โฮมโปร เบอร์หนึ่งค้าปลีกด้านความยั่งยืน ด้วยระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน จับมือ “โตชิบา” เปิดตัวเครื่องซักผ้ารักษ์โลกจากวัสดุหมุนเวียน เปิดมิติใหม่ “เปลี่ยนทุกการซักผ้า ให้รักษ์โลก!”

โฮมโปร  จับมือ “โตชิบา” พันธมิตรผู้นำด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เปิดตัว “เครื่องซักผ้ารักษ์โลก จากวัสดุหมุนเวียน” ด้วยเครื่องซักผ้าฝาบน รุ่น “AW-DUM1600LT(SG) PCR” ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมการผสานวัสดุรีไซเคิลรักษ์โลกและเทคโนโลยีจากญี่ปุ่นไว้ในหนึ่งเดียว มอบประสิทธิภาพการทำงานที่สะดวกสบาย ทนทานตามเอกลักษณ์แบบญี่ปุ่น ประหยัดน้ำและพลังงาน สู่มิติใหม่ “เปลี่ยนทุกการซัก ให้รักษ์โลก” ตอบโจทย์ผู้บริโภค ใส่ใจสิ่งแวดล้อม พร้อมช่วยลดการเกิดขยะอย่างยั่งยืน

นางสาวสมใจ มธุรพร  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดซื้อสินค้า Home Electric บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ โฮมโปร เปิดเผยว่า โฮมโปร ตอกย้ำความเป็นผู้นำค้าปลีกสินค้าและบริการเรื่องบ้าน พร้อมยกระดับธุรกิจในบทบาทด้านความยั่งยืน ด้วยการเป็น “ผู้นำค้าปลีกรายแรกของไทย ที่ดำเนินโครงการรีไซเคิลแบบครบวงจร หรือ First Retailer Closed-Loop Circular Appliances เริ่มตั้งแต่การเก็บรวบรวมสินค้าเก่าหรือสินค้าที่ไม่ใช้งานแล้วจากบ้านลูกค้า ผ่านโครงการ ‘แลกเก่าเพื่อโลกใหม่’ เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลที่ได้มาตรฐานระดับสากล GRS (Global Recycled Standard) ผลิตเป็นเม็ดพลาสติก PCR (Post-Consumer Recycled) ที่ได้คุณภาพตามมาตรฐาน พร้อมนำไปต่อยอดสร้างสินค้ารักษ์โลก จากวัสดุหมุนเวียน หรือ Circular Products ร่วมกับพันธมิตร เพื่อสร้างการหมุนเวียนทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดการเกิดขยะ และสนับสนุนการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนในระยะยาว

“ครั้งนี้ โฮมโปรได้ร่วมมือกับ ‘โตชิบา’ ผู้นำด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ในการพัฒนาเครื่องซักผ้ารักษ์โลกจากวัสดุหมุนเวียน ‘เครื่องซักผ้าฝาบนรุ่น AW-DUM1600LT(SG) PCR’ ที่มีการผสมผสานใช้วัสดุรีไซเคิล PP PCR (โพลิโพรฟิลีน) จำนวน 16.98% จากพลาสติกทั้งหมดของตัวเครื่อง ช่วยให้ผู้บริโภคร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรักษ์โลก ด้วยการเลือกใช้สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีประสิทธิภาพการทำงานได้มาตรฐานโตชิบา ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงจากประเทศญี่ปุ่น กับดีไซน์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ และยังรองรับกับการใช้ชีวิตในบ้านสำหรับผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างลงตัว”

ด้าน มร.อเล็กซ์ มา รองประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า โตชิบามุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งด้านประสิทธิภาพการใช้งานและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดย เครื่องซักผ้าฝาบนรุ่น AW-DUM1600LT(SG) PCR นี้เป็นความภาคภูมิใจของเราที่ได้นำเทคโนโลยีของโตชิบามาผสานกับวัสดุรีไซเคิลจากลูกค้าโฮมโปร โดยยังรักษามาตรฐานคุณภาพและความทนทานแบบญี่ปุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ที่ลูกค้าไว้วางใจ อีกทั้งเรายังตั้งใจให้ความร่วมมือในครั้งนี้ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาเครื่องใช้ไฟฟ้า จากโตชิบาและโฮมโปร ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และอีกหลายรุ่นในอนาคตด้วย

เครื่องซักผ้าฝาบนรุ่น AW-DUM1600LT(SG) PCR เป็นสินค้ารักษ์โลกจากวัสดุหมุนเวียน (Circular Products) ที่เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดกลางถึงใหญ่ ด้วยความจุถังซัก 15 กิโลกรัม พร้อมเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน อาทิ The GreatWaves พลังน้ำที่ให้ประสิทธิภาพในการซักเทียบเท่าการซักด้วยมือ ช่วยประหยัดน้ำและพลังงาน, Ultra Fine Bubble การสร้างอณูฟองระดับนาโนที่ช่วยแทรกซึมเข้าลึกถึงเส้นใยผ้าเพื่อขจัดสิ่งสกปรก, Direct Drive Inverter มอเตอร์ที่ช่วยเพิ่มความทนทานและยืดอายุการทำงานของเครื่องซักผ้า, I-Clean ฟังก์ชันทำความสะอาดถังซักอัตโนมัติ พร้อมการออกแบบที่ผสานพลาสติกรีไซเคิลในฝาปิดขอบถังซัก (Tub Cover Inside), ฐานรองเครื่องซักผ้า (Cabinet Base) และฝาปิดหลังเครื่องซักผ้า (Rear Cover) และยังมีฝาเครื่องแบบกระจกนิรภัยที่รับน้ำหนักได้สูงถึง 100 กิโลกรัม ตอบโจทย์ความสะดวกปลอดภัยสูงสุดในทุกการใช้งาน

“เปลี่ยนทุกการซัก ให้รักษ์โลก”

สัมผัสนวัตกรรมเครื่องซักผ้ารักษ์โลกจากเทคโนโลยีญี่ปุ่น ได้แล้ววันนี้!! ที่โฮมโปรทุกสาขาทั่วประเทศ และ โฮมโปรออนไลน์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.homepro.co.th หรือโทร Call Center หมายเลข 1284

#สินค้ารักษ์โลกจากวัสดุหมุนเวียน #CircularProducts #CircularEconomy #ร่วมรักษ์โลกไปกับโฮมโปร #HomeProCircularProducts #สินค้ารักษ์โลก #โฮมโปร #HomePro #BetterLiving #Homepropr ##Toshiba #ToshibaThailand #HomePro#Sustainability

REMY เปิดตัว เสิร์ฟ 2 นวัตกรรมใหม่! พร้อมดึง “ณฐ ณฐสิชณ์” นั่งแท่นแอมบาสเดอร์คนแรก จุดพลุแคมเปญ REMY’s FRIENDs FIRST FANMEET X NAT เอาใจสายรักสัตว์รุ่นใหม่

กรุงเทพฯ – REMY (เรมี่) แบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงระดับพรีเมียมจากความร่วมมือระหว่าง กลุ่มบริษัท พัทยาฟู้ด (PFG – Pataya Food Group) และโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ เดินหน้ารุกตลาดเพทฟู้ดเต็มรูปแบบ ประกาศเปิดตัวแอมบาสเดอร์คนแรกของแบรนด์อย่างเป็นทางการ “ณฐ ณฐสิชณ์ เอื้อเอกสิชฌ์” นักแสดงและอินฟลูเอนเซอร์สายสุขภาพ ขวัญใจคนรักสัตว์ ที่จะมาร่วมถ่ายทอดแนวคิด Treat Them Like Family ผ่านแคมเปญใหญ่ “REMY’s FRIENDs FIRST FANMEET X NAT” พร้อมเปิดตัว 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด ตอบโจทย์ผู้เลี้ยงสัตว์ยุคใหม่ที่ใส่ใจทั้งสุขภาพและคุณภาพชีวิตของเพื่อนรักสี่ขา

นางสาวสุดาทิพ เกียรติศรีชาติ กรรมการ กลุ่มบริษัท พัทยาฟู้ด เปิดเผยว่าหลังจากเปิดตัวแบรนด์REMY (เรมี่) ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง กลุ่มบริษัท พัทยาฟู้ด (PFG – Pataya Food Group) ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตอาหารระดับโลกกว่า 46 ปี และโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ โดยได้รับการตอบรับจากลูกค้าจำนวนมาก เนื่องจากจุดเด่นของสินค้า REMY ทุกสูตรที่ช่วยเสริมคุณค่าทางโภชนาการอย่างน้อย 2 ชนิด โดยคัดสรรวัตถุดิบในเกรดเดียวกับอาหารมนุษย์ (Human Grade) ไม่เติมเกลือ น้ำตาล หรือวัตถุกันเสีย มีประโยชน์ต่อสุขภาพสัตว์เลี้ยง และมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่องโดยทีมงานนักโภชนาการ สัตว์เลี้ยง ด้วยคอนเซ็ปต์ Recipe for My Love – สุขภาพดี…ที่ให้ด้วยรัก” ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดของการเลือกวัตถุดิบและสูตรอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีของสัตว์เลี้ยง

และเพื่อเป็นการขยายตลาด แบรนด์ REMY (เรมี่) จึงได้เปิดตัว 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยกลุ่มแรกคือ Healthy Booster Treat” คือขนมสำหรับสุนัขและแมว ที่เสริมวิตามินและแร่ธาตุในปริมาณสูงสุดถึง 2 เท่า ตามเกณฑ์มาตรฐานโภชนาการสัตว์เลี้ยงจาก AAFCO (American Association of Feed Control Officials) โดยพัฒนาสูตรร่วมกับทีมสัตวแพทย์และนักโภชนาการสัตว์เลี้ยงจากโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ เพื่อให้ได้สูตรที่ตอบโจทย์เรื่องสุขภาพเฉพาะด้าน อร่อย กินง่าย ป้อนสะดวก ทำให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์นี้ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์เรื่องความอร่อย แต่ยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงอย่างแท้จริง

Healthy Booster Treat – ขนมสำหรับสุนัขและแมว มาในรูปแบบซองซาเช่ ขนาด 15 กรัม โดยใช้วัตถุดิบเกรดเดียวกับอาหารคน โดยเฉพาะปลาทูน่าเนื้อขาวคุณภาพสูง อุดมด้วยโปรตีน โอเมก้า 3 และ 6 ในรูปแบบเนื้อมูส เนียนนุ่ม กลืนง่าย เหมาะกับสัตว์เลี้ยงทุกวัย โดยมีทั้งหมด 6 สูตร แบ่งออกเป็นกลุ่มสำหรับสุนัข 3 สูตร และสำหรับแมว 3 สูตร

สำหรับสุนัข ได้แก่ Dog Blood Booster ที่เสริมธาตุเหล็กและซีลีเนียม เพื่อบำรุงเลือด, Dog Energy Booster ที่ช่วยเพิ่มพลังงานด้วยแอลอาร์จีนีนและแอลกลูตามีน ซึ่งเทียบเท่าอาหารเปียก 1 ซองภายใน 2 ซอง, และ Dog Immune Booster ที่เสริมภูมิคุ้มกันจากเบต้ากลูแคนและวิตามินซีสำหรับแมวมีสูตร Cat Blood Booster ซึ่งเสริมธาตุเหล็กและซีลีเนียมในการบำรุงเลือด, Cat Energy Booster ที่ช่วยเพิ่มพลังงานและความอยากอาหารจากกรดอะมิโนและน้ำมันแซลมอน, และ Cat Immune Booster ที่เสริมภูมิคุ้มกันจากแอลไลซีนและวิตามินอี 

นางสาวสุดาทิพ กล่าวอีกว่านอกจากนี้ REMY (เรมี่) ยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์อาหารแมวสูตรใหม่ Wet Cat Food Adult 7+” สำหรับแมวโตอายุ 7 ปีขึ้นไป ด้วยปลาทูน่าเนื้อขาวเกรดเดียวกับอาหารคน พร้อมเสริมวิตามินและแร่ธาตุ 2 สูตร ได้แก่ “Digestive Care” เพื่อช่วยระบบย่อย และ “Immune Booster” สำหรับเสริมภูมิคุ้มกันแมวที่มีอายุ 7 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นวัยที่เริ่มเข้าสู่ช่วงสูงวัยและต้องการการดูแลเฉพาะด้าน พร้อมการออกแบบสูตรที่เหมาะสมทั้งในแง่โภชนาการและพฤติกรรมการกินของแมวสูงวัย

REMY (เรมี่) ผลิตภัณฑ์ใหม่ สูตรสำหรับแมวโตอายุ 7 ปีขึ้นไป เป็นผลิตภัณฑ์ทำจากปลาทูน่าเนื้อขาวคุณภาพสูง โปรตีนสูง ชิ้นปลาถูกคัดสรรให้มีขนาดพอดีคำ ง่ายต่อการเคี้ยวและกลืน มีให้เลือก 2 รูปแบบ คือ เนื้อเยลลี่ และ น้ำเกรวี่ ที่ช่วยเพิ่มการกินน้ำของแมว พร้อมเสริมวิตามินและแร่ธาตุ 2 ชนิดต่อสูตร เพื่อการบำรุงเฉพาะทางตามมาตรฐานโภชนาการ AAFCO จึงมั่นใจว่า REMY Wet Cat Food Adult 7+ เป็นอาหารแมวที่เหมาะสำหรับแมวโต 7 ปีขึ้นไป ที่เจ้าของสามารถมั่นใจได้ว่าแมวที่คุณรักจะได้รับโภชนาการที่ดีในทุกมื้ออาหาร พร้อมเสริมสุขภาพที่ดีตลอดช่วงวัย

ทั้ง 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ของ REMY จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม 2568 โดยมีช่องทางการจัดจำหน่ายต่างๆ ดังนี้ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อทุกสาขา กลุ่มโรงพยาบาลสัตว์ และ คลินิก รวมทั้งร้าน Pet Shop กว่า 300 ร้านค้าทั่วประเทศ และร้านค้าออนไลน์ หรือสนใจสั่งผลิตภัณฑ์ติดต่อ 098-6194461

นางสาวสุดาทิพ ยังได้กล่าวอีกว่า และเพื่อสร้างสีสันทางการตลาดและความใกล้ชิดกับผู้บริโภค REMY ได้จัดแคมเปญ REMYs FRIENDs FIRST FANMEET X NATชวนแฟนคลับร่วมกิจกรรม Meet & Greet กับ “ณฐ ณฐสิชณ์” และ “น้องเดซี่” แมวแสนรัก ณ FOODWALK PLAZA MEGA BANGNA ในวันที่ 3 สิงหาคม 2568 โดยผู้ร่วมงาน 50 คน จะได้รับสิทธิ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟจากการสะสมพอยท์ผ่านการซื้อสินค้าผ่าน LINE Official Account ได้ที่ @REMYPETS “การดึง “ณฐ ณฐสิชณ์” ขึ้นแท่นแอมบาสเดอร์ครั้งนี้ ไม่เพียงสะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่เน้นการดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างเข้าใจและใส่ใจเหมือนคนในครอบครัว แต่ยังสะท้อนเทรนด์การเลี้ยงสัตว์ยุคใหม่ที่เจ้าของพร้อมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดในทุกมิติ ทั้งสุขภาพ โภชนาการ และความสัมพันธ์ทางใจ” นางสาวสุดาทิพ กล่าวสรุปในตอนท้าย

ติดตามรายละเอียดกิจกรรมและผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ทาง TIKTOK: https://www.tiktok.com/@remypetfoods FACEBOOK: https://www.facebook.com/remypetfoodsLINE OA : https://lin.ee/5W8xCkI 

The Food School Bangkok ผนึก 2 พันธมิตรยักษ์ใหญ่เปิดตัว “Future Chef of the World 2025” ปั้นเชฟไทยรุ่นใหม่สู่แถวหน้าวงการอาหารโลกพร้อมมอบทุนการอบรมเชิงปฏิบัติการมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท

นายศิรเดช โทณวณิก กรรมการบริหาร บริษัท The Food School Bangkok พร้อมด้วย นายผรินทร์ อมาตยกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการตลาด – มิตรผล และ นายริคาร์โด้  เบารอตโต้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจเซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ ประเทศไทย ร่วมแถลงข่าวโครงการ “Future Chef of the World 2025” เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้ที่มีศักยภาพและความสามารถด้านอาหารได้พัฒนาตนเองสู่การเป็นเชฟมืออาชีพระดับสากล พร้อมมอบทุนเรียนทำอาหารมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท ภายใต้แนวคิดRethink Culinary Sustainability โดยมี นางสาวปริม จิตจรุงพร, นายกวิน ว่องกุศลกิจ ร่วมงานด้วย ณ The Food School Bangkok อาคาร E โครงการ BLOCK 28 จุฬาฯ ซอย 9

“โฮมโปร-HMPRO” Q1/68 กวาดรายได้ 18,654.46 ล้านบาท ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ยังท้าทาย

บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2568 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2568) มีกำไรสุทธิ 1,707.38 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการท่ามกลางกำลังซื้อที่ยังชะลอตัวจากปัจจัยทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา

นายวีรพันธ์  อังสุมาลี  กรรมการผู้จัดการ  บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)  หรือ  “โฮมโปร” (HMPRO) เปิดเผยถึงผลประกอบการในไตรมาส 1 ประจำปี 2568 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 18,654.46 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,707.38 ล้านบาท โดยการปรับตัวลดลงของรายได้ เป็นผลมาจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ วงเงินในการใช้จ่ายภายใต้โครงการ E-Receipt ที่ลดลงสำหรับร้านค้าทั่วไป จำนวนวันทำการของเดือนกุมภาพันธ์ที่น้อยกว่าปีก่อนหน้า รวมถึงจากที่ประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูร้อนล่าช้า และมีฝนตกในหลายพื้นที่ ส่งผลให้ยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ในสินค้าประเภทเครื่องทำความเย็น มีการปรับตัวลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้ค่าเช่า จำนวน 471.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.46 ล้านบาท หรือ 4.54% จากปีก่อน เป็นผลมาจากการจัดเก็บรายได้ค่าเช่าพื้นที่เช่าในสาขาของโฮมโปรและศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจได้มากขึ้น

นายวีรพันธ์ กล่าวอีกว่า ในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2568 เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ อาทิ นโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกาที่ยังไม่มีความแน่นอน รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้การบริโภคของภาคประชาชนยังไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการ Easy E-Receipt 2568 ในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยผู้บริโภคสามารถนำค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าและบริการมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท ทั้งนี้มีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์จากปีก่อน แบ่งเป็น 30,000 บาท สำหรับร้านค้าทั่วไป และ 20,000 บาท สำหรับวิสาหกิจชุมชนและร้านค้า OTOP โดยจากการแยกวงเงินลดหย่อนภาษี ส่งผลให้มูลค่าการใช้สิทธิของร้านค้าทั่วไปลดลง ทำให้ยอดขายมีการปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ทั้งนี้ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนล่าช้าเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน และมีฝนตกในหลายพื้นที่ ส่งผลให้เกิดความไม่สะดวกสบายในการเข้ามาใช้บริการที่สาขาของลูกค้า และทำให้กลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำความเย็น อาทิ เครื่องปรับอากาศ และ พัดลม มียอดขายที่ลดลงเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า จึงส่งผลให้ยอดขายต่อสาขาเดิม ลดลงในช่วงไตรมาสแรก

นอกจากนี้ในช่วงปลายเดือนมีนาคม ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศพม่า และได้ส่งผลกระทบมายังประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและกรุงเทพมหานคร จากเหตุการณ์ดังกล่าว บริษัทฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบโครงสร้างอาคารสาขาและสำนักงานอย่างละเอียด ซึ่งไม่พบความเสียหายแต่อย่างใด ทั้งนี้บริษัทฯ มีการสนับสนุนชุมชนและสังคมในเรื่องของการให้บริการตรวจสอบและประเมินความเสียหายที่อยู่อาศัยกับทางภาคครัวเรือน รวมถึงเตรียมความพร้อมในการรองรับความต้องการของสินค้าในหมวดการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่แนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นหลังจากขั้นตอนการตรวจสอบและประเมินความเสียหายเสร็จสิ้น

“โฮมโปรยังคงเดินหน้าเสริมแกร่งทางธุรกิจ ด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์มมาร์เกตเพลสออนไลน์ควบคู่กับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการจัดกิจกรรม Double Day และกิจกรรมส่งเสริมการขายอื่นๆ อย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมสำหรับรองรับความต้องการในกลุ่มสินค้าซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นในช่วงถัดไป” นายวีรพันธ์ กล่าวสรุปในตอนท้าย

The Food School Bangkok ผนึก 2 พันธมิตรยักษ์ใหญ่ มอบทุนกว่า 1.5 ล้านบาทเปิดตัว “Future Chef of the World 2025” ปั้นเชฟคนไทยสู่แถวหน้าวงการอาหารโลก

The Food School Bangkok เปิดตัวโครงการระดับชาติ “Future Chef of the World 2025”     เพื่อเฟ้นหาและผลักดันเชฟคนไทยให้ก้าวไกลสู่ระดับนานาชาติ ภายใต้แนวคิด “Rethink Culinary Sustainability” ผนึกกำลัง 2 พันธมิตรยักษ์ใหญ่ในวงการอาหารและธุรกิจค้าส่งวัตถุดิบ ได้แก่ กลุ่มน้ำตาลมิตรผล และ โก โฮลเซลล์ (GO WHOLESALE) พร้อมมอบทุนการเรียนทำอาหารรวมมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท โดยเปิดรับสมัครผู้สนใจทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 25 พฤษภาคม 2568

ด้วยเป้าหมายในการสร้างสรรค์บุคลากรคุณภาพ และสนับสนุนแนวคิดด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรมอาหาร โครงการนี้เปิดกว้างสำหรับผู้ที่มีใจรักในศาสตร์การประกอบอาหารทุกแขนง ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย อาหารญี่ปุ่น และของหวานสไตล์อิตาเลียน โดยเน้นการบูรณาการความรู้ด้านอาหารเข้ากับนวัตกรรม การบริหารจัดการ และความคิดสร้างสรรค์ เพื่อยกระดับมาตรฐานเชฟไทยสู่ระดับสากล

The Food School Bangkok ในฐานะศูนย์กลางการเรียนรู้อาหารระดับนานาชาติและแหล่งบ่มเพาะผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ได้รับการสนับสนุนจาก 3 สถาบันอาหารชั้นนำของโลก ได้แก่ วิทยาลัยดุสิตธานี (ประเทศไทย), TSUJI Culinary Institute (ญี่ปุ่น) และ ALMA – The School of Italian Culinary Arts (อิตาลี) โดยโครงการนี้ถือเป็นการลงทุนใน “ทุนมนุษย์” ที่เน้นสร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่ ผู้ประกอบการ และผู้หลงใหลในการทำอาหารได้เติบโตบนพื้นฐานของ “ความคิดสร้างสรรค์” และ “ความยั่งยืน” ซึ่งกำลังกลายเป็นแก่นสำคัญของอุตสาหกรรมอาหารโลก

นายศิรเดช โทณวณิก กรรมการบริหาร The Food School Bangkok  กล่าวว่า “โครงการ Future Chef of the World 2025 ไม่ได้เป็นเพียงการแข่งขัน แต่เป็นพื้นที่แห่งโอกาสสำหรับผู้มี Passion ในการทำอาหาร โดยเปิดโอกาสให้ผู้เข้าแข่งขันได้เรียนรู้จากหลักสูตรมาตรฐานระดับโลก พร้อมคำปรึกษาจากเซเลบริตี้เชฟและเชฟมืออาชีพจาก   The Food School เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจ กล้าคิด กล้าทำ และเติบโตอย่างยั่งยืนในเวทีระดับนานาชาติเรามีความมุ่งมั่นในการสร้างระบบนิเวศด้านการเรียนรู้ที่ครบวงจรให้แก่คนรุ่นใหม่ เพื่อให้พวกเขาสามารถเชื่อมโยงทักษะทางอาหารเข้ากับมุมมองทางธุรกิจและแนวคิดด้านความยั่งยืนได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะกลายเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารของประเทศไทยในอนาคต”

นายผรินทร์ อมาตยกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการตลาด – กลุ่มมิตรผล กล่าวว่า “เราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่ส่งเสริมศักยภาพของมืออาชีพในวงการอาหารไทยเพื่อร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารของไทยให้ก้าวไกลในระดับโลก โดยน้ำตาลเป็นวัตถุดิบพื้นฐานที่มีบทบาทสำคัญในทุกเมนู ไม่ว่าจะเป็นอาหารคาวหวาน หรือเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คน การสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเลือกใช้น้ำตาลที่มีอยู่หลากหลายประเภทได้อย่างเหมาะสม จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราให้ความใส่ใจ โดยเรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มอบโอกาสทางการศึกษาให้แก่นักเรียนทุนของ The Food School Bangkok เพื่อช่วยเติมเต็มองค์ความรู้และประสบการณ์ พร้อมด้วยโอกาสที่ดีมาสู่ผู้ที่ตั้งใจประกอบอาชีพด้านนี้ เพื่อให้พวกเขาสามารถบ่มเพาะทักษะ สร้างสรรค์แนวคิดทางอาชีพ และเติบโตเป็นเชฟมืออาชีพ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพและเพิ่มขีดความสามารถให้แก่วงการอาหารของประเทศไทยให้พัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป”

นายริคาร์โด้ เบารอตโต้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจ เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ ประเทศไทย (โก โฮลเซลล์ : GO WHOLESALE) กล่าวว่า “โก โฮลเซลล์ เป็นศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหารที่มีความสดใหม่ตลอดเวลาเพื่อผู้ประกอบการ มีเป้าหมายในการเป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุดของผู้ประกอบการธุรกิจอาหาร เราเชื่อว่าความสำเร็จของเชฟในยุคนี้ ไม่ได้จำกัดอยู่ที่ฝีมือในการทำอาหารเท่านั้น แต่ต้องมีความเข้าใจในธุรกิจ ความคิดสร้างสรรค์ และการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ เราจึงร่วมมือกับ The Food School เพื่อเชื่อมโยงห้องเรียนเข้ากับโลกแห่งความจริง ให้ผู้เข้าแข่งขันได้ฝึกฝนผ่านเครื่องมือและสถานการณ์จริงที่เราสนับสนุนอย่างเต็มที่ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมศักยภาพที่มีอยู่ให้โดดเด่น และสามารถเจริญเติบโตในสายอาชีพได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน”

โอกาสพิเศษสำหรับผู้มีใจรักในการทำอาหารทุกคน! ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยใด หรือมีพื้นฐานการศึกษาเช่นไร หากคุณพร้อมที่จะแสดงออกถึงความหลงใหลและประสบการณ์ผ่านปลายจวัก

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถส่งผลงานในรูปแบบวิดีโอความยาว 3-5 นาที โดยนำเสนอแนวคิด “Rethink Culinary Sustainability” ถ่ายทอดแรงบันดาลใจผ่านเมนูอาหารที่สร้างสรรค์ด้วยวัตถุดิบท้องถิ่น สะท้อนถึงความยั่งยืนและนวัตกรรม พร้อมแนบเอกสารแนะนำตัว ภาพถ่ายเมนู และหลักฐานการศึกษา เพื่อก้าวสู่โอกาสแห่งการเรียนรู้ในระดับโลก พร้อมทุนสนับสนุนเต็มที่

📅 เปิดรับสมัครตั้งแต่ 1 เมษายน – 25 พฤษภาคม 2568
🌐 สมัครได้ที่: https://forms.office.com/r/b5LPb9nG64
📱 สอบถามเพิ่มเติม: โทร. 02-150-8786 | 093-578-3992
📲 ติดตามข่าวสารได้ทาง Social media ของ The Food School Bangkok

JGAB 2025 เปิดเวที The Next Gem Awards 2025เฟ้นหาดีไซน์เนอร์เครื่องประดับรุ่นใหม่

นายธัชพล วงษ์รักษา รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย มอบโล่และเงินรางวัล 20,000 บาท แก่ นายติโลตตมา แก้วมาระวัง จากมหาวิทยาลัยบูรพา ผู้ชนะเลิศอันดับหนึ่งในการประกวด “The Next Gem Awards 2025″ การประกวดออกแบบเครื่องประดับเพื่อเฟ้นหานักออกแบบรุ่นใหม่ที่มีไอเดียและความคิดสร้างสรรค์โดดเด่น นอกจากนี้ ยังมีทีมที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่งและรองชนะเลิศอันดับสอง ได้แก่ นายชาคร บุษยากุล, นางสาวอภิญญา ศรีคำ, นางสาวนลพรรณ หมายเหนี่ยวกลาง, นางสาวพรรณ์เพ็ชร์ ชินวัฒน์ไพบูลย์ และนายฐิติกร ใยคำ จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ขึ้นรับรางวัลด้วย ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ZHULIAN จุดไฟฝันเยาวชนไทย เปิด “ZHULIAN Football Club Academy” เติมโอกาส เปลี่ยนชีวิต ปลุกพลังนักเตะรุ่นใหม่สู่สนามระดับชาติ

บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำพันธกิจในการเป็นพลังขับเคลื่อนสังคมไทยอย่างยั่งยืน ล่าสุดเดินหน้ายกระดับโอกาสใหม่ให้เยาวชนไทย ผ่านโครงการ “ZHULIAN Football Club Academy” สถาบันฝึกสอนฟุตบอลสำหรับเยาวชนอายุ 8–15 ปี ที่มุ่งหวังให้เยาวชนได้ใช้เวลาว่างอย่างสร้างสรรค์ เสริมสร้างทักษะชีวิต และปูทางสู่อนาคตที่สดใสในเส้นทางนักกีฬามืออาชีพ

คุณณัฐชานนท์ จุลล์จักรวงศา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด (CMO) บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เราเชื่อมั่นในศักยภาพของเยาวชนไทย แต่หลายครั้งเด็ก ๆ เหล่านี้ขาดเพียงโอกาสที่เหมาะสม เราจึงตั้งใจสร้างพื้นที่นี้เพื่อให้เยาวชนใช้เวลาว่างอย่างมีคุณค่า นอกจากการฝึกฝนทักษะฟุตบอล ยังได้เรียนรู้วินัย ความรับผิดชอบ และการทำงานเป็นทีม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตเป็นบุคคลที่มีคุณภาพในอนาคต ZHULIAN Football Club Academy จะไม่เพียงสอนฟุตบอล แต่จะสอนการใช้ชีวิต และสร้างสะพานสู่ความสำเร็จให้เยาวชนก้าวไกลไปสู่โรงเรียนกีฬาชั้นนำ หรือแม้แต่สู่เส้นทางนักฟุตบอลทีมชาติในวันข้างหน้า”

เพื่อให้การฝึกซ้อมมีคุณภาพสูงสุด ZHULIAN ดึงตัวโค้ช พีรทรรศน์ โพธิ์เรือนดี ผู้คร่ำหวอดในวงการฟุตบอลไทย มาร่วมเป็นหัวเรือใหญ่ในการอบรมเยาวชน โดยหัวหน้าโค้ชถือใบอนุญาตระดับ AFC A-License พร้อมประสบการณ์ทั้งในฐานะนักเตะและโค้ชระดับมืออาชีพ เคยคว้าแชมป์ไทยลีก 2 สมัย, รองแชมป์สโมสรเอเชีย, ติดทีมชาติไทยทุกชุด ทั้งชุดเยาวชน, ชุดปรีโอลิมปิก, ชุดเอเชียนเกมส์ และชุดใหญ่ในรายการสำคัญระดับนานาชาติ นอกจากนี้ยังเคยเป็นหัวหน้าโค้ชและผู้ช่วยโค้ชให้กับหลายสโมสรชั้นนำในไทยลีก ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยโค้ชทีมการท่าเรือ เอฟซี

นอกจากนี้ยังมีทีมผู้ช่วยสตาฟโค้ชที่มีชื่อเสียงและความสามารถระดับแถวหน้าของวงการลูกหนังเมืองไทย    นำโดย

  • พันจ่าอากาศเอก สีหศักดิ์ อาจหาญ หัวหน้าผู้ฝึกสอนชุดใหญ่
  • อดินันท์ เจะเตะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนชุดเล็ก
  • โมรี่ คามาร่า ผู้ฝึกสอนรักษาประตู

คุณณัฐชานนท์ จุลล์จักรวงศา กล่าวปิดท้ายว่า “โครงการนี้เปิดโอกาสให้เยาวชนได้ฝึกซ้อมฟุตบอลอย่างจริงจัง 6 วันต่อสัปดาห์ ด้วยค่าใช้จ่ายที่เข้าถึงได้เพียง 2,000 บาทต่อเดือน เพื่อให้ทุกครอบครัวสามารถส่งเสริมศักยภาพบุตรหลานได้อย่างเท่าเทียม และพิเศษสุด เปิดโอกาสให้ฝึกฟรี! ระหว่างวันที่ 9–31 พฤษภาคมนี้ เพื่อให้น้อง ๆ ได้สัมผัสประสบการณ์จริงก่อนตัดสินใจเข้าร่วมอย่างเต็มตัวโดยในช่วงเริ่มต้นจะเปิดเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ แต่ ZHULIAN มีแผนขยายสนามเพิ่มเติมในอนาคต หากได้รับการตอบรับอย่างดี เพื่อให้เยาวชนในต่างจังหวัดสามารถเข้าถึงโอกาสนี้ได้อย่างเท่าเทียม”

“ZHULIAN จะเป็นพลังเล็ก ๆ ที่ช่วยจุดไฟฝันในใจของเด็กไทย ให้พวกเขาได้ใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่ เดินตามฝัน และสร้างอนาคตที่ดีให้กับตนเอง ครอบครัว และประเทศชาติเราเชื่อว่าไม่มีความฝันใดไกลเกินเอื้อม หากได้รับการสนับสนุนที่ถูกต้อง และเราอยากเป็นก้าวแรกที่สำคัญในเส้นทางของน้อง ๆ เราจะสานต่อพันธกิจนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เยาวชนไทยทุกคนมีโอกาสได้แสดงความสามารถอย่างภาคภูมิ และก้าวสู่การเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาสังคมไทยต่อไปในอนาคต”

ZHULIAN Football Club Academy พร้อมแล้วที่จะสร้างแรงบันดาลใจครั้งใหม่ ปั้นนักเตะรุ่นใหม่ให้ก้าวไกลสู่สนามระดับชาติ

ร้านTina’s Sathorn จัดอาหารค่ำสุดพิเศษสไตล์นิวออร์ลีนส์ รายได้มอบให้ “มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม”

Tina’s Sathon ร้าน Fine Dining ซอยสวนพลู จัด Charity Dinner ชวนเปลี่ยนชีวิตเด็กๆ ด้วยรอยยิ้มกับอาหารมื้อสุดพิเศษสไตล์นิวออร์ลีนส์ (New Orleans) ในบรรยากาศดนตรีสนุกสนานแบบ   นิวออร์ลีนส์ มอบรายได้ให้มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม (Operation Smile) วันพฤหัสบดี ที่ 8 พฤษภาคม 2568 ตั้งแต่ 18.30 น. ราคาท่านละ 3,000 บาท ประธานมูลนิธิฯ เผยดำเนินการผ่าตัดรักษาผู้ป่วยได้ 10-12 โครงการ ช่วยเหลือเด็กที่เป็นปากแหว่งเพดานโหว่ทั่วประเทศได้กว่า 1,000 รายต่อปี

ร้านอาหาร Fine Dining ชื่อดัง Tina’s Sathon ชวนร่วมรับประทานอาหารในค่ำคืนสุดพิเศษกับ Charity Dinner ที่เชฟเดวิด คลีแลนด์ หัวหน้าเชฟและผู้ก่อตั้งร้านเตรียมมอบประสบการณ์ของไฟน์ไดน์นิ่งสไตล์นิวออร์ลีนส์แท้ๆ ด้วยอาหาร 4 คอร์สพร้อมไวน์ โดยรายได้ทั้งหมดเตรียมมอบให้กับมูลนิธิสร้างรอยยิ้มเพื่อนำไปใช้ในกิจการของมูลนิธิฯ ในการผ่าตัดเด็กปากแหว่งเพดานโหว่ ผู้เข้าร่วมในกิจกรรมดังกล่าวได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้หนึ่งเท่า

ทันตแพทย์หญิงยุพเรศ นิมกาญจน์ ประธานมูลนิธิสร้างรอยยิ้ม เปิดเผยถึงค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดอาการปากแหว่งหรือเพดานโหว่เฉลี่ยประมาณ 25,000 – 50,000 บาทต่อหนึ่งครั้ง โดยแต่ละปีมูลนิธิฯ จะเดินทางไปทั่วประเทศเพื่อเปิดโครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เพื่อผ่าตัดรักษาผู้ป่วยประมาณ 4 ครั้ง “การผ่าตัดแต่ละรายจะมีความซับซ้อนแตกต่างกันไป หลายรายต้องรับการผ่าตัดหลายขั้นตอน ต้องใช้อุปกรณ์การแพทย์ที่มีเฉพาะในกรุงเทพฯ เท่านั้น ทีมของมูลนิธิฯ ที่ประกอบด้วยแพทย์อาสาสมัครจากหลากหลายสาขา อาทิ ศัลยแพทย์ วิสัญญีแพทย์ ทันตแพทย์ ทีมงานภาคสนาม ล่าม ฯลฯ มีความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”

“ในนามมูลนิธิสร้างรอยยิ้ม ขอขอบคุณร้าน Tina’s Sathorn ที่กรุณาจัดกิจกรรมพิเศษนี้เพื่อระดมทุนให้กับเรา และหวังว่าจะได้รับการตอบรับจากท่านที่สนใจเพื่อที่เราจะได้ร่วมกันช่วยเด็กๆ ที่ประสบปัญหาปากแหว่งเพดานโหว่ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” ประธานมูลนิธิสร้างรอยยิ้มกล่าว

Charity Dinner ร้าน Tina’s Sathorn จะจัดขึ้นวันพฤหัสบดีที่ 8 พฤษภาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 18.30 น. ติดต่อจองโต๊ะได้ที่ไลน์ @tinas หรือโทร 062-141-6549 และ www.tinassathorn.com สามารถจอดรถได้ที่โรงแรม Somerset สวนพลู

ถิรไทย ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 พร้อมจ่ายปันผล 0.37 บาทต่อหุ้น

ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานกรรมการ พร้อมด้วย นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT ผู้นำตลาดหม้อแปลงไฟฟ้า และอุตสาหกรรมด้านพลังงานรายใหญ่ของประเทศ ร่วมเป็นประธานในการประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 เพื่อสรุปผลดำเนินงานพร้อมประกาศจ่ายปันผล 0.37 บาทต่อหุ้น โดยมี นายเสริมสกุล คล้ายแก้ว, นายอรรณพ เตกะจรินทร์, นางสุนันท์ สันติโชตินันท์ ร่วมประชุมด้วย ณ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อเร็ว ๆ นี้

JGAB 2025 สุดปัง! เปิดเวที The Next Gem Awards 2025เฟ้นหาดีไซน์เนอร์เครื่องประดับรุ่นใหม่ เปล่งประกายไอเดียเหนือจินตนาการ

งาน Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2025 (JGAB 2025) เปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่! งานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับระดับภูมิภาคอาเซียนที่ใหญ่ที่สุด จัดโดยอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ร่วมกับภาครัฐและเอกชน บนพื้นที่จัดแสดงกว่า 17,000 ตารางเมตร ไฮไลต์ของปีนี้ไม่เพียงเป็นเวทีเจรจาธุรกิจและโชว์เคสนวัตกรรมล่าสุดในอุตสาหกรรม แต่ยังเปิดเวทีแห่งความคิดสร้างสรรค์กับ “The Next Gem Awards 2025” การประกวดออกแบบเครื่องประดับเพื่อเฟ้นหานักออกแบบรุ่นใหม่ ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 20,000 บาท

การแข่งขันปีนี้เข้มข้นและเปี่ยมด้วยพลังสร้างสรรค์ โดยมีทีมผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศทั้งหมด 5 ทีม ได้แก่ ETHEREAL จากมหาวิทยาลัยบูรพา, Lieber, PIMRAPHA, มามาหมูเด้ง และ ทีมศิลปะการนางเลิ้ง จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ซึ่งทุกทีมสะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ที่กล้าท้าทายกรอบเดิมของการออกแบบเครื่องประดับ และผู้ที่คว้ารางวัลชนะเลิศในปีนี้ไปครอง ได้แก่ นายติโลตตมา แก้วมาระวัง วัย 28 ปี จากมหาวิทยาลัยบูรพา คณะอัญมณี สาขาการออกแบบเครื่องประดับ ซึ่งถ่ายทอดผลงานสุดโดดเด่นจากแนวคิด “Unlimited Creation” โดยได้รับแรงบันดาลใจจากภาพของเพอร์ซีอัสที่ตัดหัวของเมดูซา

นายติโลตตมา แก้วมาระวัง ถ่ายทอดแนวความคิดว่า “ตอนที่เริ่มต้นคิดงาน เรานึกถึงภาพของเพอร์ซีอัสที่ถือหัวของเมดูซา ซึ่งในตำนานแค่ ‘หัวเดียว’ ก็มีพลังมากพอที่จะเสกให้คนกลายเป็นหินได้ มันทำให้เรารู้สึกว่า แม้เพียง ‘ชิ้นเดียว’ ก็สามารถทรงพลังได้ไม่แพ้กัน นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดทั้งหมด”

ในปัจจุบัน Pain Point ในอุตสาหกรรมอัญมณีที่ใช้ทรัพยากรจำนวนมาก ทั้งแรงงาน เงินทุน และวัตถุดิบ ซึ่งเมื่อแร่บางชนิดไม่มีคุณสมบัติหรือความงามเพียงพอ ก็จะถูกทิ้งโดยเปล่าประโยชน์ อย่างเช่น “แร่หยก Jadeite บางสีที่ไม่ใสหรือไม่เขียวพอจะขายไม่ได้เลย ทั้งที่ยังมีคุณค่าอยู่มาก เช่นเดียวกับมาลาไคต์ (Malachite) หรือกรีน โครมไดออปไซด์ (Green Chrome Diopside) ที่เรานำมาใช้ในงานนี้ เราอยากยกระดับของเหลือใช้ให้กลับมามีมูลค่า ผ่านฝีมือการแกะสลักที่ช่างไทยทำได้ดีมากอยู่แล้ว”

ดังนั้นจึงเลือกวัสดุสร้างดีไซน์แบบ “โมดูลาร์” ที่สามารถถอด ประกอบ เปลี่ยนรูปทรงได้ตามใจผู้สวมใส่ “เราคิดว่า ‘ความคิดสร้างสรรค์’ ไม่ควรจำกัดอยู่แค่ในตัวดีไซเนอร์ เพราะฉะนั้นเราจึงออกแบบให้เจ้าของชิ้นงานสามารถ ‘เล่นสนุก’ ได้ด้วยตัวเอง ถอดประกอบใหม่ได้หมด แม้แต่เจ้าของเองอาจไม่จำภาพต้นฉบับได้ นั่นคือเสน่ห์ของมัน”

นายติโลตตมา ได้สะท้อนมุมมองธุรกิจด้วยว่า สำหรับ SME ที่มีทุนจำกัด แนวคิดการผลิตเครื่องประดับที่ลูกค้าสามารถใช้ได้หลายรูปแบบในชิ้นเดียว เป็นทางเลือกที่ช่วยลดต้นทุน เพิ่มความพิเศษ และทำให้ลูกค้ามีความผูกพันกับสินค้า “มันเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขายแค่ 1 ชิ้น แต่สร้างประสบการณ์เหมือนได้ 5 แบบ ลูกค้าไม่ต้องซื้อของใหม่บ่อย ๆ ส่วนช่างไทยก็มีงานมากขึ้น เป็นโมเดลที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์”

ผลงานชิ้นนี้ยังโดดเด่นด้านแนวคิดศิลปะ โดยนำแรงบันดาลใจจากตำนานกรีกมาตีความใหม่ ตัวเรือนใช้สีทองสะท้อนอารยธรรมกรีก ผสานกับโทนสีเขียวของแร่ที่เลือกใช้ ซึ่งสื่อถึงพลัง ความลึกลับ และความเย้ายวนแบบวายร้าย ในขณะที่การใช้ทับทิมและพลอยสีแดงแสดงถึง “หยดเลือดของเมดูซา” ที่ในตำนานเชื่อว่าสร้างปาฏิหาริย์ได้

นอกจากเวทีการประกวดสุดเข้มข้น JGAB 2025 ยังเตรียมโชว์หมัดเด็ดผ่าน “JGAB Runway” แฟชั่นโชว์เครื่องประดับสุดตระการตาภายใต้ธีม Jewels of the New Era และ Symphony of Light พร้อมโซนไฮไลต์อย่าง The ASEAN’s Masterpieces Gallery ที่จัดแสดงผลงานระดับตำนาน และเวิร์กช็อปสุดล้ำเกี่ยวกับ Blockchain และ AI ที่กำลังเปลี่ยนโฉมวงการ

JGAB 2025 จึงไม่ใช่แค่งานแสดงสินค้า แต่คือเวทีของคนที่กล้าคิด กล้าฝัน และกล้าสร้างการเปลี่ยนแปลง ทั้งในแง่ความคิดสร้างสรรค์ การใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า และการเปิดทางให้คนรุ่นใหม่ได้เฉิดฉายแบบไม่มีกรอบมาจำกัด