใหลที่สุด จนเขารู้สึกเหมือนตัวเองถูกเปลี่ยนไปเป็น ‘หมาป่า’ มาพร้อมดนตรีป็อปติดหูบวกซาวด์อิเล็กทรอนิกส์ทรงพลัง ที่นำเสนอสไตล์เพลงที่มีความเท่และเย้ายวน อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขาที่ยากจะเลียนแบบ สะท้อนเสน่ห์ด้านที่ดุดันที่สุดของ ALEX KIM ได้อย่างชัดเจน เป็นอีกหนึ่งผลงานที่แฟน ๆ ต่างลงความเห็นว่าสมการรอคอยที่สุด

ALEX KIM พิสูจน์ให้เห็นได้อีกครั้งว่า เขาคือซูเปอร์สตาร์ K-Pop แห่งยุคที่มีความสามารถรอบด้าน เป็น All-Rounder ที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงที่ทรงพลัง ไลน์เต้นที่ดุดันคมกริบ และคาริสมาที่สะกดสายตาของทุกคนที่ได้เห็น ทำให้เขาโดดเด่นท่ามกลางผู้คนรายล้อมเขามากมายอยู่เสมอ ใคร ๆ ก็ยากที่จะต้านทานต่อเสน่ห์ของเขาได้ ตั้งแต่เดบิวต์วันแรกจนถึงทุกวันนี้ ALEX KIM สั่งสมประสบการณ์ทางดนตรีและสร้างฐานแฟนด้อม ‘Wolfy’ จนขยายกว้างและเติบโตไปทั่วโลกได้อย่างมั่นคง เขานี่แหละที่จะเป็นศิลปินที่ครองใจแฟนคลับไปได้อีกนานแสนนาน และไม่มีใครที่จะหยุดยั้งเขาได้

#ALEXKIM #BEAST_ALEXKIM #ดีว่าราวี #DivaLaVie #GDH #UniversalMusicTH

ติดตาม GDH ที่ FACEBOOK | INSTAGRAM | X | TIKTOK | YOUTUBE

ติดตาม Universal Music Thailand ที่ FACEBOOK | INSTAGRAM | X | TIKTOK | YOUTUBE

ติดตาม TAKHLI GANG ที่ FACEBOOK | INSTAGRAM | X | TIKTOK

Italthai Industrial และ TOPQ สนับสนุนเครื่องจักรแก่ อบจ.สงขลา เพื่อช่วยขนย้ายกองขยะและฟื้นฟูพื้นที่ภาคใต้หลังเหตุการณ์น้ำท่วม

บริษัท อิตัลไทยอุตสาหกรรม จำกัด (Italthai Industrial) พร้อมทีมบริการหลังการขายแบบครบวงจร TOPQ ได้ให้การสนับสนุนเครื่องจักรกลหนักและทีมช่างผู้เชี่ยวชาญแก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (อบจ.สงขลา) เพื่อใช้ในภารกิจขนย้ายกองขยะ เศษวัสดุ และสิ่งปฏิกูลที่หลงเหลือหลังเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ของจังหวัด

ภารกิจดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นฟูพื้นที่ภาคใต้หลังน้ำลด โดย Italthai Industrial และ TOPQ ได้สนับสนุนรถตักล้อยาง SDLG พร้อมทีมงานในพื้นที่ เพื่อช่วยให้การเคลียร์พื้นที่และการจัดการขยะเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้มอบน้ำดื่ม อาหารแห้ง และสิ่งของจำเป็น เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและส่งกำลังใจให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย

บริษัทฯ ยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการเป็นหนึ่งในพลังสนับสนุนสังคมไทยในทุกสถานการณ์ โดยพร้อมร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ องค์กรท้องถิ่น และชุมชน ผ่านการสนับสนุนเครื่องจักร ทีมช่างที่มีความเชี่ยวชาญ และการบริการหลังการขายแบบครบวงจร เพื่อให้การฟื้นฟูพื้นที่หลังภัยพิบัติดำเนินไปอย่างปลอดภัยและรวดเร็วที่สุด

Italthai Industrial และ TOPQ พร้อมยืนหยัดเคียงข้างชุมชนในภาคใต้ และพร้อมร่วมสนับสนุนทุกภาคส่วนในการฟื้นฟูพื้นที่ให้กลับมาสมบูรณ์ แข็งแรง และกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว

“หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน” ภัยเงียบคร่าชีวิตในไม่กี่นาที ไม่เลือกวัย ไม่เลือกอาการ แพทย์เตือนต้องรู้เท่าทันก่อนสายเกินแก้

ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Sudden Cardiac Arrest) เป็นภัยคุกคามที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นคนวัยทำงาน นักกีฬา หรือผู้ที่คิดว่าตนเองมีสุขภาพแข็งแรง กลไกสำคัญที่ทำให้เสียชีวิตอย่างรวดเร็วคือ การเต้นผิดจังหวะชนิดรุนแรงของหัวใจ ไม่ใช่ภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรังอย่างที่เข้าใจ ซึ่งจะทำให้หัวใจหยุดทำงานภายในเสี้ยววินาที และหากไม่ได้รับการช่วยเหลือที่ถูกต้องทันที โอกาสรอดชีวิตจะต่ำมาก

นพ.ณัฐพล เก้าเอี้ยน อายุรแพทย์โรคหัวใจ อธิบายว่า กลไกอันตรายเริ่มต้นจากภาวะเต้นผิดจังหวะรุนแรง เช่น Ventricular Tachycardia (VT) หรือ Ventricular Fibrillation (VF) ภาวะเหล่านี้คือการที่หัวใจห้องล่างเกิดการสั่นพริ้ว (Fibrillation) จนสูญเสียประสิทธิภาพในการสูบฉีดเลือด แม้หัวใจจะยังดูเหมือนมีการเคลื่อนไหว แต่เลือดไม่สามารถถูกส่งไปเลี้ยงสมองได้ ผู้ป่วยจึงล้มลง หมดสติทันที หากไม่ได้รับการช่วยเหลือที่ถูกต้องและทันท่วงที โอกาสรอดชีวิตจะลดลงจนแทบเป็นศูนย์

  “สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ ผู้ป่วยจำนวนมากดูแข็งแรงดีมากก่อนเกิดเหตุ บางคนยังยิ้ม พูดคุย หรือวิ่งออกกำลังกาย แต่ในวินาทีต่อมา หัวใจอาจสั่นพริ้วจนเหมือนหยุดเต้น และอาการแรกของบางคนคือการล้มลงทันที”

สาเหตุพื้นฐานของการเต้นผิดจังหวะชนิดรุนแรงมีหลายประเด็น โดยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเฉียบพลัน (Acute Coronary Artery Disease) เป็นสาเหตุอันดับหนึ่ง เกิดจากคราบไขมันในหลอดเลือดหัวใจแตกและอุดตันฉับพลัน ทำให้หัวใจขาดเลือดกะทันหัน และกระตุ้นให้เกิดภาวะเต้นผิดจังหวะอันตรายได้ทันทีแม้บางรายเพิ่งตรวจสุขภาพและผลตรวจยังปกติ เพราะคราบไขมันแตกสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลาโดยไม่มีสัญญาณเตือน

นพ.ณัฐพล ให้ข้อมูลต่อว่า นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นที่มักถูกมองข้าม เช่น ความผิดปกติของโครงสร้างกล้ามเนื้อหัวใจ เช่น Dilated Cardiomyopathy (หัวใจโตและบีบตัวอ่อนแรง) หรือ Hypertrophic Cardiomyopathy (ความผิดปกติทางพันธุกรรมที่กล้ามเนื้อหัวใจหนาตัว) รวมถึง Myocarditis การอักเสบจากติดเชื้อ และรอยแผลเป็นในกล้ามเนื้อหัวใจ ซึ่งสามารถทำให้ระบบไฟฟ้าหัวใจผิดปกติจนเกิดภาวะหยุดเต้นได้ ขณะเดียวกัน โรคทางพันธุกรรมของระบบไฟฟ้าหัวใจ เช่น Brugada syndrome และ Long QT syndrome ก็เป็นปัจจัยอันตราย โดยเฉพาะ Brugada syndrome ซึ่งพบมากในคนไทยและเป็นสาเหตุสำคัญของ “การใหลตาย”

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค ส่วนใหญ่มักเกิดจากไลฟ์สไตล์และสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มโอกาสการเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น เช่น การสูบบุหรี่ การพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียดสูง การหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep apnea) การใช้ยาบางชนิด และการใช้สารเสพติด  

นพ.ณัฐพล ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หากมีอาการแน่นหน้าอก เหนื่อยง่ายผิดปกติ ใจสั่น หรือเคยวูบหมดสติแม้เพียงครั้งเดียว ต้องรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อตรวจเชิงลึก เพราะอาจเป็นสัญญาณของระบบไฟฟ้าหัวใจผิดปกติหรือโรคหลอดเลือดหัวใจซ่อนตัว น่าตกใจที่ผู้ป่วยจำนวนมากไม่มีอาการเตือนมาก่อน ต่างจากความเข้าใจทั่วไปที่คิดว่าหัวใจจะต้องเจ็บหน้าอกเป็นเวลานานก่อนเกิดเหตุจริง “ความจริงคืออาการแรกของบางคน… คือการล้มลงทันที”

การตรวจหัวใจอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง (เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, ไขมันสูง, สูบบุหรี่, อ้วน, หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจ)

แพทย์อาจใช้การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG), เอกซเรย์ทรวงอก, ตรวจเลือด, อัลตราซาวด์หัวใจ (Echo), การทดสอบสมรรถภาพหัวใจด้วยสายพาน (Stress test) หรือ MRI หัวใจ เพื่อตรวจหาความผิดปกติ และหากสงสัยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ อาจพิจารณาทำการสวนหัวใจ และทำบอลลูนหรือผ่าบายพาส ทั้งหมดเพื่อประเมินความเสี่ยงเชิงรุก ป้องกันเหตุร้ายที่ไม่ควรเกิด

เมื่อเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน การช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีเป็นสิ่งสำคัญที่สุด การทำ CPR ช่วยพยุงการไหลเวียนเลือดไปยังสมองได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่มีบทบาทในการช่วยชีวิต คือเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) ซึ่งสามารถช็อกหัวใจที่สั่นพริ้วให้กลับมาทำงานตามปกติได้ทันที การกดหน้าอกอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ หากมี AED อยู่ใกล้ โอกาสรอดชีวิตจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า นี่คือเหตุผลที่พื้นที่สาธารณะควรมีเครื่อง AED ให้พร้อมใช้งาน และประชาชนควรได้รับการอบรม CPR ขั้นพื้นฐาน”

นพ.ณัฐพล กล่าวปิดท้ายว่า “การป้องกันคือเกราะที่ดีที่สุด” การนอนหลับให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มและหวานจัด งดสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงสารเสพติด ลดความเครียด ควบคุมโรคประจำตัว และตรวจสุขภาพหัวใจเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมาก แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือ การไม่ละเลยสัญญาณผิดปกติที่ร่างกายกำลังบอกเรา