The Food School Bangkok ผนึก 2 พันธมิตรยักษ์ใหญ่ มอบทุนกว่า 1.5 ล้านบาทเปิดตัว “Future Chef of the World 2025” ปั้นเชฟคนไทยสู่แถวหน้าวงการอาหารโลก

The Food School Bangkok เปิดตัวโครงการระดับชาติ “Future Chef of the World 2025”     เพื่อเฟ้นหาและผลักดันเชฟคนไทยให้ก้าวไกลสู่ระดับนานาชาติ ภายใต้แนวคิด “Rethink Culinary Sustainability” ผนึกกำลัง 2 พันธมิตรยักษ์ใหญ่ในวงการอาหารและธุรกิจค้าส่งวัตถุดิบ ได้แก่ กลุ่มน้ำตาลมิตรผล และ โก โฮลเซลล์ (GO WHOLESALE) พร้อมมอบทุนการเรียนทำอาหารรวมมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท โดยเปิดรับสมัครผู้สนใจทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 25 พฤษภาคม 2568

ด้วยเป้าหมายในการสร้างสรรค์บุคลากรคุณภาพ และสนับสนุนแนวคิดด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรมอาหาร โครงการนี้เปิดกว้างสำหรับผู้ที่มีใจรักในศาสตร์การประกอบอาหารทุกแขนง ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย อาหารญี่ปุ่น และของหวานสไตล์อิตาเลียน โดยเน้นการบูรณาการความรู้ด้านอาหารเข้ากับนวัตกรรม การบริหารจัดการ และความคิดสร้างสรรค์ เพื่อยกระดับมาตรฐานเชฟไทยสู่ระดับสากล

The Food School Bangkok ในฐานะศูนย์กลางการเรียนรู้อาหารระดับนานาชาติและแหล่งบ่มเพาะผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ได้รับการสนับสนุนจาก 3 สถาบันอาหารชั้นนำของโลก ได้แก่ วิทยาลัยดุสิตธานี (ประเทศไทย), TSUJI Culinary Institute (ญี่ปุ่น) และ ALMA – The School of Italian Culinary Arts (อิตาลี) โดยโครงการนี้ถือเป็นการลงทุนใน “ทุนมนุษย์” ที่เน้นสร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่ ผู้ประกอบการ และผู้หลงใหลในการทำอาหารได้เติบโตบนพื้นฐานของ “ความคิดสร้างสรรค์” และ “ความยั่งยืน” ซึ่งกำลังกลายเป็นแก่นสำคัญของอุตสาหกรรมอาหารโลก

นายศิรเดช โทณวณิก กรรมการบริหาร The Food School Bangkok  กล่าวว่า “โครงการ Future Chef of the World 2025 ไม่ได้เป็นเพียงการแข่งขัน แต่เป็นพื้นที่แห่งโอกาสสำหรับผู้มี Passion ในการทำอาหาร โดยเปิดโอกาสให้ผู้เข้าแข่งขันได้เรียนรู้จากหลักสูตรมาตรฐานระดับโลก พร้อมคำปรึกษาจากเซเลบริตี้เชฟและเชฟมืออาชีพจาก   The Food School เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจ กล้าคิด กล้าทำ และเติบโตอย่างยั่งยืนในเวทีระดับนานาชาติเรามีความมุ่งมั่นในการสร้างระบบนิเวศด้านการเรียนรู้ที่ครบวงจรให้แก่คนรุ่นใหม่ เพื่อให้พวกเขาสามารถเชื่อมโยงทักษะทางอาหารเข้ากับมุมมองทางธุรกิจและแนวคิดด้านความยั่งยืนได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะกลายเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารของประเทศไทยในอนาคต”

นายผรินทร์ อมาตยกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการตลาด – กลุ่มมิตรผล กล่าวว่า “เราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่ส่งเสริมศักยภาพของมืออาชีพในวงการอาหารไทยเพื่อร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารของไทยให้ก้าวไกลในระดับโลก โดยน้ำตาลเป็นวัตถุดิบพื้นฐานที่มีบทบาทสำคัญในทุกเมนู ไม่ว่าจะเป็นอาหารคาวหวาน หรือเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คน การสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเลือกใช้น้ำตาลที่มีอยู่หลากหลายประเภทได้อย่างเหมาะสม จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราให้ความใส่ใจ โดยเรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มอบโอกาสทางการศึกษาให้แก่นักเรียนทุนของ The Food School Bangkok เพื่อช่วยเติมเต็มองค์ความรู้และประสบการณ์ พร้อมด้วยโอกาสที่ดีมาสู่ผู้ที่ตั้งใจประกอบอาชีพด้านนี้ เพื่อให้พวกเขาสามารถบ่มเพาะทักษะ สร้างสรรค์แนวคิดทางอาชีพ และเติบโตเป็นเชฟมืออาชีพ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพและเพิ่มขีดความสามารถให้แก่วงการอาหารของประเทศไทยให้พัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป”

นายริคาร์โด้ เบารอตโต้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจ เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ ประเทศไทย (โก โฮลเซลล์ : GO WHOLESALE) กล่าวว่า “โก โฮลเซลล์ เป็นศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหารที่มีความสดใหม่ตลอดเวลาเพื่อผู้ประกอบการ มีเป้าหมายในการเป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุดของผู้ประกอบการธุรกิจอาหาร เราเชื่อว่าความสำเร็จของเชฟในยุคนี้ ไม่ได้จำกัดอยู่ที่ฝีมือในการทำอาหารเท่านั้น แต่ต้องมีความเข้าใจในธุรกิจ ความคิดสร้างสรรค์ และการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ เราจึงร่วมมือกับ The Food School เพื่อเชื่อมโยงห้องเรียนเข้ากับโลกแห่งความจริง ให้ผู้เข้าแข่งขันได้ฝึกฝนผ่านเครื่องมือและสถานการณ์จริงที่เราสนับสนุนอย่างเต็มที่ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมศักยภาพที่มีอยู่ให้โดดเด่น และสามารถเจริญเติบโตในสายอาชีพได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน”

โอกาสพิเศษสำหรับผู้มีใจรักในการทำอาหารทุกคน! ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยใด หรือมีพื้นฐานการศึกษาเช่นไร หากคุณพร้อมที่จะแสดงออกถึงความหลงใหลและประสบการณ์ผ่านปลายจวัก

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถส่งผลงานในรูปแบบวิดีโอความยาว 3-5 นาที โดยนำเสนอแนวคิด “Rethink Culinary Sustainability” ถ่ายทอดแรงบันดาลใจผ่านเมนูอาหารที่สร้างสรรค์ด้วยวัตถุดิบท้องถิ่น สะท้อนถึงความยั่งยืนและนวัตกรรม พร้อมแนบเอกสารแนะนำตัว ภาพถ่ายเมนู และหลักฐานการศึกษา เพื่อก้าวสู่โอกาสแห่งการเรียนรู้ในระดับโลก พร้อมทุนสนับสนุนเต็มที่

📅 เปิดรับสมัครตั้งแต่ 1 เมษายน – 25 พฤษภาคม 2568
🌐 สมัครได้ที่: https://forms.office.com/r/b5LPb9nG64
📱 สอบถามเพิ่มเติม: โทร. 02-150-8786 | 093-578-3992
📲 ติดตามข่าวสารได้ทาง Social media ของ The Food School Bangkok

JGAB 2025 เปิดเวที The Next Gem Awards 2025เฟ้นหาดีไซน์เนอร์เครื่องประดับรุ่นใหม่

นายธัชพล วงษ์รักษา รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย มอบโล่และเงินรางวัล 20,000 บาท แก่ นายติโลตตมา แก้วมาระวัง จากมหาวิทยาลัยบูรพา ผู้ชนะเลิศอันดับหนึ่งในการประกวด “The Next Gem Awards 2025″ การประกวดออกแบบเครื่องประดับเพื่อเฟ้นหานักออกแบบรุ่นใหม่ที่มีไอเดียและความคิดสร้างสรรค์โดดเด่น นอกจากนี้ ยังมีทีมที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่งและรองชนะเลิศอันดับสอง ได้แก่ นายชาคร บุษยากุล, นางสาวอภิญญา ศรีคำ, นางสาวนลพรรณ หมายเหนี่ยวกลาง, นางสาวพรรณ์เพ็ชร์ ชินวัฒน์ไพบูลย์ และนายฐิติกร ใยคำ จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ขึ้นรับรางวัลด้วย ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ZHULIAN จุดไฟฝันเยาวชนไทย เปิด “ZHULIAN Football Club Academy” เติมโอกาส เปลี่ยนชีวิต ปลุกพลังนักเตะรุ่นใหม่สู่สนามระดับชาติ

บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำพันธกิจในการเป็นพลังขับเคลื่อนสังคมไทยอย่างยั่งยืน ล่าสุดเดินหน้ายกระดับโอกาสใหม่ให้เยาวชนไทย ผ่านโครงการ “ZHULIAN Football Club Academy” สถาบันฝึกสอนฟุตบอลสำหรับเยาวชนอายุ 8–15 ปี ที่มุ่งหวังให้เยาวชนได้ใช้เวลาว่างอย่างสร้างสรรค์ เสริมสร้างทักษะชีวิต และปูทางสู่อนาคตที่สดใสในเส้นทางนักกีฬามืออาชีพ

คุณณัฐชานนท์ จุลล์จักรวงศา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด (CMO) บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เราเชื่อมั่นในศักยภาพของเยาวชนไทย แต่หลายครั้งเด็ก ๆ เหล่านี้ขาดเพียงโอกาสที่เหมาะสม เราจึงตั้งใจสร้างพื้นที่นี้เพื่อให้เยาวชนใช้เวลาว่างอย่างมีคุณค่า นอกจากการฝึกฝนทักษะฟุตบอล ยังได้เรียนรู้วินัย ความรับผิดชอบ และการทำงานเป็นทีม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตเป็นบุคคลที่มีคุณภาพในอนาคต ZHULIAN Football Club Academy จะไม่เพียงสอนฟุตบอล แต่จะสอนการใช้ชีวิต และสร้างสะพานสู่ความสำเร็จให้เยาวชนก้าวไกลไปสู่โรงเรียนกีฬาชั้นนำ หรือแม้แต่สู่เส้นทางนักฟุตบอลทีมชาติในวันข้างหน้า”

เพื่อให้การฝึกซ้อมมีคุณภาพสูงสุด ZHULIAN ดึงตัวโค้ช พีรทรรศน์ โพธิ์เรือนดี ผู้คร่ำหวอดในวงการฟุตบอลไทย มาร่วมเป็นหัวเรือใหญ่ในการอบรมเยาวชน โดยหัวหน้าโค้ชถือใบอนุญาตระดับ AFC A-License พร้อมประสบการณ์ทั้งในฐานะนักเตะและโค้ชระดับมืออาชีพ เคยคว้าแชมป์ไทยลีก 2 สมัย, รองแชมป์สโมสรเอเชีย, ติดทีมชาติไทยทุกชุด ทั้งชุดเยาวชน, ชุดปรีโอลิมปิก, ชุดเอเชียนเกมส์ และชุดใหญ่ในรายการสำคัญระดับนานาชาติ นอกจากนี้ยังเคยเป็นหัวหน้าโค้ชและผู้ช่วยโค้ชให้กับหลายสโมสรชั้นนำในไทยลีก ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยโค้ชทีมการท่าเรือ เอฟซี

นอกจากนี้ยังมีทีมผู้ช่วยสตาฟโค้ชที่มีชื่อเสียงและความสามารถระดับแถวหน้าของวงการลูกหนังเมืองไทย    นำโดย

  • พันจ่าอากาศเอก สีหศักดิ์ อาจหาญ หัวหน้าผู้ฝึกสอนชุดใหญ่
  • อดินันท์ เจะเตะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนชุดเล็ก
  • โมรี่ คามาร่า ผู้ฝึกสอนรักษาประตู

คุณณัฐชานนท์ จุลล์จักรวงศา กล่าวปิดท้ายว่า “โครงการนี้เปิดโอกาสให้เยาวชนได้ฝึกซ้อมฟุตบอลอย่างจริงจัง 6 วันต่อสัปดาห์ ด้วยค่าใช้จ่ายที่เข้าถึงได้เพียง 2,000 บาทต่อเดือน เพื่อให้ทุกครอบครัวสามารถส่งเสริมศักยภาพบุตรหลานได้อย่างเท่าเทียม และพิเศษสุด เปิดโอกาสให้ฝึกฟรี! ระหว่างวันที่ 9–31 พฤษภาคมนี้ เพื่อให้น้อง ๆ ได้สัมผัสประสบการณ์จริงก่อนตัดสินใจเข้าร่วมอย่างเต็มตัวโดยในช่วงเริ่มต้นจะเปิดเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ แต่ ZHULIAN มีแผนขยายสนามเพิ่มเติมในอนาคต หากได้รับการตอบรับอย่างดี เพื่อให้เยาวชนในต่างจังหวัดสามารถเข้าถึงโอกาสนี้ได้อย่างเท่าเทียม”

“ZHULIAN จะเป็นพลังเล็ก ๆ ที่ช่วยจุดไฟฝันในใจของเด็กไทย ให้พวกเขาได้ใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่ เดินตามฝัน และสร้างอนาคตที่ดีให้กับตนเอง ครอบครัว และประเทศชาติเราเชื่อว่าไม่มีความฝันใดไกลเกินเอื้อม หากได้รับการสนับสนุนที่ถูกต้อง และเราอยากเป็นก้าวแรกที่สำคัญในเส้นทางของน้อง ๆ เราจะสานต่อพันธกิจนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เยาวชนไทยทุกคนมีโอกาสได้แสดงความสามารถอย่างภาคภูมิ และก้าวสู่การเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาสังคมไทยต่อไปในอนาคต”

ZHULIAN Football Club Academy พร้อมแล้วที่จะสร้างแรงบันดาลใจครั้งใหม่ ปั้นนักเตะรุ่นใหม่ให้ก้าวไกลสู่สนามระดับชาติ

ร้านTina’s Sathorn จัดอาหารค่ำสุดพิเศษสไตล์นิวออร์ลีนส์ รายได้มอบให้ “มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม”

Tina’s Sathon ร้าน Fine Dining ซอยสวนพลู จัด Charity Dinner ชวนเปลี่ยนชีวิตเด็กๆ ด้วยรอยยิ้มกับอาหารมื้อสุดพิเศษสไตล์นิวออร์ลีนส์ (New Orleans) ในบรรยากาศดนตรีสนุกสนานแบบ   นิวออร์ลีนส์ มอบรายได้ให้มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม (Operation Smile) วันพฤหัสบดี ที่ 8 พฤษภาคม 2568 ตั้งแต่ 18.30 น. ราคาท่านละ 3,000 บาท ประธานมูลนิธิฯ เผยดำเนินการผ่าตัดรักษาผู้ป่วยได้ 10-12 โครงการ ช่วยเหลือเด็กที่เป็นปากแหว่งเพดานโหว่ทั่วประเทศได้กว่า 1,000 รายต่อปี

ร้านอาหาร Fine Dining ชื่อดัง Tina’s Sathon ชวนร่วมรับประทานอาหารในค่ำคืนสุดพิเศษกับ Charity Dinner ที่เชฟเดวิด คลีแลนด์ หัวหน้าเชฟและผู้ก่อตั้งร้านเตรียมมอบประสบการณ์ของไฟน์ไดน์นิ่งสไตล์นิวออร์ลีนส์แท้ๆ ด้วยอาหาร 4 คอร์สพร้อมไวน์ โดยรายได้ทั้งหมดเตรียมมอบให้กับมูลนิธิสร้างรอยยิ้มเพื่อนำไปใช้ในกิจการของมูลนิธิฯ ในการผ่าตัดเด็กปากแหว่งเพดานโหว่ ผู้เข้าร่วมในกิจกรรมดังกล่าวได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้หนึ่งเท่า

ทันตแพทย์หญิงยุพเรศ นิมกาญจน์ ประธานมูลนิธิสร้างรอยยิ้ม เปิดเผยถึงค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดอาการปากแหว่งหรือเพดานโหว่เฉลี่ยประมาณ 25,000 – 50,000 บาทต่อหนึ่งครั้ง โดยแต่ละปีมูลนิธิฯ จะเดินทางไปทั่วประเทศเพื่อเปิดโครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เพื่อผ่าตัดรักษาผู้ป่วยประมาณ 4 ครั้ง “การผ่าตัดแต่ละรายจะมีความซับซ้อนแตกต่างกันไป หลายรายต้องรับการผ่าตัดหลายขั้นตอน ต้องใช้อุปกรณ์การแพทย์ที่มีเฉพาะในกรุงเทพฯ เท่านั้น ทีมของมูลนิธิฯ ที่ประกอบด้วยแพทย์อาสาสมัครจากหลากหลายสาขา อาทิ ศัลยแพทย์ วิสัญญีแพทย์ ทันตแพทย์ ทีมงานภาคสนาม ล่าม ฯลฯ มีความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”

“ในนามมูลนิธิสร้างรอยยิ้ม ขอขอบคุณร้าน Tina’s Sathorn ที่กรุณาจัดกิจกรรมพิเศษนี้เพื่อระดมทุนให้กับเรา และหวังว่าจะได้รับการตอบรับจากท่านที่สนใจเพื่อที่เราจะได้ร่วมกันช่วยเด็กๆ ที่ประสบปัญหาปากแหว่งเพดานโหว่ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” ประธานมูลนิธิสร้างรอยยิ้มกล่าว

Charity Dinner ร้าน Tina’s Sathorn จะจัดขึ้นวันพฤหัสบดีที่ 8 พฤษภาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 18.30 น. ติดต่อจองโต๊ะได้ที่ไลน์ @tinas หรือโทร 062-141-6549 และ www.tinassathorn.com สามารถจอดรถได้ที่โรงแรม Somerset สวนพลู

ถิรไทย ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 พร้อมจ่ายปันผล 0.37 บาทต่อหุ้น

ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานกรรมการ พร้อมด้วย นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT ผู้นำตลาดหม้อแปลงไฟฟ้า และอุตสาหกรรมด้านพลังงานรายใหญ่ของประเทศ ร่วมเป็นประธานในการประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 เพื่อสรุปผลดำเนินงานพร้อมประกาศจ่ายปันผล 0.37 บาทต่อหุ้น โดยมี นายเสริมสกุล คล้ายแก้ว, นายอรรณพ เตกะจรินทร์, นางสุนันท์ สันติโชตินันท์ ร่วมประชุมด้วย ณ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อเร็ว ๆ นี้

JGAB 2025 สุดปัง! เปิดเวที The Next Gem Awards 2025เฟ้นหาดีไซน์เนอร์เครื่องประดับรุ่นใหม่ เปล่งประกายไอเดียเหนือจินตนาการ

งาน Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2025 (JGAB 2025) เปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่! งานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับระดับภูมิภาคอาเซียนที่ใหญ่ที่สุด จัดโดยอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ร่วมกับภาครัฐและเอกชน บนพื้นที่จัดแสดงกว่า 17,000 ตารางเมตร ไฮไลต์ของปีนี้ไม่เพียงเป็นเวทีเจรจาธุรกิจและโชว์เคสนวัตกรรมล่าสุดในอุตสาหกรรม แต่ยังเปิดเวทีแห่งความคิดสร้างสรรค์กับ “The Next Gem Awards 2025” การประกวดออกแบบเครื่องประดับเพื่อเฟ้นหานักออกแบบรุ่นใหม่ ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 20,000 บาท

การแข่งขันปีนี้เข้มข้นและเปี่ยมด้วยพลังสร้างสรรค์ โดยมีทีมผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศทั้งหมด 5 ทีม ได้แก่ ETHEREAL จากมหาวิทยาลัยบูรพา, Lieber, PIMRAPHA, มามาหมูเด้ง และ ทีมศิลปะการนางเลิ้ง จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ซึ่งทุกทีมสะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ที่กล้าท้าทายกรอบเดิมของการออกแบบเครื่องประดับ และผู้ที่คว้ารางวัลชนะเลิศในปีนี้ไปครอง ได้แก่ นายติโลตตมา แก้วมาระวัง วัย 28 ปี จากมหาวิทยาลัยบูรพา คณะอัญมณี สาขาการออกแบบเครื่องประดับ ซึ่งถ่ายทอดผลงานสุดโดดเด่นจากแนวคิด “Unlimited Creation” โดยได้รับแรงบันดาลใจจากภาพของเพอร์ซีอัสที่ตัดหัวของเมดูซา

นายติโลตตมา แก้วมาระวัง ถ่ายทอดแนวความคิดว่า “ตอนที่เริ่มต้นคิดงาน เรานึกถึงภาพของเพอร์ซีอัสที่ถือหัวของเมดูซา ซึ่งในตำนานแค่ ‘หัวเดียว’ ก็มีพลังมากพอที่จะเสกให้คนกลายเป็นหินได้ มันทำให้เรารู้สึกว่า แม้เพียง ‘ชิ้นเดียว’ ก็สามารถทรงพลังได้ไม่แพ้กัน นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดทั้งหมด”

ในปัจจุบัน Pain Point ในอุตสาหกรรมอัญมณีที่ใช้ทรัพยากรจำนวนมาก ทั้งแรงงาน เงินทุน และวัตถุดิบ ซึ่งเมื่อแร่บางชนิดไม่มีคุณสมบัติหรือความงามเพียงพอ ก็จะถูกทิ้งโดยเปล่าประโยชน์ อย่างเช่น “แร่หยก Jadeite บางสีที่ไม่ใสหรือไม่เขียวพอจะขายไม่ได้เลย ทั้งที่ยังมีคุณค่าอยู่มาก เช่นเดียวกับมาลาไคต์ (Malachite) หรือกรีน โครมไดออปไซด์ (Green Chrome Diopside) ที่เรานำมาใช้ในงานนี้ เราอยากยกระดับของเหลือใช้ให้กลับมามีมูลค่า ผ่านฝีมือการแกะสลักที่ช่างไทยทำได้ดีมากอยู่แล้ว”

ดังนั้นจึงเลือกวัสดุสร้างดีไซน์แบบ “โมดูลาร์” ที่สามารถถอด ประกอบ เปลี่ยนรูปทรงได้ตามใจผู้สวมใส่ “เราคิดว่า ‘ความคิดสร้างสรรค์’ ไม่ควรจำกัดอยู่แค่ในตัวดีไซเนอร์ เพราะฉะนั้นเราจึงออกแบบให้เจ้าของชิ้นงานสามารถ ‘เล่นสนุก’ ได้ด้วยตัวเอง ถอดประกอบใหม่ได้หมด แม้แต่เจ้าของเองอาจไม่จำภาพต้นฉบับได้ นั่นคือเสน่ห์ของมัน”

นายติโลตตมา ได้สะท้อนมุมมองธุรกิจด้วยว่า สำหรับ SME ที่มีทุนจำกัด แนวคิดการผลิตเครื่องประดับที่ลูกค้าสามารถใช้ได้หลายรูปแบบในชิ้นเดียว เป็นทางเลือกที่ช่วยลดต้นทุน เพิ่มความพิเศษ และทำให้ลูกค้ามีความผูกพันกับสินค้า “มันเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขายแค่ 1 ชิ้น แต่สร้างประสบการณ์เหมือนได้ 5 แบบ ลูกค้าไม่ต้องซื้อของใหม่บ่อย ๆ ส่วนช่างไทยก็มีงานมากขึ้น เป็นโมเดลที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์”

ผลงานชิ้นนี้ยังโดดเด่นด้านแนวคิดศิลปะ โดยนำแรงบันดาลใจจากตำนานกรีกมาตีความใหม่ ตัวเรือนใช้สีทองสะท้อนอารยธรรมกรีก ผสานกับโทนสีเขียวของแร่ที่เลือกใช้ ซึ่งสื่อถึงพลัง ความลึกลับ และความเย้ายวนแบบวายร้าย ในขณะที่การใช้ทับทิมและพลอยสีแดงแสดงถึง “หยดเลือดของเมดูซา” ที่ในตำนานเชื่อว่าสร้างปาฏิหาริย์ได้

นอกจากเวทีการประกวดสุดเข้มข้น JGAB 2025 ยังเตรียมโชว์หมัดเด็ดผ่าน “JGAB Runway” แฟชั่นโชว์เครื่องประดับสุดตระการตาภายใต้ธีม Jewels of the New Era และ Symphony of Light พร้อมโซนไฮไลต์อย่าง The ASEAN’s Masterpieces Gallery ที่จัดแสดงผลงานระดับตำนาน และเวิร์กช็อปสุดล้ำเกี่ยวกับ Blockchain และ AI ที่กำลังเปลี่ยนโฉมวงการ

JGAB 2025 จึงไม่ใช่แค่งานแสดงสินค้า แต่คือเวทีของคนที่กล้าคิด กล้าฝัน และกล้าสร้างการเปลี่ยนแปลง ทั้งในแง่ความคิดสร้างสรรค์ การใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า และการเปิดทางให้คนรุ่นใหม่ได้เฉิดฉายแบบไม่มีกรอบมาจำกัด

เปิดแล้ว…..เวทีอัญมณีและเครื่องประดับอาเซียนนานาชาติJewellery & Gem ASEAN Bangkok 2025 (JGAB 2025)

นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายมนู เลียวไพโรจน์  เปิดงาน Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2025 (JGAB 2025) งานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับแห่งภูมิภาคอาเซียน ระหว่างวันที่ 23 – 26 เมษายน 2568 หนุนไทยเป็นศูนย์กลางอัญมณีและเครื่องประดับของภูมิภาค ยกระดับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน และส่งเสริมให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตและการค้าของอัญมณีและเครื่องประดับในภูมิภาคอาเซียน โดยงานนี้จะเป็นเวทีสำคัญในการแสดงสินค้าระดับสากล,การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้, สร้างเครือข่ายธุรกิจ และเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับนักออกแบบและผู้ประกอบการจากทั่วโลก รวมถึงผู้ผลิตจากไทย โดยมี นางอภิรดี  ขาวเธียร ,นายอภิชิต ประสพรัตน์ , ร่วมเปิดงาน ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

สคส. เร่งประสานฟู้ดแพนด้า ติดตามแผนลบ-ทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หลังยุติกิจการในไทย

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) เผย ได้ติดตามสถานการณ์การยุติให้บริการของแพลตฟอร์ม Foodpanda ในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด พร้อมประสานงานกับบริษัทเพื่อขอรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ ร้านค้า และไรเดอร์ หลังประกาศหยุดดำเนินกิจการในวันที่ 23 พฤษภาคม 2568

พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กล่าวว่า “สคส. ให้ความสำคัญกับสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจที่ส่งผลต่อการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูล เช่น การปิดกิจการ การควบรวม หรือการโอนกิจการไปยังประเทศอื่น”

“เราได้ขอให้บริษัทชี้แจงแนวทางการดำเนินการตาม มาตรา 37 และมาตรา 40 ของ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เกี่ยวกับการเก็บรักษา การลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่จำเป็นต้องเก็บต่อไป รวมถึงมาตรการในการป้องกันไม่ให้ข้อมูลรั่วไหล” พ.ต.อ.สุรพงศ์ กล่าว

ทั้งนี้ สคส. จะติดตามผลการดำเนินการอย่างใกล้ชิด และหากพบว่าบริษัทดำเนินการไม่เป็นไปตามกฎหมาย จะมีมาตรการตามกฎหมายต่อไป เพื่อคุ้มครองสิทธิของประชาชนอย่างเต็มที่

หากประชาชนพบเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล สามารถติดต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) โทร. 02-111-8800 หรืออีเมล: saraban@pdpc.or.th

ไวไว ร่วมสืบสาน “ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่ ประจำปี 2568” ภายใต้แนวคิด “เสิร์ฟความม่วน สาดความมันส์ สีสันปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่”

นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นางกุสุมาล พงษ์สิทธิถาวร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดงาน “ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่ ประจำปี 2568” เทศกาลสงกรานต์เชียงใหม่ภายใต้แนวคิด “เสิร์ฟความม่วน สาดความมันส์ สีสันปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่” โดยมีนางสาวณิชรัตน์ ชำนาญกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการตลาด (ฝ่ายการตลาด) บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “ไวไว”, นายศิริชัย คำลม ผู้จัดการฝ่ายการตลาด (กิจกรรมพิเศษ), นางสาวนิรชา บุญจิตธรรม ผู้จัดการฝ่ายส่งเสริมการตลาด และ นายธนปกรณ์ วูวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด (บริหารผลิตภัณฑ์) ร่วมสนับสนุนการจัดงานด้วย ณ ประตูท่าแพ จังหวัดเชียงใหม่

สคส.ดัน DPO ภาครัฐสู่แนวหน้ารับมือภัยไซเบอร์ – ป้องกันก่อนเกิดเหตุ

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) ยกระดับมาตรการเชิงรุกให้กับ เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO) หน่วยงานภาค จัดอบรมเชิงปฏิบัติการสร้างความแข็งแกร่งในการรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการป้องกันเหตุละเมิดข้อมูล ทั้งต่อประชาชน องค์กร และภาพลักษณ์ของประเทศ

พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.)     กล่าวว่า DPO ไม่ใช่แค่ตำแหน่งที่ต้องมีตามกฎหมาย แต่คือ “ด่านหน้า” ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ กระตุ้น เตือน และให้คำแนะนำด้านการคุ้มครองข้อมูลในหน่วยงาน ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในยุคที่ภัยไซเบอร์ไม่ได้มาจากการแฮ็กระบบเท่านั้น แต่ยังเกิดจากการจัดเก็บ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลโดยไม่ถูกต้องภายในองค์กร

เจ้าหน้าที่ DPO ต้องมีความรู้ครอบคลุมทั้งด้านกฎหมาย เทคโนโลยี และแนวปฏิบัติที่ปลอดภัย เพื่อให้สามารถวางระบบป้องกัน วิเคราะห์ความเสี่ยง และรับมือเหตุละเมิดได้อย่างมืออาชีพ โดยเฉพาะในหน่วยงานภาครัฐ และองค์กรที่ประมวลผลข้อมูลจำนวนมากหรือข้อมูลส่วนบุคคลประเภทอ่อนไหว เช่น โรงพยาบาลและบริษัทประกันภัย ซึ่งตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) กำหนดให้ต้องแต่งตั้ง DPO อย่างชัดเจน

“เราไม่สามารถรอให้เกิดเหตุรั่วไหลแล้วค่อยแก้ไขได้อีกต่อไป เป้าหมายของ สคส. คือ Zero Data Breach – ข้อมูลรั่วไหลต้องเป็นศูนย์ และ DPO คือหัวใจของการขับเคลื่อนเป้าหมายนี้” โดยเปรียบเสมือน “แนวหน้า” ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ กระตุ้น เตือน และให้คำแนะนำภายในหน่วยงาน พร้อมจัดทำเอกสารสำคัญ เช่น ROPA (Records of Processing Activities) วิเคราะห์ความเสี่ยงด้านกฎหมาย (GAP Analysis) และวางแนวทางรับมือเหตุละเมิดข้อมูล (Data Incident Response) อย่างเป็นระบบ ภารกิจนี้จึงไม่เพียงแค่ตอบโจทย์ด้านกฎหมาย แต่ยังเป็นการรักษาความเชื่อมั่นของประชาชน ซึ่งเป็นหัวใจของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างแท้จริง พ.ต.อ.สุรพงศ์ กล่าวปิดท้าย

หากประชาชนพบเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล สามารถติดต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) โทร. 02-111-8800 หรืออีเมล: saraban@pdpc.or.th