เอเซอร์ – อินเทล เปิดศึก “Thailand Predator League 2026” เฟ้นหาทีมไทยสู้ศึกรอบสุดท้ายที่อินเดีย ชิงเงินรางวัลรวม 14 ล้าน

  • เอเซอร์และอินเทล ร่วมมือจัด Thailand Predator League 2026 การแข่งขันอีสปอร์ต VALORANT เงินรางวัลรวมกว่า 250,000 บาท พร้อมหาตัวแทนทีมไทยลุยศึกระดับเอเชียที่ประเทศอินเดีย
  • สานต่อ Esports Internship Program ดึงนักศึกษาเรียนรู้สนามทำงานจริง พร้อมยกระดับความร่วมมือกับ ‘สมาคมกีฬาอีสปอร์ตคนพิการไทย’ เปิดทางผู้พิการมีส่วนร่วมสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม
  • สร้างบทบาทใหม่ ยกระดับอีสปอร์ตไทยผ่านการหนุนซอฟต์พาวเวอร์ – สร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เตรียมพร้อมรับ SEA Games 2025

เอเซอร์และอินเทล ประกาศเปิดฉากการแข่งขัน Thailand Predator League 2026” ศึกอีสปอร์ตเกม VALORANT เพื่อเฟ้นหาตัวแทนทีมไทยหนึ่งเดียว เข้าร่วมในทัวร์นาเมนต์ Asia Pacific Predator League 2026 ที่ประเทศอินเดีย เวทีดวลฝีมือสุดยอดทีมอีสปอร์ตจากทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 14 ล้านบาท

นายเจฟ ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เอเซอร์มุ่งมั่นพัฒนาอุตสาหกรรมอีสปอร์ตไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการจัดการแข่งขัน Predator League ที่เริ่มตั้งแต่ปี 2018 และเติบโตจนเป็นเวทีสำคัญในการต่อยอดนักกีฬาไทยสู่ระดับภูมิภาค รวมถึงเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ค้นพบและพัฒนาทักษะ ทั้งในฐานะผู้เล่น แฟนเกม และทีมงานเบื้องหลัง

“Predator League ไม่ได้เป็นเพียงเวทีการแข่งขัน แต่คือระบบนิเวศที่สร้างพลัง สร้างนวัตกรรม และสร้างโอกาสที่มีความหมายให้กับผู้มีความสามารถทั้งในไทยและภูมิภาค เอเซอร์จึงตั้งเป้าให้ Thailand Predator League 2026 เป็นอีกก้าวสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมอีสปอร์ตไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ”

ความสำเร็จของ Predator League ในไทยสะท้อนจากการเลือก VALORANT เป็นเกมหลักของการแข่งขัน ซึ่งตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ทีมอีสปอร์ตไทยสามารถก้าวสู่เวทีระดับโลกอย่าง Champions Tour หลายครั้ง แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและฐานผู้เล่นที่แข็งแกร่ง ขณะเดียวกัน การแข่งขันยังได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้ชมออนไลน์ ตอกย้ำถึงบทบาท Predator League ในการเชื่อมโยงและขับเคลื่อนคอมมูนิตี้เกมเมอร์ไทยได้อย่างแท้จริง

นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมอีสปอร์ตทั้งในไทยและภูมิภาคสะท้อนถึงศักยภาพตลาดที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง Predator League จึงไม่ได้เป็นเพียงการแข่งขัน แต่ยังทำหน้าที่เป็น เวทีบ่มเพาะบุคลากรรุ่นใหม่ ผ่านโครงการ Esports Internship Program ที่ร่วมกับมหาวิทยาลัยศรีปทุมและมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ให้นักศึกษาได้เรียนรู้การทำงานจริงในทุกขั้นตอน พร้อมโอกาสเข้าร่วมดูงานในทัวร์นาเมนต์ระดับเอเชียที่อินเดีย

ในปีนี้ เอเซอร์ยังร่วมมือกับ สมาคมกีฬาอีสปอร์ตคนพิการไทย เปิดโอกาสให้ผู้พิการเข้ามามีบทบาทเต็มรูปแบบในการจัดการแข่งขัน ตั้งแต่งานด้านเทคนิค การผลิตคอนเทนต์ การจัดการกิจกรรม ไปจนถึงการสนับสนุนทีมแข่งขัน พร้อมปรับสภาพแวดล้อมและอุปกรณ์ให้เหมาะสมกับความสามารถของแต่ละบุคคล ความร่วมมือนี้ไม่เพียงช่วยสร้างทักษะอาชีพที่มั่นคงและความเท่าเทียม แต่ยังเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าอีสปอร์ตคือเวทีที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้จริง พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เล่น นักศึกษา และผู้พิการเห็นถึงโอกาสในการเติบโตและมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมอีสปอร์ตไทยอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ การบรรจุอีสปอร์ตเป็นกีฬาชิงเหรียญรางวัลใน SEA Games 2025 ถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึง การยอมรับศักยภาพและความนิยมของอีสปอร์ต ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งยังช่วยยกระดับอีสปอร์ตจากกิจกรรมสันทนาการสู่การแข่งขันระดับมืออาชีพที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ สำหรับประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพ การจัดอีสปอร์ตในซีเกมส์ครั้งนี้ไม่เพียงสร้างเวทีให้ผู้เล่นไทยได้แข่งขันกับทีมระดับภูมิภาค แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการ ส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมอีสปอร์ตให้เติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งด้านโครงสร้างการแข่งขัน การฝึกอบรมบุคลากร และการสร้างคอมมูนิตี้เกมเมอร์ที่แข็งแกร่ง ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเป็นผู้นำด้านอีสปอร์ตในภูมิภาคนี้

Thailand Predator League 2026 เปิดรับสมัครผู้เข้าแข่งขันตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม – 12 ตุลาคม 2025 โดยมีจำนวนทีมในรอบ Online Qualify รวม 128 ทีม แข่งขันระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม – 2 พฤศจิกายน 2025 และเข้าสู่รอบ Final ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2025 ซึ่งจะมีทั้งทีม Esports Pro Player และทีมผู้ชนะจากรายการ Acer U-Challenger เข้าร่วมชิงเงินรางวัลรวมกว่า 250,000 บาท พร้อมสิทธิ์ในการเป็นตัวแทนทีมไทยเพียงหนึ่งเดียวไปแข่งในทัวร์นาเมนต์ Asia Pacific Predator League 2026 รอบ Grand Final ที่ประเทศอินเดีย

ติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับการแข่งขัน ช่องทางลงทะเบียน ช่องทางการรับชม และข่าวสารต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ที่โซเชียลมีเดีย Predator Gaming Thailand / Predator League Thailand

ถิรไทย ฉลองครบรอบ “38 ปี แห่งการเติบโต เคียงข้างสังคมไทย”เดินหน้าสนับสนุนการศึกษาและพัฒนาโรงเรียนคลองบางปู สมุทรปราการ

บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) จัดกิจกรรม “38 ปี แห่งการเติบโต เคียงข้างสังคมไทย” เนื่องในโอกาสครบรอบการก่อตั้งบริษัทฯ โดยมุ่งตอกย้ำเจตนารมณ์ “38 ปี ที่เราไม่เพียงแค่สร้างพลังงาน แต่สร้างสังคมที่น่าอยู่ อย่างยั่งยืน” ผ่านการลงมือทำกิจกรรมเพื่อสังคม ณ โรงเรียนคลองบางปู จังหวัดสมุทรปราการ โรงเรียนประถมศึกษาในท้องถิ่น ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการศึกษาในระดับชุมชน

โดยตลอดทั้งวัน บุคลากรและพนักงานจิตอาสาจากถิรไทย ได้ร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนรู้และสิ่งแวดล้อมของโรงเรียน อาทิ การอบรมด้านการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม การมอบอุปกรณ์กีฬา การปรับปรุงสนามกีฬาฟุตซอล เซปัคตระกร้อ และวอลเล่ย์บอล รวมถึงการทาสีและซ่อมแซมอาคารเรียนบางส่วน พร้อมทั้งมอบทุนการศึกษา หนังสือ และอุปกรณ์การเรียนให้กับห้องสมุดโรงเรียน อีกทั้งยังได้จัดเลี้ยงอาหารกลางวันให้นักเรียน พร้อมเข้าตรวจเช็คระบบไฟฟ้าและปรับภูมิทัศน์รอบบริเวณโรงเรียน เพื่อเสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเหมาะสมต่อการเรียนรู้ นอกจากนั้นยังนำนักกีฬาตะกร้อเยาวชนจาก สโมสรถิรไทย มาทำการเปิดคลีนิคสอนตะกร้อ ให้กับนักเรียน เพื่อส่งเสริมการกีฬาและสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนในท้องถิ่นอีกด้วย

นายสัมพันธ์  วงษ์ปาน ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ตลอดระยะเวลา 38 ปีที่ผ่านมา ถิรไทยยืนหยัดในการเติบโตทางธุรกิจควบคู่กับการดูแลสังคม โดยเฉพาะด้านการศึกษา ที่ถือเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ ซึ่งโรงเรียนคลองบางปูแห่งนี้เป็นสถานศึกษาที่บ่มเพาะเยาวชนรุ่นใหม่ ที่บริษัทฯ ได้มุ่งหวังมอบโอกาสและกำลังใจ ผ่านการสนับสนุนด้านการเรียนรู้ สุขภาพ รวมถึงสภาพแวดล้อมที่ดี เพื่อให้เด็ก ๆ เติบโตอย่างมีคุณภาพและมีอนาคตที่สดใส”

อีกทั้งที่ผ่านมา ถิรไทยยังคง เป็น แหล่งเรียนรู้ นอกสถาบัน โดยการเปิดบ้านต้อนรับนักเรียน นิสิต นักศึกษา ให้เข้ามาเรียนรู้กระบวนการผลิต เพื่อสร้างแรงบันดาลใจนอกห้องเรียนมาอย่างต่อเนื่องนานกว่า 30 ปี แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่ไม่ใช่แค่การทำธุรกิจ แต่ยังมุ่งมั่นสร้างคุณค่าให้กับสังคมในทุกมิติ สะท้อนให้เห็นว่าการฉลองครบรอบ 38 ปีในครั้งนี้ จึงไม่ใช่เพียงการย้อนมองความสำเร็จทางธุรกิจ แต่คือการเดินหน้าสานต่อเจตนารมณ์ความรับผิดชอบต่อสังคม โดยเฉพาะในด้านการศึกษาและกีฬา แก่เยาวชน เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับสังคมไทย

“ถิรไทยเชื่อมั่นว่าการศึกษาและการเรียนรู้คือพลังสำคัญในการพัฒนาคนและประเทศ หากสามารถช่วยสร้างโอกาสเล็ก ๆ ให้กับเยาวชน ก็จะเป็นก้าวแรกของการสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขาเติบโตเป็นคนดี มีความรู้ และเป็นพลังของการพัฒนาชุมชนและประเทศชาติต่อไปในอนาคต” นายสัมพันธ์ กล่าวทิ้งท้าย

โฮมโปร เขย่าตลาดค้าปลีกบ้าน! ครึ่งปีหลัง เสริมทัพเมกาโฮม เปิด Hybrid Store แลนด์มาร์คใหม่! สาขา “บางนา-ตราด” (กม.27) ครบเรื่องบ้านและงานช่างไว้ที่เดียว ตอบโจทย์แรงช้อปคนเมืองยุคใหม่

โฮมโปร (HMPRO) เดินหน้าปรับเกมค้าปลีกสินค้าและบริการเรื่องบ้านครึ่งปีหลัง เสริมทัพเมกาโฮม ด้วยการขยายสาขาใหม่รูปแบบโมเดลไฮบริด “โฮมโปร x เมกาโฮม บางนา-ตราด” (กม.27) บนทำเลศักยภาพถนนเทพรัตน์ เชื่อมต่อสุวรรณภูมิ–EEC ที่กำลังเติบโต ใจกลางฮับอสังหาริมทรัพย์-ไลฟ์สไตล์-สิ่งอำนวยความสะดวกชั้นนำ สาขาใหม่นี้มาพร้อมดีไซน์ทันสมัย ตอบโจทย์คนเมืองและครอบครัวรุ่นใหม่ พร้อมขยายพื้นที่ขายและเพิ่มไลน์สินค้ากลุ่มโครงสร้าง-ก่อสร้าง รองรับทั้งลูกค้าเจ้าของบ้าน ผู้รับเหมา ตอบโจทย์ดีมานด์อสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ตั้งเป้ายอดขายไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาทต่อเดือน พร้อมอัดโปรโมชั่นแรงฉลองเปิด เริ่ม 22 สิงหาคม 2568 นี้

นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” (HMPRO) กล่าวว่า การเปิดโมเดลไฮบริดสโตร์ ที่ย่าน “บางนา-ตราด” (กม.27) นับเป็นอีกก้าวสำคัญของโฮมโปร ในการขยายสาขาบนทำเลศักยภาพสูงในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น เส้นทางคมนาคมที่เชื่อมต่อกับสนามบินสุวรรณภูมิและโครงข่ายสู่พื้นที่ EEC ซึ่งช่วยผลักดันให้พื้นที่นี้เติบโตเป็นศูนย์กลางด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่เหมาะกับทั้งกลุ่มที่อยู่อาศัยและโครงการพาณิชย์ นอกจากนี้ พื้นที่โดยรอบยังรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น ศูนย์การค้า พื้นที่จัดอีเวนต์ขนาดใหญ่ โรงเรียนคุณภาพ และโรงพยาบาลชั้นนำ ทำให้ โฮมโปร x เมกาโฮม “บางนา-ตราด” (กม.27) กลายเป็น ‘ฮับไลฟ์สไตล์’ ที่รองรับคนรุ่นใหม่ ครอบครัว กลุ่มช่าง-ผู้รับเหมา และโครงการพาณิชย์ ได้อย่างครบครัน

“โฮมโปร บางนา-ตราด ใช้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท เพื่อออกแบบให้มีความทันสมัยมากกว่าเดิม สอดรับกับการพัฒนาของพื้นที่ ทั้งด้านฟังก์ชันและดีไซน์ที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตคนเมือง ด้วยพื้นที่ขายโปร่งโล่ง อากาศถ่ายเท พร้อมจุดให้บริการที่สะดวก รวดเร็ว รับความต้องการได้หลากหลาย เช่น บริการ Click & Collect,
บริการ CHANG HomePro อีกทั้งยังเพิ่มมุมพักผ่อนด้วยร้านอาหารและเครื่องดื่มแบรนด์ชั้นนำ เหมาะสำหรับทุกคนได้ใช้เวลาช้อปและผ่อนคลาย เป็นการสร้างประสบการณ์ช้อปที่ครบทั้งเรื่องบ้านและงานช่าง พร้อมไลฟ์สไตล์ไว้ในที่เดียว”

“โฮมโปร บางนา-ตราด (กม.27) ตั้งอยู่บนพื้นที่รวมกว่า 13,000 ตารางเมตร เดินทางสะดวกบนถนนเทพรัตน์ พร้อมขยายพื้นที่จำหน่ายสินค้าและบริการ แบบครบ จบ ที่เดียว ทั้งเรื่องบ้านและงานช่าง ครอบคลุมตั้งแต่กลุ่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน ไปจนถึงสินค้างานโครงสร้าง เครื่องมือช่าง ฮาร์ดแวร์ ระบบไฟฟ้า งานสีและเคมีภัณฑ์ งานพื้นผนัง สุขภัณฑ์ งานประปา ระบบน้ำ งานเกษตรและสวน พร้อมเสริมทัพด้วยสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง-โครงสร้างมากขึ้น เช่น เหล็ก ปูน แผ่นพื้น และเพิ่มไลน์สินค้าใหม่อีกหลากหลาย เพื่อรองรับดีมานด์โปรเจกต์ อสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ในพื้นที่ได้เต็มศักยภาพ ทั้งโครงการบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม อาคารพาณิชย์ คาเฟ่ โรงแรม หรือ โฮมออฟฟิศ ได้อย่างครบครัน โดยตั้งเป้าสร้างยอดขายไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาทต่อเดือน

22 สิงหาคม 2568 นี้ เตรียมพบกับการเฉลิมฉลองเปิดสาขา “โฮมโปร x เมกาโฮม บางนา-ตราด” (กม.27) สุดยิ่งใหญ่ !! ถึงก่อน…มีสิทธิ์ก่อน! ได้สิทธิ์ช้อปสินค้าราคาพิเศษก่อนใคร เฉพาะสมาชิกช่างเท่านั้น! ซ้อมช้อปก่อนเปิดจริง 21 ส.ค. 68 พบดีล! สินค้าราคาเริ่มต้น 9 บาท! และ 22 ส.ค. 68 ร่วมสนุกตอบคำถาม เพื่อจับคูปองซื้อสินค้าราคาพิเศษ อาทิ แอลอีดีทีวี ตู้เย็น ไมโครเวฟ เตารีด พัดลม จำกัด 100 ชิ้นเท่านั้น หมดแล้วหมดเลย !!

พร้อมช้อปมันส์ต่อเนื่อง 3 วันเต็ม 22 ส.ค. 68 – 24 ส.ค. 68 สินค้าราคาเดียว 9,990 บาท (จำนวนจำกัด หมดแล้วหมดเลย) พร้อมกิจกรรมที่ห้ามพลาด! กับ บริการซ่อมฟรี! เครื่องใช้ไฟฟ้า โดยทีม CHANG HomePro ที่ให้ทุกคนได้นำเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เข้ารับบริการตรวจเช็คและซ่อมฟรี! ต่อเนื่อง เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนในช่วงที่เศรษฐกิจท้าทายแบบนี้ นอกจากนี้สิทธิพิเศษซื้อสินค้าและรับบริการจากช่างโฮมโปรในราคาพิเศษอีกด้วย ไม่เพียงเท่านี้ยังพบกับสินค้าราคาพิเศษ ยิ่งซื้อ…ยิ่งลด + รับเพิ่มสุดคุ้มจากแบรนด์ดังที่ร่วมรายการ รวมถึงสิทธิพิเศษอีกมากมายจากสถาบันการเงินชั้นนำ อาทิ

  • สมาชิกโฮมการ์ด สมัครสมาชิกใหม่ รับทันที 2 ต่อ : คูปองส่วนลดมูลค่า 300 บาท + รับคะแนน X3 เมื่อช้อปใบเสร็จแรก พิเศษ! หรือ สมัครสมาชิกช่างใหม่ รับคูปองส่วนลดมูลค่า 250 บาท !!
  • กดปุ๊ป…ลดเลย เฉพาะสมาชิกโฮมการ์ด รับคูปองส่วนลด รวมมูลค่าสูงสุด 1,800 บาท ผ่าน Line HomePro Connect
  • ช้อปครบ…รับเงินเข้าโฮมโปร วอลเล็ต ผ่านแอปพลิเคชัน HomeCard เฉพาะสมาชิกโฮมการ์ด รวมสูงสุดถึง 100,000 บาท !! เมื่อช้อปครบตามเงื่อนไขภายในวัน
  • รับส่วนลดท้ายใบเสร็จ รวมสูงสุด 800 บาท ซื้อสินค้าครบ 3,000 บาทขึ้นไป รับทันทีส่วนลดมูลค่า 300 บาท และซื้อสินค้าครบ 30,000 บาทขึ้นไป รับทันทีส่วนลดมูลค่า 500 บาท !!
  • สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกบัตรเครดิต โฮมโปร วีซ่า แพลทินัม ได้ 3 ต่อ ทั้งลด+รับเครดิตเงินคืนรวมสูงสุด 7% !! ต่อที่ 1 : ลดทันที 3% / ต่อที่ 2 : รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 4% (เฉพาะเมื่อรูดซื้อเต็มจำนวน ครบตามเงื่อนไข) และต่อที่ 3 : ลดเพิ่มสูงสุด 13% (เมื่อแลกพอยต์เท่ายอดชำระตามเงื่อนไข)
  • สิทธิพิเศษจากสถาบันการเงินชั้นนำ !! สำหรับลูกค้าบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ ได้ทั้งส่วนลด+เครดิตเงินคืน พร้อมรับสิทธิ์ช้อปง่ายจ่ายสบาย กับ Super Zero ผ่อนนาน…ผ่อนน้อย! ผ่อนชำระ 0% นานสูงสุดถึง 24 เดือน !! (หมายเหตุ : ใช้เท่าที่จำเป็น และชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี / กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว, อัตราดอกเบี้ยปกติ 25% ต่อปี)

เปิดมิติใหม่ของการช้อป ครบเรื่องบ้านและงานช่าง ที่แลนมาร์คใหม่ สะดวกสบายสไตล์คนเมือง กับโมเดลไฮบริดสโตร์ “โฮมโปร x เมกาโฮม บางนา-ตราด (กม.27)” เปิดบริการเต็มรูปแบบ พร้อมให้ทุกคนช้อปดูแลเรื่องบ้านให้สมบูรณ์แบบได้ง่ายกว่าที่คิด โปรโมชันสุดคุ้มตลอดเดือน เริ่ม 22 สิงหาคม 2568 – 31 สิงหาคม 2568

#โฮมโปรเมกาโฮมบางนาตราด #ไฮบริดสโตร์ #HomeProEEC #โฮมโปร #HomePro #BetterLivingเพื่อชีวิตที่ดีกว่า #homepropr

PFG ส่งมอบของขวัญอาหารสุนัขสูตรพรีเมียม ให้กับ “สุนัขทหาร” หน่วยนาวิกโยธิน กองทัพเรือ เพื่อสนับสนุนภารกิจของชาติ สานต่อเจตนารมณ์ “ดูแลคุณภาพชีวิตสัตว์เลี้ยงให้มีสุขภาพที่ดี”

กลุ่มบริษัท พัทยาฟู้ด (PFG) ผู้นำธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารทะเลของไทย ที่ยืนหยัดเคียงคู่สังคมไทยมากว่า 46 ปี ภายใต้แบรนด์ นอติลุส (Nautilus) มงกุฎทะเล (Mongkut Talay) รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม แบรนด์ รีกาลอส (Regalos) และอาหารสัตว์เลี้ยงเพื่อสุขภาพ แบรนด์ เรมี่ (Remy) เดินหน้าสานต่อพันธกิจ “เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้บริโภคอย่างองค์รวม” ผ่านการสนับสนุนผลิตภัณฑ์อาหารและขนมสุนัขคุณภาพสูงให้กับ “สุนัขทหาร” ในสังกัดหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน

นายปริติ เกียรติศรีชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นอติลุสฟู้ด กล่าวว่า “กลุ่มบริษัทพัทยาฟู้ด (Pataya Food Group, PFG) ในฐานะผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมอาหารสุขภาพเพื่อผู้บริโภคคนไทย โดยพัฒนาและเปิดตัวผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงครั้งแรกในปี พ.ศ. 2562 ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมที่ผลิตจากปลาทูน่า วัตถุดิบธรรมชาติคุณภาพดี ปราศจากเกลือและวัตถุกันเสีย มีสารอาหารครบถ้วนถูกหลักโภชนาการ มีรสชาติอร่อยและหลากหลาย เดินหน้าสานต่อพันธกิจ “เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้บริโภคอย่างองค์รวม” ผ่านการสนับสนุนผลิตภัณฑ์อาหารและขนมสุนัขคุณภาพสูงให้กับ “สุนัขทหาร” ในสังกัดหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน”

ปัจจุบัน สุนัขทหารถือเป็นกำลังสำคัญของกองทัพไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนที่ต้องเผชิญสถานการณ์ไม่สงบ สุนัขเหล่านี้ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ตรวจค้นวัตถุระเบิด ค้นหาผู้บุกรุก และเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง ซึ่งต้องอาศัยความแข็งแรง ความอดทน และการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง การได้รับอาหารที่มีคุณภาพสูง จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้สุนัขทหารมีพละกำลังและสุขภาพดี พร้อมทำงานเพื่อความปลอดภัยของประเทศ

PFG เล็งเห็นความสำคัญของภารกิจนี้ จึงได้สนับสนุนผลิตภัณฑ์อาหารสุนัข และ ขนมสุนัขเลีย จากแบรนด์ รีกาลอส และ เรมี่ โดยมี นาวาโท เมฆินทร์ พลโคตร ผู้บังคับกองพันลาดตระเวน กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เป็นผู้รับมอบ ณ กองบัญชาการ กองทัพเรือ วังนันทอุทยาน โดยมีตัวแทนผู้บริหาร PFG เข้าร่วมในกิจกรรมนี้

อาหารสุนัข และ ขนมสุนัขเลีย แบรนด์ รีกาลอส และ เรมี่ ซึ่งเกิดขึ้นจากความเข้าใจในความต้องการของสุนัข ที่ผ่านการคิดค้นและพัฒนาร่วมกับทีมสัตวแพทย์และนักโภชนาการสัตว์เลี้ยง ด้วยสูตรอาหารที่ใช้โปรตีน คุณภาพสูง

จากปลาทูน่า และ ปลาแซลมอน จากธรรมชาติ คุณภาพเกรดเดียวกับอาหารคน อุดมไปด้วยโภชนาการอาหารที่ดีสำหรับสุนัข มีกรดไขมันโอเมก้า 3 และ 6 และ มีกรดอะมิโนจำเป็น เพื่อสร้างสมดุลให้ระบบร่างกาย ย่อยง่าย ลดความเสี่ยงต่ออาการแพ้อาหาร รวมทั้งช่วยเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ และ การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการอักเสบของข้อต่อ อีกทั้งยังช่วยบำรุงขนและผิวหนังให้แข็งแรงอีกด้วย ภายใต้การควบคุมมารตฐานในการผลิตระดับสากล ดังนั้นการมอบอาหารสำหรับสุนัขทหาร ในครั้งนี้ จึงไม่ใช่เพียงการเติมพลัง แต่ยังเป็นการส่งมอบของขวัญสุขภาพดี ที่ให้ด้วยรัก เพื่อสนับสนุนให้เหล่าสุนัขทหารปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มศักยภาพ และ พร้อมเผชิญทุกภารกิจเพื่อความปลอดภัยของประเทศ

“ในฐานะองค์กรที่ดำเนินธุรกิจด้านอาหาร เราเชื่อว่าคุณภาพชีวิตที่ดีเริ่มต้นจากโภชนาการที่เหมาะสม ไม่ว่าจะสำหรับคนหรือสัตว์เลี้ยง การสนับสนุนครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการช่วยดูแลสุขภาพของสุนัขทหาร แต่ยังเป็นการส่งกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ทุกคนที่เสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องบ้านเมืองอีกด้วย” นายปริติ กล่าวทิ้งท้าย

ตลอดระยะเวลา 46 ปี PFG ยังคงยืนหยัดในบทบาทของ “องค์กรที่ใส่ใจคุณภาพชีวิตในทุกมิติ” และพร้อมเดินหน้าสนับสนุนภารกิจที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติในทุกโอกาส เพื่อให้ทั้งคนและสัตว์เลี้ยงมีสุขภาพดี มีคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนต่อไป

ติดตามข้อมูลข่าวสารและกิจกรรม แบรนด์ รีกาลอส (Regalos) ได้ที่

Facebook Page: Regalos Pet Food

YouTube: https://youtu.be/ixJpvBH1JiI

TIKTOK: https://www.tiktok.com/@regalospetfood

FACEBOOK: https://www.facebook.com/Regalospetfood

แบรนด์ เรมี่ (Remy) ติดตามได้ที่

Youtube  https://www.youtube.com/watch?v=Jqm-EDfZ4uY

TIKTOK: https://www.tiktok.com/@remypetfoods

FACEBOOK: https://www.facebook.com/remypetfoods

LINE OA : https://lin.ee/5W8xCkI

“มะเร็งปากมดลูก” ภัยเงียบที่คร่าชีวิตผู้หญิงไทยทุก 2 ชั่วโมงแพทย์เตือน “อย่าละเลยการตรวจคัดกรอง พร้อมฉีควัคซีน HPV ป้องกัน

“มะเร็งปากมดลูก” ยังคงเป็นหนึ่งในโรคมะเร็งที่สร้างความสูญเสียต่อผู้หญิงไทยอย่างมาก โดยเฉลี่ย ทุก ๆ 2 ชั่วโมง จะมีผู้หญิงไทย 1 คนเสียชีวิตจากโรคนี้ แม้ว่าการรณรงค์ด้านวัคซีนและการตรวจคัดกรองจะช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตลง จากเดิมที่เคยมีผู้หญิงไทยเสียชีวิตทุก 7 นาที 1 คน แต่โรคนี้ยังคงเป็นภัยเงียบที่ไม่ควรถูกมองข้าม

พญ. สมฤดี อุปลวัณณา สูตินรีแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญมะเร็งวิทยานรีเวช–ผ่าตัดส่องกล้องนรีเวช โรงพยาบาลพระรามเก้า เปิดเผยว่า มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับ 2 ของสตรีไทย รองจากมะเร็งเต้านม โดยมีอุบัติการณ์เฉลี่ย 14.9 ต่อประชากรหญิง 100,000 คน สาเหตุหลักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV (Human Papillomavirus) ซึ่งติดต่อได้ง่าย โดยเฉพาะผ่านการมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ เชื้อไวรัสดังกล่าวยังสัมพันธ์กับมะเร็งชนิดอื่น ๆ เช่น 1. มะเร็งช่องคลอด 2. มะเร็งอวัยวะเพศภายนอก 3. มะเร็งช่องปากและลำคอ และ 4. มะเร็งทวารหนัก

แม้โดยทั่วไป ร่างกายสามารถกำจัดเชื้อ HPV ได้เองภายใน 1 ปี แต่หากติดเชื้อสายพันธุ์เสี่ยงสูง เช่น HPV 16 และ 18 และระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถกำจัดได้ เซลล์บริเวณปากมดลูกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงและอาจพัฒนาเป็นมะเร็งภายในระยะเวลา 3–10 ปี “สิ่งที่น่ากังวลคือ มะเร็งปากมดลูกในระยะแรกแทบไม่แสดงอาการใดๆ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าตนเองมีความผิดปกติ จนกว่าจะเข้าสู่ระยะที่โรคลุกลามและยากต่อการรักษา”

อาการที่อาจพบเมื่อโรคดำเนินไป เช่น ตกขาวผิดปกติ มีกลิ่นเหม็นหรือปนเลือด เลือดออกขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือเลือดออกผิดปกติที่ไม่ใช่ประจำเดือน หากกดเบียดอวัยวะข้างเคียงอาจทำให้ปวดท้องน้อย ขาบวม ปวดหลัง หรือเกิดภาวะไตวาย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสัญญาณอันตรายที่ไม่ควรละเลย ควรต้องรีบมาพบแพทย์

พญ. สมฤดี อธิบายเพิ่มเติม สำหรับแนวทางการรักษา หากตรวจพบในระยะเริ่มต้นสามารถผ่าตัดได้และมีโอกาสหายสูง แต่หากเข้าสู่ระยะที่เป็นมากขึ้น (ระยะ 2–4) ไม่สามารถผ่าตัดได้ จำเป็นต้องรักษาด้วยการฉายแสงร่วมกับเคมีบำบัด และอาจใช้ยาภูมิคุ้มกันบำบัดหรือยาพุ่งเป้าร่วมด้วย ทำให้ค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงขึ้นและโอกาสหายขาดลดลง

“การฉีดวัคซีน HPV ถือเป็นเกราะป้องกันด่านแรก แต่ไม่ใช่วิธีการป้องกันที่สมบูรณ์ วัคซีนไม่สามารถป้องกันได้ 100% ดังนั้นผู้หญิงทุกคนยังคงต้องเข้ารับการตรวจคัดกรองอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการตรวจ Pap smear หรือการตรวจหาเชื้อ HPV ร่วมกัน เพื่อให้สามารถตรวจพบความผิดปกติในระยะเริ่มต้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่การรักษามีประสิทธิภาพสูงที่สุด”

ปัจจุบัน วัคซีน HPV มีให้เลือกทั้ง 2, 4 และ 9 สายพันธุ์ โดยสามารถป้องกันได้ 70–90% แนะนำให้ฉีดตั้งแต่อายุ 9 ปีขึ้นไป กลุ่มอายุ 9–15 ปี ใช้เพียง 2 เข็ม ส่วนอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปจำเป็นต้องฉีด 3 เข็ม แม้วัคซีนจะมีประสิทธิภาพสูงสุดในผู้ที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ แต่ยังคงมีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว หากยังอยู่ในช่วงอายุที่เหมาะสม

พญ. สมฤดี ทิ้งท้ายว่า อีกประเด็นที่น่าจับตาคือ ปัจจุบันมะเร็งปากมดลูกมีแนวโน้มตรวจพบในหญิงอายุน้อยลงกว่าอดีต จากเดิมที่เคยพบมากในกลุ่มอายุ 50–60 ปี กลับพบเพิ่มขึ้นตั้งแต่อายุ 30–40 ปี เคยพบผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกในอายุเพียง 26 ปี ซึ่งเกี่ยวข้องกับปัจจัยเสี่ยงหลายประการ เช่น การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย การมีคู่นอนหลายคน การสูบบุหรี่ การคลอดบุตรหลายคน รวมถึงประวัติเคยติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

“มะเร็งปากมดลูก” เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ หากผู้หญิงทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนและการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ อย่ารอให้มีอาการ เพราะนั่นอาจหมายถึงการพบโรคในระยะที่สายเกินไป การตรวจพบเร็ว คือโอกาสในการรักษาและการรอดชีวิตที่สูงกว่า

หากคุณหรือคนใกล้ชิดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง อย่ารอให้สายไป  โรงพยาบาลพระรามเก้าขอเชิญชวนผู้หญิงทุกช่วงวัย เข้ารับการฉีดวัคซีน HPV และตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอ เพราะการป้องกันตั้งแต่วันนี้ คือการรักษาชีวิตและอนาคตของคุณและคนที่คุณรัก สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 1270 หรือ Website: www.praram9.com / Line: lin.ee/vR9xrQs หรือ @praram9hospital และ Facebook: Praram9 Hospital โรงพยาบาลพระรามเก้า HEALTHCARE YOU CAN TRUST เรื่องสุขภาพ…ไว้ใจเรา #Praram9Hospital อย่าลืมชวนคนที่คุณรัก มาร่วม “โอบกอดสุขภาพดีไปด้วยกัน” เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นในทุก ๆ วัน

YOUTHLABO จัดงาน “Exclusive Sneak Peek” เผยโฉมแบรนด์เดอร์มา-ไซเอนซ์จากเกาหลี พร้อมนักพัฒนาแบรนด์บินตรงร่วมงาน

COSMAX (คอสแมกซ์) และ aCommerce (เอคอมเมิร์ซ) จัดงาน Exclusive Sneak Peek” มอบประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟให้สื่อมวลชนไทยได้เป็นกลุ่มแรกที่สัมผัส YOUTHLABO (ยูธลาโบ) แบรนด์สกินแคร์แนวคิดใหม่ที่ผสานศาสตร์แห่งความงามและนวัตกรรมวิทยาศาสตร์เพื่อผิว (Derma–Science) จากเกาหลีใต้ ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย

งานจัดขึ้น ณ Flat+White Café โดยได้รับเกียรติจาก คุณจีน่า เบ (Mrs. Gina Bae) นักพัฒนาและตัวแทนแบรนด์ YOUTHLABO ที่บินตรงจากเกาหลีใต้เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวและจิตวิญญาณของแบรนด์ด้วยตนเอง

คุณจีน่า เบ (Mrs. Gina Bae) นักพัฒนาและตัวแทนแบรนด์ YOUTHLABO ให้ข้อมูลว่า “YOUTHLABO เกิดจากคำถามง่ายๆ ว่า ‘เราจะสร้างผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลลัพธ์ทรงพลังเหมือนทรีตเมนต์ในคลินิก แต่ยังอ่อนโยนพอให้ใช้ได้ทุกวัน ได้อย่างไร’ หัวใจของเราคือวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้จริง            เราต้องการมอบโซลูชันที่แท้จริง ไม่ใช่เพียงคำสัญญา และเรารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้นำ YOUTHLABO มามอบให้ผู้บริโภคชาวไทยได้สัมผัส”

ด้านคุณอภิรดา ธนพรวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ ประจำประเทศไทย               บริษัท เอคอมเมิร์ซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมถึงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้ว่า

“การได้ทำงานร่วมกับคุณจีน่าและทีม COSMAX ทำให้เราได้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่อยู่เบื้องหลังผลิตภัณฑ์ทุกชิ้น เรามั่นใจว่า ด้วยเรื่องราวที่แข็งแกร่งและคุณภาพที่ยอดเยี่ยม YOUTHLABO จะก้าวขึ้นเป็นแบรนด์สกินแคร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในประเทศไทย”

YOUTHLABO จะเริ่มวางจำหน่ายวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ผ่าน Shopee Official Store เป็นช่องทางแรก ก่อนขยายสู่ TikTok Shop และ Lazada Shop ในเดือนถัดไป #youthlabo #youthlaboth  #สกินแคร์ลับจากเกาหลี #ผิวสวยก่อนใคร

ศรัทธาที่หายไปใน ITA , บทเรียนเรื่องความโปร่งใสและความเป็นอิสระ

ความสิ้นหวังในผลการประเมิน ITA ที่เกิดขึ้นในไทยเป็นเรื่องที่เข้าใจได้  ในต่างประเทศก็มีองค์การและเครื่องมือที่ใช้ประเมินความโปร่งใสและคุณธรรมในภาครัฐเหมือนกัน ต่างกันตรงที่ตปท.เน้นที่ความเป็นสากล ความเป็นอิสระ และการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน เพื่อสะท้อนภาพผลลัพธ์ที่แท้จริง

เครื่องมือและวิธีการประเมินของสากล องค์การระดับโลกอย่าง Transparency International(TI) เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด เพราะไม่ได้ใช้แค่ตัวชี้วัดเดียว แต่ใช้ประกอบกัน หลาย ๆตัวอาทิ ดัชนีรับรู้การทุจริต Corruption Perceptions Index (CPI) ตัวดังที่สุดของ TI ทั่วโลกใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงหลัก / CPI ไม่ได้ไปถามคนในภาครัฐโดยตรง แต่ใช้วิธีรวบรวมข้อมูลจากแหล่งสำรวจที่น่าเชื่อถือต่าง ๆ เช่น ธนาคารโลก, กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และ World Economic Forum เป็นต้น ข้อมูลที่นำมาประเมินก็มาจากนักธุรกิจและนักวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกให้เป็น “ภาพสะท้อนจากมุมมองภายนอก” ที่กว้างขวางและเป็นกลาง

ระบบความซื่อตรงแห่งชาติ National Integrity System (NIS) เป็นการวิเคราะห์แบบเจาะลึกในแต่ละประเทศ โดยประเมิน “เสาหลัก” ต่าง ๆ ของประเทศ เช่น ฝ่ายนิติบัญญัติ (รัฐสภา), ฝ่ายบริหาร (รัฐบาล), ฝ่ายตุลาการ (ศาล), ภาคประชาสังคม, และสื่อมวลชน เพื่อดูว่าแต่ละส่วนแข็งแกร่งแค่ไหนในการตรวจสอบถ่วงดุลและป้องกันการทุจริต การประเมินนี้ไม่ได้ดูแค่ว่ามีกฎหมายหรือนโยบายอะไรบ้าง แต่จะดูว่าในทางปฏิบัติแล้วมันทำงานได้จริงหรือเปล่า

บารอมิเตอร์การทุจริตโลก Global Corruption Barometer (GCB) เป็นการสำรวจ “ความคิดเห็นและประสบการณ์ตรงของประชาชนทั่วไป” เกี่ยวกับเรื่องการทุจริตที่เคยเจอ เช่น ประสบการณ์การจ่ายสินบนเพื่อใช้บริการของหน่วยงานรัฐ การประเมินแบบนี้ทำให้ได้ข้อมูลจากภาคประชาชนจริง ๆ ซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญมาก ที่ถูกมองข้ามไป

ถ้าจะเทียบกับการประเมิน ITA ของไทยที่หลายคนรู้สึกว่าเป็นการ “สอบภายใน” ที่ต้องทำคะแนนเพื่อให้องค์การดูดี การประเมินของต่างประเทศเหมือนการ “ประเมิน 360 องศา” ที่มองจากหลายมุมมองมาก ๆ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผลการประเมินขององค์การเหล่านี้ถึงมีอิทธิพลในระดับโลกนั่นเอง

บทความโดย
น.ส.วีรินทร์ อรวัฒนพันธุ์ ผอ.ฝ่ายสื่อสารองค์กร สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC

ห้ามพลาด! เสวนาวงการหนัง-ซีรีส์ จุดประกายคอนเทนต์ไทยบนเวทีโลก ภายใต้งาน “Content Project Market 2025” 10-12 กันยายน 2568 ที่ True Digital Park

สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA เตรียมเปิดเวทีสำคัญให้กับนักสร้างสรรค์ไทยในงาน “Content Project Market” ตลาดซื้อขายคอนเทนต์สุดยิ่งใหญ่แห่งปี ซึ่งจัดเป็นปีที่ 2 ภายใต้โครงการ “Content Lab 2025 สร้างสรรค์คอนเทนต์ไทย ดันไกลสู่สากล” ในระหว่างวันที่ 10 – 12 กันยายน 2568 ณ True Digital Park (East) ชั้น 6 – 7 โดยภายในงานพบกับ 5 เวทีเสวนาที่เจาะลึกโอกาส การเข้าถึงแหล่งทุน ความท้าทายและทิศทางของวงการภาพยนตร์และซีรีส์ไทยในระดับภูมิภาคและระดับโลก พร้อมกับ 16 ผู้เชี่ยวชาญตัวจริงจากอุตสาหกรรมคอนเทนต์ทั้งในและต่างประเทศ ที่จะมาแบ่งปันประสบการณ์และกลยุทธ์สร้างคอนเทนต์ให้โดดเด่นในตลาดโลก ห้ามพลาด! เข้าร่วมฟรี ลงทะเบียนได้ที่ sites.google.com/view/cpm2025-forum

“Content Project Market” เปิด 5 เวทีเสวนาเจาะลึกโอกาสของคอนเทนต์ไทย ดังนี้

  • วันที่ 10 กันยายน 2568
  • Session 1: “แหล่งทุนที่ยังรอสำรวจในเอเชีย: โอกาสและความท้าทายของคนทำหนัง” (Navigating the Landscape of Asian Film Funds: Opportunities and Challenges for Filmmakers) โดย SHU-KUAN SU ผู้อำนวยการ Taiwan Creative Content Agency (TAICCA) ดำเนินการเสวนาโดย คุณภาณุ อารี ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการลิขสิทธิ์ เนรมิตรหนัง ฟิล์ม ที่จะมานำเสนอภาพรวมของแหล่งทุนจากภาครัฐในเอเชีย ที่มีบทบาทต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมภาพยนตร์และซีรีส์ พร้อมแนะนำโครงสร้างและกลไกของการให้ทุน จุดเด่นของแต่ละหน่วยงาน และกรณีศึกษาจากโปรเจ็กต์ที่ได้รับการสนับสนุน รวมถึงร่วมแลกเปลี่ยนเทคนิคการนำเสนอผลงาน การเลือกแหล่งทุนให้เหมาะกับโปรเจ็กต์ ตลอดจนแนวทางการรับมือกับความท้าทายด้านการตลาดในระดับนานาชาติอย่างสร้างสรรค์
  • เวลา 14.30 – 16.00 น. *เสวนาเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมผู้ดำเนินรายการแปลเป็นภาษาไทย
  • วันที่ 11 กันยายน 2568
  • Session 2: “การร่วมทุนสร้างในเอเชียแปซิฟิก – ความร่วมมือในภูมิภาคสู่ตลาดโลก” (Co-production and Collaboration in the Asia – Pacific Film Industry: Moving Towards the Global Stage) โดย หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล ประธานคณะอนุกรรมการภาพยนตร์และซีรีส์ ในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ, คุณคัทลียา เผ่าศรีเจริญ โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์เรื่อง ‘ผีใช้ได้ค่ะ’ จากค่ายหนังอิสระ 185 FILMS และ NELSON MOK ประธานกรรมการบริหาร บริษัท Mokster Films ที่จะพาไปสำรวจโอกาสและความท้าทายของการร่วมทุนสร้าง (Co-production) ระหว่างประเทศในเอเชียแปซิฟิก ตั้งแต่เรื่องนโยบายจากภาครัฐ กลยุทธ์การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ รวมถึงเรียนรู้รูปแบบการเงินที่หลากหลาย เทคนิคการนำเสนอโปรเจ็กต์ในต่างประเทศ และแนวทางการสร้างสมดุลระหว่างวิสัยทัศน์ทางศิลปะกับความเป็นไปได้ทางธุรกิจ
  • เวลา 13.30 – 15.00 น. *เสวนาเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมผู้ดำเนินรายการแปลเป็นภาษาไทย
  • Session 3: “กลยุทธข้ามแดน: ภาพยนตร์และซีรีส์อาเซียนสู่การเดินทางไกลไปทั่วโลก” (Beyond Borders: Strategies for ASEAN Films and Series to Travel and Thrive Across the Region) โดย RUBEN HATTARI ผู้อำนวยการนโยบายสาธารณะของ Netflix ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, LIZ SHACKLETON ผู้ก่อตั้งและบรรณาธิการ (Founder & Editor) Streamlined และ LE MINH HANG TRINH ผู้สร้างภาพยนตร์ โปรดิวเซอร์ และผู้ก่อตั้ง Skyline Media ชวนสำรวจอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของเนื้อหาภาพยนตร์และซีรีส์จากภูมิภาคอาเซียนในเวทีระดับโลก โดยมุ้งเน้นด้านความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ตลอดจนกลยุทธ์เบื้องหลังความสำเร็จในระดับสากล ตั้งแต่การเล่าเรื่องที่หลากหลายของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไปจนถึงพฤติกรรมการรับชมของผู้ชมผ่านโรงภาพยนตร์ แพลตฟอร์มสตรีมมิง และโทรทัศน์ ไปจนถึงข้อมูลเชิงลึกด้านการตลาด กรณีศึกษาจากแต่ละประเทศ และเทรนด์เฉพาะของแต่ละแพลตฟอร์ม พร้อมการแบ่งปันประสบการณ์จริงและกลยุทธ์ช่วยผลักดันคอนเทนต์อาเซียนให้ก้าวข้ามพรมแดน และขยายการเข้าถึงตลาดโลกได้อย่างเป็นรูปธรรม
  • เวลา 15.30 – 17.00 น. *เสวนาเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมผู้ดำเนินรายการแปลเป็นภาษาไทย
  • วันที่ 12 กันยายน 2568
  • Session 4: “ไม่ใช่แค่เรื่องงบ: เริ่มต้นจนจบกระบวนการสร้างสรรค์งานแบบโปรดิวเซอร์” (Beyond the Budget: How Producers Shape Creative Vision) โดย คุณสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร M STUDIO, คุณนลินา ชยสมบัติ Executive Producer และกรรมการผู้จัดการ จังก้า สตูดิโอ (Jungka Studio) และ คุณวรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์ โปรดิวเซอร์ผู้บุกเบิกวงการภาพยนตร์ไทยจาก GDH559 พาไปสำรวจบทบาทของโปรดิวเซอร์ในทุกขั้นตอนการสร้างสรรค์ภาพยนตร์และซีรีส์ ตั้งแต่การพัฒนาแนวคิด พิจารณาศักยภาพโปรเจ็กต์ การคัดเลือกทีมงาน การจัดการการผลิต ไปจนถึงกลยุทธ์การตลาดและจัดจำหน่าย พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ตรงจากโปรดิวเซอร์แถวหน้าของไทย และมุมมองต่ออนาคตของบทบาทโปรดิวเซอร์ในอุตสาหกรรมบันเทิงไทยและระดับนานาชาติ
  • เวลา 13.30 – 15.00 น.
  • Session 5: “อนาคตของเทรนด์คอนเทนต์ไทย: การจุดกระแสความนิยมในภาพยนตร์และซีรีส์” (The Future of Thai Narrative: Trends Shaping Film and Series Production) โดย คุณพุฒิพงษ์ นาคทอง ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง ‘4 KINGS อาชีวะ ยุค 90’s’ และภาคต่อ ‘4 KINGS 2’, คุณอารักษ์ อมรศุภศิริ ผู้กำกับและคนเขียนบทภาพยนตร์ ‘The Stone พระแท้ คนเก๊’ และ คุณญฐพล บุญประกอบ ผู้กำกับซีรีส์ ‘สงครามส่งด่วน’ ที่จะพาไปสำรวจภาพรวมของการพัฒนาและแนวโน้มคอนเทนต์ไทย ที่ก้าวขึ้นมาเป็นกระแสและประสบความสำเร็จทั้งในประเทศและระดับสากล ผ่านมุมมองของผู้อยู่เบื้องหลังผลงานระดับปรากฏการณ์ ร่วมเรียนรู้การพัฒนาไอเดียเฉพาะตัว กลยุทธ์การเล่าเรื่องที่เข้าถึงผู้ชมในวงกว้าง ไปจนถึงการขยายตลาดและแลกเปลี่ยนบทเรียนในการสร้างเทรนด์ใหม่ ๆ ให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์และซีรีส์ไทยในอนาคต
  • เวลา 15.30 – 17.00 น.

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ Content Lab 2025 และงาน Content Project Market ได้ที่เพจเฟซบุ๊ก Content Lab หรือสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้แล้ววันนี้ที่ sites.google.com/view/cpm2025-forum

“Regalos – รีกาลอส” ฉลองครบรอบ 7 ปี มอบของขวัญขอบคุณแก่ลูกค้าและสังคมพร้อมจัดแคมเปญใหญ่ “ว้าว 7 ปี แฮปปี้ Regalos”นำรายได้ส่วนหนึ่งช่วยเหลือ“มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ”

นายปริติ เกียรติศรีชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นอติลุสฟู้ด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Regalos – รีกาลอส แบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงคุณภาพเกรดพรีเมียม ในกลุ่มบริษัทพัทยาฟู้ด (PFG – Pataya Food Group) ฉลองครบรอบ 7 ปีแห่งความสำเร็จ ตอกย้ำการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง ด้วยการเดินหน้าจัดแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ “ว้าว 7 ปี แฮปปี้ Regalos” เพื่อถ่ายทอดความสุข ความผูกพัน และความตั้งใจส่งต่อคุณภาพชีวิตที่ดีไปสู่ลูกค้า สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมกิจกรรมพิเศษร่วมกับพรีเซนเตอร์ของแบรนด์ “นนน กรภัทร์” อย่างใกล้ชิด นำรายได้ส่วนหนึ่งจากแคมเปญไปช่วยเหลือ “มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ” โดยมี นางสาวสุดาทิพ เกียรติศรีชาติ กรรมการ กลุ่มบริษัท พัทยาฟู้ด ร่วมงานด้วย ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันก่อน

สำหรับผู้ที่สนใจเป็นครอบครัวเดียวกับ Regalos – รีกาลอส สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Page: Regalos Pet Food

พร้อมติดตามโฆษณา Regalos ได้ที่

YouTube: https://youtu.be/ixJpvBH1JiI

TIKTOK: https://www.tiktok.com/@regalospetfood

FACEBOOK: https://www.facebook.com/Regalospetfood

JobThai – THiNKNET ส่งมอบรถตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ และตู้ชีวนิรภัยเสริมแกร่งโรงพยาบาลกำแพงเพชร ยกระดับการเข้าถึงบริการสุขภาพชุมชนห่างไกล

เพราะสุขภาพที่ดีคือรากฐานของชีวิตที่มีคุณภาพ จ๊อบไทยแพลตฟอร์มหางานและหาบุคลากรออนไลน์ชั้นนำของไทย ร่วมกับ บริษัท ทิงค์เน็ต จำกัด เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ด้วยการมอบ “รถบริการตรวจสุขภาพและตรวจเลือดเคลื่อนที่” และ “ตู้เก็บตัวอย่างชีวนิรภัยแบบเคลื่อนที่ จำนวน 2 ตู้” ให้แก่โรงพยาบาลกำแพงเพชร เพื่อเสริมศักยภาพการให้บริการทางการแพทย์ในพื้นที่ห่างไกลและยากต่อการเข้าถึง

พิธีส่งมอบจัดขึ้น ณ วัดป่าดอยลับงา จังหวัดกำแพงเพชร โดยมีพระครูอรรถกิจนันทคุณ (นพดล นันทโน) เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา และแพทย์หญิงอังคณา อุปพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกำแพงเพชร ร่วมรับมอบอย่างเป็นทางการ พร้อมด้วยคุณแสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าผู้บริหารด้านปฏิบัติการของจ๊อบไทยเป็นผู้แทนส่งมอบ

นางสาวแสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าผู้บริหารด้านปฏิบัติการของจ๊อบไทย (JobThai) กล่าวถึงความมุ่งมั่นขององค์กรในการดำเนินโครงการนี้ว่า “สุขภาพเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน แต่ยังมีผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะในชุมชนห่างไกลและกลุ่มเปราะบาง ที่ไม่สามารถเข้าถึงการตรวจสุขภาพหรือบริการทางการแพทย์ได้อย่างทั่วถึง เราจึงมุ่งมั่นสนับสนุนโครงการ CSR นี้ เพื่อส่งต่อโอกาสและเพิ่มความเท่าเทียมในการดูแลสุขภาพแก่ทุกคนในสังคม”

“รถบริการตรวจสุขภาพและตรวจเลือดเคลื่อนที่” ได้รับการออกแบบอย่างครบครัน ติดตั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์มาตรฐานห้องปฏิบัติการสากล อาทิ เครื่องวัดความดันโลหิต วัดอัตราการเต้นหัวใจ ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ วัดค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดและสามารถเจาะเลือดเพื่อเก็บส่งวิเคราะห์เลือดเพื่อใช้ในการประเมินสุขภาพและวางแผนการรักษาในอนาคต หรือเพื่อการดูแลรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน

นอกจากนี้ “ตู้เก็บตัวอย่างชีวนิรภัยแบบเคลื่อนที่” จำนวน 2 ตู้ ยังได้รับการออกแบบตามมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูง มีเป็นระบบความดันบวก และมีระบบกรองอากาศผ่าน HEPA Filter เพื่อให้ในตู้เก็บตัวอย่างปราศจากเชื้อโรคและสารปนเปื้อน ซึ่งมีมาตรฐานเดียวกันกับในห้องผ่าตัด รวมทั้งมีการติดตั้งระบบปรับอากาศเพื่อความสะดวกสบายของผู้ใช้งาน และติดตั้งระบบเก็บตัวอย่างในอุณหภูมิที่เหมาะสม สามารถเก็บตัวอย่างได้เป็นระยะเวลานาน ทั้งยังมีระบบฆ่าเชื้อโรคภายในห้องโดย UV-C และภายนอกด้วยการฉีดพ่นน้ำยาเชื้อโรคด้วย อีกทั้งสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ภาคสนามและสถานการณ์ฉุกเฉิน

ด้าน แพทย์หญิงอังคณา อุปพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกำแพงเพชร กล่าวว่า “การได้รับอุปกรณ์สำคัญเหล่านี้ จะช่วยเสริมศักยภาพในการให้บริการด้านสุขภาพชุมชนของโรงพยาบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประชาชนในพื้นที่ห่างไกลและกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งอุปกรณ์จะช่วยลดข้อจำกัดในการเข้าถึงบริการและทำให้การดูแลสุขภาพมีความครอบคลุมและทั่วถึงยิ่งขึ้น”

ทั้งนี้ รถตรวจสุขภาพและตู้ชีวนิรภัยเคลื่อนที่ ผลิตและพัฒนาโดยบริษัท พัลซ ไซเอนซ์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ระดับมาตรฐานสากล ครอบคลุมทั้งเครื่องมือแพทย์ ห้องปฏิบัติการ และการออกแบบก่อสร้างห้องคลีนรูมสำหรับห้องผ่าตัด ห้องปฏิบัติการด้านการเจริญพันธุ์ ห้องตรวจหาเชื้อแรงดันลบ (COVID) อ้างอิงตามเกณฑ์มาตรฐาน CDC และ WHO เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งาน ผู้ที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริษัท พัลซ ไซเอนซ์ จำกัด ติดต่อคุณธัชพนธ์ โชคสุชาติ 0924348228

จ๊อบไทย และ ทิงค์เน็ต ยังคงมุ่งมั่นที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกพื้นที่ ด้วยการสนับสนุนและส่งมอบเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ช่วยเสริมศักยภาพการดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืน เพื่อให้ทุกคนได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมและทั่วถึงในอนาคตต่อไป