Marketing » COCOCO เผยงวด 9 เดือนปีนี้ กำไรสุทธิ 211.68 ลบ. เดินหน้าบริหารต้นทุน-ยกระดับเทคโนโลยีการผลิต รับมือความผันผวน สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

COCOCO เผยงวด 9 เดือนปีนี้ กำไรสุทธิ 211.68 ลบ. เดินหน้าบริหารต้นทุน-ยกระดับเทคโนโลยีการผลิต รับมือความผันผวน สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

12 พฤศจิกายน 2025
29   0

บมจ. ไทย โคโคนัท (Thai Coconut PCL หรือ COCOCO) เผยงงวด 9 เดือนปี 2568 รักษากำไรไว้ที่ 211.68 ล้านบาท ภายใต้ภาวะต้นทุนที่ผันผวน ตั้งเป้ามุ่งเน้นการบริหารต้นทุน พร้อมพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตให้มีประสิทธิผลสูงสุด มุ่งเน้นการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตของรายได้และผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นในระยะยาว พร้อมคาดโรงงานแห่งใหม่ในประเทศฟิลิปปินส์ “ภายใต้ NOVOCOCONUT INC.” จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและลดความเสี่ยงด้านห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Risk) คาดเริ่มดำเนินการได้ภายในปี 2569

ดร.วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO ผู้ผลิตจำหน่าย และส่งออกผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าวรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ รายงานผลประกอบการของบริษัทและบริษัทย่อยในงวด 9 เดือนแรกปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้รวม 5,117.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.73% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า และบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ เท่ากับ 211.68 ล้านบาท  โดยการเติบโตของรายได้มาจากแรงหนุนจากการเติบโตของกลุ่มผลิตภัณฑ์กะทิ ซึ่งมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามกระแสรักสุขภาพและความนิยมของผู้บริโภคที่มองหาผลิตภัณฑ์ทางเลือกจากกะทิและอาหารเพื่อสุขภาพ อีกทั้งยังได้รับประโยชน์จากความชัดเจนของกฎระเบียบที่ส่งเสริมให้ผลิตภัณฑ์กะทิมีสถานะที่ได้เปรียบเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์นมแบบดั้งเดิม

นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการเติบโตของรายได้จากผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ดร.วรวัฒน์ กล่าวต่อว่า บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการขยายตลาดต่างประเทศในภูมิภาคหลัก ได้แก่ เอเชีย ยุโรป และอเมริกา พร้อมทั้งเดินหน้าโครงการลงทุนผ่านบริษัทย่อยในประเทศฟิลิปปินส์ ภายใต้ชื่อ NOVOCOCONUT INC. เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตและลดความเสี่ยงด้านห่วงโซ่อุปทาน โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในปี 2569 ทั้งนี้ แม้เผชิญภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน บริษัทฯ ยังคงดำเนินกลยุทธ์บริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับกระจายตลาดและฐานลูกค้า เพื่อรักษาการเติบโต

งวด 9 เดือนแรกปี 2568 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ เท่ากับ 211.68 ล้านบาท เป็นผลมาจากต้นทุนขายที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาวัตถุดิบมะพร้าวที่ได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Niño) ซึ่งเป็นปัจจัยชั่วคราวตามที่ได้ชี้แจงไว้ในหัวข้อ “ต้นทุนขายและบริการ” อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไรในระดับที่มั่นคงภายใต้ภาวะต้นทุนที่ผันผวน โดยบริษัทฯ มุ่งเน้นการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตให้มีประสิทธิผลสูงสุด และการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตของรายได้และผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นในระยะยาว

สำหรับ งวดไตรมาสที่ 3 ปี 2568 มีรายได้รวม 1,770.96 ล้านบาท โดยเป็นไปตามรายได้จากการขายและบริการในกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าว ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3 ปี 2568 เท่ากับ 69.45 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้นจากการขยายกำลังการผลิตในกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวและการทดลองเดินเครื่องจักรใหม่ก่อนเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายบุคลากรและการดำเนินโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพภายในองค์กร เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต

ไตรมาสที่ 3 ปี 2568 บริษัทฯ มีต้นทุนขายและบริการลดลงมาอยู่ที่ 1,424.46 ล้านบาท โดยการปรับลดลงของต้นทุนขายและบริหารในไตรมาสนี้เป็นผลจากต้นทุนวัตถุดิบมะพร้าวที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงและบริษัทฯ ควบคุมประสิทธิภาพการผลิตของกลุ่มผลิตภัณฑ์กะทิได้ดีขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ มีปริมาณการผลิตของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิด Economy of Scale ช่วยให้ลดต้นทุนต่อหน่วย อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและอยู่ระหว่างบริหารความเสี่ยงต้นทุนอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งลดผลกระทบในระยะยาวผ่านการลงทุนใน โรงงานแห่งใหม่ในประเทศฟิลิปปินส์